ข่าว

ส่งรถติดแอร์ขน‘สุนัขตำรวจ’เพิ่มศักยภาพค้นยาเสพติดเค-9

ส่งรถติดแอร์ขน‘สุนัขตำรวจ’เพิ่มศักยภาพค้นยาเสพติดเค-9

17 ก.ค. 2558

ส่งรถติดแอร์ขน‘สุนัขตำรวจ’เพิ่มศักยภาพค้นยาเสพติดเค-9 : แมรี่ แบรดลี่รายงาน

            ปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดในแต่ละครั้ง นอกจากกำลังตำรวจแล้ว “สุนัขตำรวจ” ถือเป็นบุคลากรสำคัญในการตรวจค้นเสาะหายาเสพติดของกลาง ซึ่งในแต่ละปียาเสพติดจำนวนมหาศาลถูกค้นพบโดย “สุนัขตำรวจ”

             กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ลำดับต้นๆ ของประเทศที่พบปัญหาแพร่ระบาดของยาเสพติด มีบ่อยครั้งที่ตำรวจสามารถตรวจยึดยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าหลักล้านเม็ดได้จากเครือข่ายค้ายาเสพติด ซึ่งผลงานการจับกุมนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลงานของ “สุนัขตำรวจ” ในสังกัดหน่วยเค-9 (K-9) กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล

             ปัจจุบันหน่วย เค-9 มีสุนัขตำรวจใน 3 สายพันธุ์ คือ ลาบราดอร์ เยอรมันเชฟเฟิร์ด และเบลเยียมมาลีนอย ในประจำการ 20 ตัว อายุระหว่าง 3-5 ปี ถูกฝึกให้มีความสามารถพิเศษในการตรวจค้นยาเสพติด 11 ตัว อีก 9 ตัวใช้สำหรับภารกิจตรวจค้นวัตถุระเบิดหมุนเวียนออกปฏิบัติหน้าที่

             เฉพาะในภารกิจตรวจค้นยาเสพติด “สุนัขตำรวจ” ถือเป็นผู้ช่วยสำคัญของชุดปราบปรามยาเสพติด เพราะถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจค้นยาเสพติดที่เครือข่ายซุกซ่อนไว้ตามแหล่งต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชุดตรวจค้นยาเสพติดสามารถยึดยาเสพติดได้จำนวนมหาศาล

             “สุนัขตำรวจเอกไมโล สุนัขพันธ์ลาบราดอร์ สีน้ำตาล วัย 5 ปี ถือเป็นมือวางอันดับ 1 ในการตรวจค้นยาเสพติดของหน่วยเค-9 เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งตรวจค้นยาเสพติดได้ในพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้ยาบ้ามากถึง 1.2 ล้านเม็ด ยาไอซ์อีก 33 กิโลกรัม” พ.ต.ท.วิสิฐศักดิ์ วิพัฒนมงคล สว.งานตรวจพิสูจน์ กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ บอก

             สุนัขตำรวจที่มีอยู่เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศซึ่งมีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาว แต่มีเซลล์ประสาทจมูกที่มีคุณสมบัติในการรับกลิ่นมากกว่าคนถึง 40 เท่า และเมื่อเทียบกับสุนัขสายพันธุ์ไทยแล้วมีขีดความสามารถที่สูงกว่า จึงเป็นที่นิยมนำมาฝึกเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ท้าทายนี้ แต่เพราะเป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาว อาจไม่คุ้นชินกับอากาศร้อนในไทย

             ที่ผ่านมา ในกระบวนการขนย้ายสุนัขตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่หน่วยเค-9 มีแต่รถกระบะที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และรถที่ใช้ขนย้ายมีอายุใช้งานมานานกว่า 17 ปี ซึ่งการเดินทางในสภาพที่อากาศร้อนทำให้สุนัขตำรวจเหนื่อยและล้า เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่ปฏิบัติงานจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้นกำลังทำให้บ่อยครั้งเกิดความล่าช้าในการทำงาน และความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจได้ เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จึงส่งมอบรถกระบะติดตั้งเครื่องปรับอากาศจำนวน 2 คัน ให้แก่หน่วยเค-9 ใช้ในภารกิจขนส่งสุนัขตำรวจระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่ โดยหวังจะให้สุนัขตำรวจเหล่านี้มีร่างกายที่พร้อมในการปฏิบัติภารกิจในทุกๆ ครั้งที่ออกตรวจค้นยาเสพติด

