ข่าว

'โจนาธาน พอลลาร์ด' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า

'โจนาธาน พอลลาร์ด' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า

02 ส.ค. 2558

เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'โจนาธาน พอลลาร์ด' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

� � � � � � � � � � � ยุคนี้ถ้าพูดถึงสุดยอดการล้วงตับข้อมูลลับสุดยอดของอินทรีผยองสหรัฐ ต้องยกให้ จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์จอมแฉวิกิลีกส์ เผยแพร่เอกสารลับทางการทูตนับแสนๆ ชิ้น จนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกยิ่งกว่าแผ่นดินไหวระดับ 8-9 ริกเตอร์เสียอีก อีกคนหนึ่งก็คือ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรอง ผู้เปิดโปงโครงการของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่แอบดักฟังโทรศัพท์รวมทั้งเจาะข้อมูลสื่อออนไลน์และอุปกรณ์ไฮเทคของมะกันชนและชาวโลกหลายร้อยล้านคน รวมไปถึงการดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำพันธมิตรทั้งใกล้และไกล ทั้งสนิทและไม่สนิทอีกนับไม่ถ้วน
� � � � � � � � � � � ถ้าเป็นสมัยก่อนในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยเหมือนในขณะนี้ ขณะที่สงครามเย็นกำลังร้อนระอุใกล้จะถึงจุดเดือด การขโมยความลับสุดยอดของต่างชาติจะต้องอาศัยความสามารถพิเศษเป็นการส่วนตัวของสายลับแต่ละคน แน่นอน เกือบทุกคนจะนึกถึง เจมส์ บอนด์ สุดยอดอภิมหาสายลับอมตะนิรันดร์กาลแห่งเมืองผู้ดีอังกฤษ หรือ เจสัน บอร์น สายลับอเมริกันในนวนิยายชื่อดังของของ โรเบิร์ด ลัดลัม ส่วนสุดยอดสายลับของยิวในหน่วยมอสสาด ก็คงไม่มีใครเกิน เกเบรียล อัลลอน ตัวเอกในนวนิยายของ แดเนียล ซิลวา นักเขียนมือทองในยุคสมัยนี้
� � � � � � � � � � � แต่ถ้าเป็นสายลับชื่อดังตัวจริงเสียงจริงในยุคสงครามเย็น ซึ่งเกือบจะเป็นชนวนให้สองมหาพันธมิตรสหรัฐ-อิสราเอลแทบจะแตกคอกัน ชื่อของ โจนาธาน พอลลาร์ด ชาวอเมริกันเชื้อสายยิว อดีตนักวิเคราะห์ของกองทัพเรือสหรัฐย่อมติดอันดับต้นๆ ของยอดสายลับสองหน้าหรืออีกนัยหนึ่งเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เจาะข้อมูลลับของแดนดินถิ่นอินทรีจนแทบพรุน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ของโลกอาหรับ แล้วนำไปขายต่อให้แก่แดนดินถิ่นลูกหลานคิงโซโลมอน สร้างความหายนะทางด้านความมั่นคงปลอดภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของแดนอินทรีต่อมา
\'โจนาธาน พอลลาร์ด\' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า
� � � � � � � � � � � เมื่อเรื่องเริ่มแดงและรัฐบาลเทลอาวีฟตัดสินใจตัดหางปล่อยวัด พอลลาร์ด จึงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2528 ที่หน้าสถานทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน ต่อมาศาลอเมริกันได้ตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตที่เรือนจำกลางในเมืองบัตเนอร์ รัฐนอร์ทแคโรไลนาในความผิดอุกฉกรรจ์ที่ก่อไว้ นับเป็นชาวอเมริกันเพียงคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาลักลอบส่งเอกสารลับสุดยอดของสหรัฐให้แก่ประเทศพันธมิตร กลายเป็นหนามยอกอกของสองประเทศมหามิตรเรื่อยมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีของเอเธลและจูเลียส โรเซนเบิร์ก สองสายลับยิวได้แอบขายความลับเรื่องระเบิดปรมาณูแก่สหภาพโซเวียต แต่ไม่ต้องโทษจำคุกขนาดนี้ เนื่องจากไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงเท่ากับกรณีของพอลลาร์ด
