ข่าว

วิศวกรสาว‘คนเมืองคอน’ช้อนใจหนุ่มแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน

วิศวกรสาว‘คนเมืองคอน’ช้อนใจหนุ่มแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน

09 ก.ค. 2558

วิศวกรสาว"คนเมืองคอน"ช้อนใจหนุ่มแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน : คอลัมน์ เขยฝรั่ง...สะใภ้อินเตอร์ โดย...สแตนลี่ย์ เบนเน็ตต์

          “นาง” ศศิธร ชูเมือง หรือเอ็งเก็สบ๊าค สาวชาวใต้นัยน์ตาคมจากจ.นครศรีธรรมราช วัย 38 ปี ที่ต้องระหกระเหินไปอยู่จ.นครราชสีมา เนื่องจากเธอต้องไปเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย ในสายวิศวกรรมอุตสาหการ เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอก็ได้เข้าทำงานในตำแหน่งวิศวกรคุมโรงงาน โดยเริ่มทำงานครั้งแรกที่จ.นครราชสีมา จากนั้นก็ย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ และจ.ระยอง ตามลำดับ ซึ่งกินเวลาทั้งหมดร่วม 13 ปีกับชีวิตในโรงงาน
 
          นาง เล่าย้อนอดีตว่า เนื่องจากชีวิตของเธอมีแต่งาน เย็นมาก็กลับบ้านพักซึ่งก็รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้างเหมือนกัน จนอยากจะหาใครสักคนมาเดินเคียงข้างเหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ และด้วยสายงานที่เธอทำก็มีโอกาสได้คลุกคลีกับชาวต่างชาติอยู่บ้าง เลยทำให้เธอพอที่จะรู้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติอยู่พอประมาณ เธอจึงตัดสินใจลองเข้าเว็บไซต์หาคู่ และได้มีโอกาสติดต่อกับ "เออดูน เอ็งเก็สบ๊าค ชาวนอร์เวย์ ทางอินเทอร์เน็ต และทราบภายหลังว่าเป็นวิศวกรและหุ้นส่วนบริษัทน้ำมันที่เขาทำอยู่
 
          ทั้งเขาและเธอได้เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากที่ติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ประมาณ 1 เดือน ขณะนั้น “เออดูน” ต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ประเทศเกาหลีใต้และมาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งขาไปและขากลับทำให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสเจอหน้ากันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้น “เออดูน” ก็มาเที่ยวหาที่ประเทศไทยบ่อยครั้ง จนมั่นใจในความสัมพันธ์ และเขาได้พาเธอไปเยี่ยมเยือนพ่อแม่ที่เมืองแบเกน ประเทศนอร์เวย์ 2 ครั้ง กระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อไปแต่งงานกับหนุ่มตาน้ำข้าว เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศนอร์เวย์กับสามีสุดที่รัก
 
          ก่อนที่นางจะตัดสินใจแต่งงานและย้ายมาอยู่ประเทศนอร์เวย์ เธอก็ได้ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ที่นอร์เวย์ ทั้งภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมและอาหารการกิน ซึ่งก็เตรียมใจไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องภาษาที่จะต้องมาเริ่มต้นเรียนภาษานอร์เวย์ใหม่หมด เพราะผู้คนไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ นอกจากนี้ชีวิตความสะดวกสบายที่เมืองไทย ทั้งเรื่องอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ มีตลาดนัดทุกหนทุกแห่ง มีร้านอาหาร สามารถซื้อกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ที่นอร์เวย์ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ อยากกินอะไรต้องทำเอง ไม่มีตลาดนัด ไปนั่งร้านอาหารได้เป็นครั้งคราวแต่จะไปเข้าไปกินอาหารทุกมื้อเหมือนที่ไทยก็ไม่ได้เพราะค่าครองชีพที่นอร์เวย์นั้นสูงมาก
 