             "งบ 1.7 ล้านบาท คือเงินที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างยาเสพติด ถูกนำมาใช้ในการจัดซื้อรถยนต์สำหรับบรรทุกสุนัข เพราะการปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติดจำเป็นต้องใช้รถยนต์เข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยรถที่มีอยู่ใช้งานมานาน 17 ปี มีสภาพเก่าพอสมควร กระบะที่ใช้ขนสุนัขก็มีแต่เพียงพัดลม สุนัขเป็นสายพันธุ์ประเทศเมืองหนาวเมื่อเจออากาศร้อนในบ้านเราทำให้เหนื่อยล้า เมื่อมีรถกระบะดัดแปลงติดตั้งแอร์นำไปใช้ขนส่งสุนัขตำรวจจะเพิ่มศักยภาพได้มากขึ้น" นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต กล่าว

             สอดคล้องกับ พ.ต.ท.วิสิฐศักดิ์ ที่ยืนยันว่าหลังจากได้รับมอบรถยนต์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ได้นำไปใช้ในภารกิจขนส่งสุนัขตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติดทันที ซึ่งปรากฏว่าสุนัขตำรวจไม่มีอาการเหนื่อยหอบหลังการเดินทาง เพราะระหว่างที่อยู่บนรถอากาศเย็นทำให้พักผ่อนได้เต็มที่ และเมื่อถึงพื้นที่ปฏิบัติงานแล้วสามารถลงพื้นที่ปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายทันที ต่างจากก่อนหน้านี้ทุกครั้งในการเดินทางสุนัขตำรวจจะมีอาการเหนื่อยหอบต้องใช้เวลานานในการพัก ต้องให้น้ำ เสียเวลาไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหรือราว 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับระยะการเดินทาง

             ในแต่ละปีหน่วยเค-9 ออกปฏิบัติการตรวจค้นยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เครือข่ายค้ายาเสพติดจำนวนไม่น้อยถูกจับกุมเพราะจำนนต่อหลักฐานคือยาเสพติดที่สุนัขตำรวจค้นพบ

             “สุนัขตำรวจ” จะถูกคัดสรรมาผ่านการฝึกตั้งแต่อายุได้ 3 เดือน โดยเริ่มต้นตั้งแต่การรับคำสั่งไปจนถึงกระบวนการที่ยากคือการค้นหาวัตถุตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งรวมถึงยาเสพติดด้วย หลังผ่านหลักสูตรการฝึกแล้วจะมีการประเมินหากผ่านกระบวนการนี้ จึงจะมีโอกาสบรรจุเข้าประจำการและออกปฏิบัติภารกิจเมื่ออายุได้ราว 1 ปี

             เมื่อเข้าสังกัดหน่วย เค-9 แล้ว “สุนัขตำรวจ” จะมีระยะเวลาประจำการ 8 ปี หรืออายุได้ 9 ปีจะปลดประจำการ โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่การฝึกจนถึงปลดประจำการจะอยู่ในความดูแลของตำรวจซึ่งทำหน้าที่ผู้ควบคุมสุนัขเพียงคนเดียว หลังปลดประจำการจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการประมูล ซึ่งผู้ชนะการประมูลจะได้รับมอบสุนัขตำรวจวัยเกษียณเหล่านี้ไปเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านจนกว่าจะตาย

             ด.ต.ปัญโญ หอมทวนลม ผบ.หมู่งานพิสูจน์ กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ ซึ่งเป็นผู้บังคับสุนัขตำรวจเอกไมโล ซึ่งเป็นสุนัขตำรวจที่มีผลงานตรวจค้นยาเสพติดมือวางอันดับ 1 ของหน่วยเค-9 เวลานี้ บอกว่า ความผูกพันระหว่างผู้ควบคุมสุนัขกับสุนัขตำรวจไม่แตกต่างกับลูก เพราะดูแลเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วันแรกที่สุนัขมีอายุเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เริ่มการฝึกจนกว่าสุนัขจะปลดประจำการ

             "เราอยู่กันมาตั้งแต่ 3 เดือน ผมก็จะดูแลทั้งฝึก อาบน้ำ และพาไปวิ่งในช่วงเช้าและในช่วงเย็น พอถึงกำหนดการฝึกก็จะเข้าฝึกตามหน้าที่ตรวจหายาเสพติด และยังเป็นคู่หูในการทำงานจนกว่าไมโลจะปลดประจำการ ผมตั้งใจไว้แล้วเมื่อเขาปลดประจำการ ผมจะเข้าร่วมประมูลเพื่อนำไมโลไปเลี้ยงต่อ" ด.ต.ปัญโญ กล่าว

             ตลอดระยะเวลาการประจำการ “สุนัขตำรวจ” ทุกตัว ถือเป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยเฉพาะภารกิจในการตรวจค้น และการแกะรอยติดตาม ซึ่งหากได้รับการดูแลอย่างดีจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น