� � � � � � � � � � � ตั้งแต่ต้นมา ผู้นำระดับสูงในวอชิงตัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมหลายคน ผู้นำรัฐสภา หรือแม้กระทั่ง จอร์จ เทเนต อดีตผู้อำนวยการซีไอเอและสายลับจำนวนมากต่างยืนกรานไม่ยอมลดโทษให้พอลลาร์ดตามแรงกดดันจากนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่สนิทแนบแน่นแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันกับเทลอาวีฟ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เองได้แถลงกับสื่ออิสราเอลเมื่อปีที่แล้วว่า ไม่มีแผนจะปล่อยตัวพอลลาร์ด ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเช่นเดียวกับชาวอเมริกันที่ถูกตัดสินลงโทษ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคงของแดนอินทรีมีจุดยืนแข็งก้าวเช่นนี้ เนื่องจากการกระทำของพอลลาร์ดได้สร้างความเสียหายด้านความมั่นคงให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวงมากกว่าที่ประชาชนทั่วไปรับรู้มากต่อมาก โดยเฉพาะเมื่อเอกสารลับนับหมื่นๆ ชิ้นที่ตกไปอยู่ในมือของอิสราเอลนั้น ส่วนหนึ่งก็ตกไปอยู่ในมือของสหภาพโซเวียตที่แอบซื้อหรือหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลลับจากยิวมาอีกทอดหนึ่ง ขณะที่ แอนน์ เฮนเดอร์สัน ภรรยาของพอลลาร์ดก็อาศัยความลับของจีนไปเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเธอ จึงเห็นได้ชัดว่าแรงจูงใจของพอลลาร์ดมาจากความโลภในเงินตรา ไม่ใช่มาจากความรักชาติที่พอจะฟังได้
� � � � � � � � � � � แหล่งข่าวระดับสูงในฝ่ายรักษาความมั่นคงของแดนอินทรี เปิดเผยว่า อิสราเอลได้ใช้ข้อมูลลับเหล่านั้นไปเป็นประโยชน์ ตั้งแต่จงใจทำลายเครือข่ายปฏิบัติการลับของสหรัฐในตะวันออกกลาง ทำลายเครื่องมือการจารกรรมของสหรัฐในสหภาพโซเวียตและในยุโรปตะวันออกด้วย จนทำให้จารชนอเมริกันหลายคนที่ฝังตัวอยู่ในประเทศหลังม่านเหล็กและบริวารถูกกำจัดทิ้ง ส่งผลให้เครือข่ายจารกรรมของสหรัฐในตะวันออกกลางและในประเทศหลังม่านเหล็กถึงกับง่อยเปลี้ยไปนาน ความเสียหายนี้จึงถือว่าหนักหนาสาหัสจนไม่มีทางยอมอภัยให้แก่หนอนบ่อนไส้พอลลาร์ดเป็นอันขาด
� � � � � � � � � � � แต่แล้วชื่อของ โจนาธาน พอลลาร์ด กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อวอชิงตันยอมกลับลำตัดสินใจจะยอมปล่อยตัวหนอนบ่อนไส้วัย 60 ปี ผู้นี้ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ หลังต้องโทษจำคุกมา 30 ปี เต็มพอดี ท่ามกลางข่าวลือที่กระหึ่มไปทั่วว่าเพื่อปลอบใจผู้นำเทลอาวีฟที่กำลังคลุ้มคลั่งกรณี 6 ประเทศมหาอำนาจ รวมทั้งสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับอิหร่านเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมในโครงการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
� � � � � � � � � � � อย่างไรก็ดี ทั้งกระทรวงต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติต่างยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวว่าไม่เกี่ยวกันแม้แต่น้อย เป็นแค่เหตุบังเอิญตรงกับช่วงที่ศาลจะพิจารณาคำร้องของนักโทษตามขั้นตอนปกติในการปล่อยตัวพร้อมทัณฑ์บน ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นอีกเรื่องนี้