          “ตอนแรกที่ย้ายมาอยู่นอร์เวย์ใหม่ๆ จะเครียดกับสภาวะตรงนี้มาก เพราะแต่ละวันไม่รู้จะทำอาหารอะไรให้สามีทาน เพราะสามีเป็นคนที่ไม่ชอบทำอาหาร หน้าที่ทำอาหารจึงกลายมาเป็นหน้าที่หลักของนาง วันหนึ่งเสียเวลาไปกับดูเมนูอาหารในยูทูบต้องเรียนรู้วิธีทำอาหารจากอินเทอร์เน็ตจากเพื่อนและโชคดีที่ได้พ่อสามี ซึ่งเคยมีอาชีพเป็นเชฟและเป็นครูสอนทำอาหารมาช่วยสอน ผ่านมา 1 ปีกับ 5 เดือน ด้วยความขยันและมีระเบียบวินัยในการเรียนรู้การทำอาหาร ทำให้ศักยภาพด้านรสชาติอาหารดีขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยทำอาหารไทยไปงานเลี้ยงชาวนอร์เวย์ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก และนี่คือความภูมิใจอย่างหนึ่งที่ได้สัมผัสขณะมาอยู่ประเทศนี้” นาง กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
 
          นอกจากนี้นางยังได้พูดถึงเรื่องการทำใบขับขี่ที่ประเทศนอร์เวย์ โดยค่าใช้จ่ายของการเรียนจนได้ใบขับขี่รถยนต์ที่ประเทศนี้โดยเฉลี่ยประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการสอบให้ได้มาซึ่งใบขับขี่ถึงแม้จะเป็นคนนอร์เวย์เองก็ตาม แต่โชคก็เข้าข้างเธอที่ได้ไปเจอกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ได้ช่วยกันติวเนื้อหาและแบ่งปันข้อสอบในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นส่วนที่ประทับใจในน้ำใจของคนไทยที่นี่มาก ซึ่งก็สามารถเชื่อได้ว่า “คนไทยมีน้ำใจไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทิ้งกัน”
 
          โดยสำหรับมุมมองความรักของนางนั้น กล่าวได้ว่า การแต่งงานกับชาวต่างชาติก็ไม่ได้แตกต่างจากการแต่งงานกับคนไทย ชาวต่างชาติก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีเหมือนคนไทย และคนทุกประเทศมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป ดังนั้นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนหนึ่ง ควรศึกษานิสัยใจคอ เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน รวมถึงพื้นฐานความเข้าใจทางวัฒนธรรม แม้ว่าจะแตกต่างแต่ก็ต้องปรับปรุงกันไปทั้งสองฝ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นปัจจัยในการลดความเสี่ยงการเลิกราสำหรับชีวิตคู่หลังแต่งงานได้
 
          “นาง” กับ “เออดูน” ได้วางแผนชีวิตในอนาคตด้วยกันว่าประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่สวยงามมากและมีเสน่ห์ทางธรรมชาติมีประชากรอาศัยอยู่รวมกันมากกว่า 200 สัญชาติมีความหลากหลายและสวยงามทางวัฒนธรรมของการอยู่ร่วมกัน และในขณะเดียวกันประเทศไทยก็เป็นประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของฝ่ายหญิง มีญาติพี่น้องที่เธอคิดถึง จึงตกลงกับสามีและวางแผนไว้ว่า เมื่อสามีปลดเกษียณ เขาทั้งสองจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย โดยจะเปิดบริษัทเล็กๆ ที่ประเทศไทย เพราะ “เออดูน” รักและมีความสุขกับงานที่เขาทำเป็นอย่างมาก
 
          ทั้งนี้ชีวิตรักของพวกเขาทั้งสองคนก็ผ่านมาแล้วร่วม 4 ปี โดยฝ่ายของนางเองเธอได้เริ่มเรียนภาษานอร์เวย์มาได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ดีพอที่สามารถทำงานในบริษัทหรือองค์กรในประเทศนอร์เวย์ได้ เธอต้องหาแนวทางในการศึกษาต่อเพิ่มพูนด้านภาาษาเพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานและมีจุดยืนในสังคมนอร์เวย์และมีอาชีพที่ดีได้ในอนาคต
 
.......................................
(หมายเหตุ วิศวกรสาว"คนเมืองคอน"ช้อนใจหนุ่มแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน : คอลัมน์ เขยฝรั่ง...สะใภ้อินเตอร์ โดย... สแตนลี่ย์ เบนเน็ตต์)