� � � � � � � � � � � โจนาธาน เจย์ พอลลาร์ด เกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2497 ที่กัลเวสตัน รัฐเท็กซัส เป็นลูกคนสุดท้องของพ่อแม่เชื้อสายยิว ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเซาท์เบนด์ รัฐอินดิอานา เมื่อปี 2504 หลังจากพ่อของเขาซึ่งคว้ารางวัลด้านจุลชีววิทยาได้ย้ายไปเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนอร์เตอร์เดมตั้งแต่เด็ก พอลลาร์ดได้รับการกรอกหูเรื่องของการสังหารหมู่ชาวยิวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งถูกปลูกฝังให้สำนึกถึงความเป็นคนยิวที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ คำสอนนี้จึงซึมลึกเข้าไปฝังในหัว จนต้องขอไปเยี่ยมชมค่ายมรณะและสมัครไปเข้าค่ายฤดูร้อนที่สถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์แมนน์ ในอิสราเอล เมื่อปี 2513
� � � � � � � � � � � เพื่อนเก่าหลายคนที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เล่าว่า ก่อนจะสำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2519 พอลลาร์ดชอบโกหกเพื่อนๆ ว่าเป็นคน 2 สัญชาติ ทั้งสหรัฐและอิสราเอล และยังอ้างว่าได้ทำงานกับหน่วยจารกรรมมอสสาด จนได้ติดยศพันเอกในกองทัพอิสราเอล แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น หลังเรียนจบพอลลาร์ดได้ส่งจดหมายสมัครงานไปที่ซีไอเอ และที่กองทัพเรือ ปรากฏว่าซีไอเอไม่รับทำงานเนื่องจากเจ้าตัวยอมรับว่าเคยมีประวัติเสพยาเสพติดมาก่อนระหว่างปี 2517-2518 แต่กองทัพเรือกลับรับเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการด้านข่าวกรอง โดยตอนแรกให้รับผิดชอบงานข่าวกรองโซเวียต ก่อนจะถูกโยกย้ายไปหลายแผนก ท้ายสุด ผู้บังคับบัญชามีแผนจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง ระหว่างนั้น พอลลาร์ดได้สร้างเรื่องโกหกหลายครั้ง อาทิ หลอกว่าพ่อเคยทำงานกับซีไอเอหรือบอกว่าไม่เคยเสพยาเสพติดเพื่อจะได้ทำงานที่นี่ต่อไป
\'โจนาธาน พอลลาร์ด\' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า
� � � � � � � � � � � ในที่สุด พอลลาร์ดได้ทำงานที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพเรือ จุดผกผันจนได้เป็นสายลับสองหน้ามีขึ้นเมื่อได้พบกับ เอเวียม เซลลา อดีตทหารผ่านศึกของกองทัพอากาศอิสราเอล ซึ่งยอมทิ้งยศพันเอกเพื่อจะทำปริญญาโทด้านคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พอลลาร์ดเป็นคนเสนอตัวเองว่าจะเป็นสายลับให้แก่อิสราเอล แม้เซลลาจะระแวงว่าอาจเป็นสายของเอฟบีไอ จนต้องโทรศัพท์ไปหารือกับผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองที่เทลอาวีฟซึ่งได้โอนสายไปที่เสนาธิการกองทัพอากาศ ที่แนะนำให้เซลลาตีสนิทกับพอลลาร์ดให้มากขึ้นแต่ให้ทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเป็นแผนของสหรัฐที่ต้องการจะกวาดล้างสายลับต่างชาติให้สิ้นซาก ไม่กี่วันหลังจากนั้น พอลลาร์ดก็ทยอยมอบข้อมูลที่เป็นความลับสุดยอดให้เซลลาและได้เงินตอบแทน 1 หมื่นดอลลาร์ รวมทั้งแหวนแซฟไฟร์ราคาแพง ซึ่งเจ้าตัวใช้เป็นแหวนแต่งงานกับ แอนน์ เฮนเดอร์สัน จากนั้นเป็นต้นมา อิสราเอลได้จ่ายเงินก้อนงามในรูปเงินเดือนถึงเดือนละ 2.5 หมื่นดอลลาร์ ไม่นับเงินสดอีกหลายพันดอลลาร์เพื่อเป็นค่าโรงแรม ค่าอาหารและแก้วแหวนเงินทองแลกกับข้อมูลลับหลายหมื่นหน้า ระหว่างให้การต่อศาล พอลลาร์ดกล่าวว่า ยอมทำเช่นนั้นเพราะความรักในเชื้อชาติยิว ไม่ต้องการเงินค่าตอบแทนเหล่านั้น แต่ต้องการตำแหน่งในศูนย์ฝึกอบรมงานจารกรรมของอิสราเอลที่ตั้งอยู่นอกกรุงเทลอาวีฟ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อเมริกันยืนยันว่าพอลลาร์ดได้รับค่าตอบแทนหลายหมื่นดอลลาร์
� � � � � � � � � � � พอลลาร์ดยังยอมรับสารภาพว่า ได้แอบดูเอกสารลับของทุกประเทศ จากการสอบสวนพบว่าเจ้าตัวยังได้แอบขายข้อมูลลับให้แก่แอฟริกาใต้ อีกทั้งพยายามจะขายให้แก่ปากีสถานด้วย นอกเหนือจากพยายามขายอาวุธให้แก่แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา ไต้หวัน ปากีสถานและอิหร่านผ่านนายหน้าหลายครั้งด้วยกัน
� � � � � � � � � � � การเป็นหนอนบ่อนไส้ของพอลลาร์ดเริ่มความแตกเมื่อปี 2528 แต่เนื่องจากเอฟบีไอยังไม่มีหลักฐานแน่นหนาจึงได้แต่แอบสะกดรอย พอลลาร์ดและแอนน์ ภรรยา พยายามจะหนีไปที่สถานทูตอิสราเอลในวอชิงตันเพื่อขอลี้ภัยในปลายเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกันนั้น แต่หน่วยรักษาความปลอดภัยของอิสราเอล ซึ่งได้รับคำสั่งลับจากเทลอาวีฟได้ขัดขวางไม่ยอมให้เข้าไปในสถานทูต พอลลาร์ดจึงถูกเอฟบีไอตะครุบตัว ขณะที่แอนน์หนีไปได้และได้ไปพบกับเซลลาที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งเพื่อขอร้องให้ช่วยพอลลาร์ดด้วย แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่พอลลาร์ดถูกจับ เซลลาและสายลับยิวอีก 2 คน กลับรีบบินไปนิวยอร์ก แล้วจับเครื่องบินเที่ยวแรกเดินทางออกจากประเทศทันที ก่อนที่เอฟบีไอจะขัดขวางได้ทัน แอนน์ถูกจับหลังจากนั้นวันเดียว
� � � � � � � � � � � ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อยที่รัฐบาลยิวยืนกรานมาตลอดว่าพอลลาร์ดไม่ใช่สายลับยิว แต่ตลอดช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา แดนดินถิ่นลูกหลานกษัตริย์โซโลมอนกลับอยู่เบื้องหลังการรณรงค์ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันและชาวยิว รวมทั้งนักการเมืองอเมริกันกดดันให้ผู้นำทำเนียบขาวลดโทษหรืออภัยโทษสายลับสองหน้าอ้างว่าการลงโทษครั้งนี้หนักหนาสาหัสเกินไป หนำซ้ำยังชูประเด็นนี้เป็นประเด็นหาเสียงเลือกตั้งในหลายๆครั้ง หรือการวางแผนให้พอลลาร์ดสละสัญชาติอเมริกัน แล้วถือสัญชาติอิสราเอลเพียงสัญชาติเดียวเพื่อหวังผลในการเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัว แต่สุดท้ายความจริงก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ รัฐบาลเทลอาวีฟจำใจสารภาพว่าพอลลาร์ดเป็นสายลับสองหน้าจริง และได้ทำหนังสือขอโทษวอชิงตันอย่างเป็นทางการ แต่ยืนกรานว่าไม่เคยจ่ายเงินซื้อเอกสารลับเหล่านั้น
� � � � � � � � � � � เป็นที่น่าสังเกตว่า ยิ่งนานวัน ข้ออ้างให้ปล่อยตัวพอลลาร์ดก็ยิ่งแรงขึ้นตามลำดับ อาทิ อ้างข้อมูลในเอกสารลับที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน นำมาเปิดโปงว่าวอชิงตันเองก็แอบสอดแนมผู้นำยิวเช่นกัน รวมไปถึงการแอบดักฟังการติดต่อสื่อสารของ เอฮุด โอลเมิร์ต นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ในช่วงปี 2551-2554 ส่วน เอฮุด บารัก สมัยที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2550 ก็ถูกสอดแนมโดยสถานทูตอเมริกันประจำกรุงเทลอาวีฟที่จงใจเช่าอพาร์ตเมนต์ตรงข้ามกับเพนต์เฮ้าส์ของบารักจะได้ง่ายต่อการจารกรรม เป็นต้น
� � � � � � � � � � � แล้วในที่สุด การต่อสู้ที่ยาวนานมา 30 ปีก็สิ้นสุดลง เมื่อจู่ๆ แดนอินทรีประกาศจะปล่อยตัวหนอนบ่อนไส้พอลลาร์ดในวันที่ 21 พฤศจิกายน อันเป็นวันครบรอบ 30 ปี เต็มที่ถูกจองจำ
---------------------
(เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'โจนาธาน พอลลาร์ด' หนอนบ่อนไส้หรือสายลับสองหน้า : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)