
วิชาลั่นไม่เลิกแบ่งสีชาติไปไม่รอด
03 ก.ค. 2558
วิชา ลั่นไม่เลิกแบ่งสีชาติไปไม่รอด ชี้คนภาคเหนือ-อีสานถูกครอบงำความคิด ป.ป.ช. 2 มาตรฐาน ด้าน ปานเทพ เผย อดีต 34 รมต. ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเยียวยามิชอบ
3 ก.ค.58 ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ประสานพลังการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนเครือข่ายต้านการทุจริตในระดับจังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)” โดยมีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. และนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เข้าร่วม
นายวิชา กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “พลังการสื่อสาร : แรงขับเคลื่อนสำคัญในการต่อต้านการทุจริต” ว่า ตราบใดที่ประชาชนยังไม่เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และคอยจับผิดคนอื่น ไม่ได้ว่าเสื้อสีอะไร แต่การที่เราไม่ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อระดมสรรพกำลังทุกอย่างแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ คิดว่าประเทศชาติคงไปไม่รอด ดูแล้วมันยากจริงๆ ในการที่จะทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างน้อยที่เราได้มาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อไปภาคเหนือ เรารู้ว่าความคิดของผู้คนยังถูกครอบงำด้วยความรู้สึกว่า ป.ป.ช. สองมาตรฐานหรือไม่
“เราพูดตอนประชุม เราต้องติดตามคดีไม่ว่าฝ่ายไหน ต้องทำให้ปรากฏ และพยายามที่จะจัดการกับปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ในการเผยแพร่ความรู้เพื่อที่จะเข้าไปถึงประชาชนทุกกลุ่ม” นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวอีกว่า ในการบริหารจัดการ ไม่ว่าเรื่องคดี หรือประชาสัมพันธ์งานของเรา ต้องเข้าถึงประชาชนทุกหมู่เหล่า ตอนนี้กำลังขายไอเดียในเรื่องของสามเหลี่ยมที่จะขับเคลื่อนพลังสำคัญของ ป.ป.ช. ไปสู่ชุมชน ทำให้ชุมชนตระหนักรู้ถึงภัยร้ายของการทุจริต เข้าสู่สงครามในห้วงเกือบจะตอนท้าย เนื่องจากในปี 2560 จะเป็นปีที่สิ้นสุดของยุทธศาสตร์ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำยุทธศาสตร์ในห้วงสุดท้ายให้ได้ผล จริงจัง ต้องรู้จักพื้นที่ วัฒนธรรม จิตใจผู้คนในพื้นที่เหล่านี้ว่าเขามีความคิดเห็นเป็นประการใด ต่อจากนี้หากเกิดคดีน้อยลง ก็ต้องป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่ใช่คดีน้อยลงแล้วจะอยู่สบายคงไม่ได้ ในเมื่อมีเวลามากขึ้น ก็ต้องให้ความรู้กับประชาชนให้มากขึ้น ป้องกันการทุจริตให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีแกนนำมากขึ้น ให้มีคนรัก ป.ป.ช. ให้มากขึ้น
‘ป.ป.ช.’ เผย ‘อดีต 34 รมต.’ ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเยียวยามิชอบ
2 ก.ค. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในคดีที่คณะกรรมการไต่สวนแจ้งข้อกล่าวหา อดีตคณะรัฐมนตรีรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวม 34 ราย ในกรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองและผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง พ.ศ.2548-2553 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหา โดยมีบางส่วนได้ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่เข้ามาป.ป.ช.จะได้แจ้งข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ หลังจากนั้นมีเวลาแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แต่หากมีการขอขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือขอยื่นพยานเพิ่มเติมนั้นก็ขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการไต่สวนจะพิจารณา
ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ และพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมช.กลาโหม ได้ยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนว่าขาดคุณสมบัตินั้น ป.ป.ช.ยืนยันว่า มติแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.และถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย ปฏิเสธจะรับทราบข้อกล่าวหา ป.ป.ช.ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ตามขั้นตอน เช่นเดียวกับกรณีของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.คมนาคม ที่อยู่ในต่างประเทศ ป.ป.ช.ก็จะส่งไปรษณีย์แจ้งข้อกล่าวหาตามภูมิลำเนาทะเบียนราษฎร์ที่ปรากฏ และตามกฎหมายถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว อย่างไรก็ตาม หากผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธกระบวนการไต่สวน และไม่ดำเนินการเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาก็จะถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ติดใจใด ๆ ที่จะแก้ข้อกล่าวหา ซึ่ง ป.ป.ช.จะได้ดำเนินการไต่สวนต่อไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่
‘วิชา’ เผยตัวเลขร้องสอบคดีทุจริตในภาคอีสานสูงเกือบ 2,500 เรื่อง
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงความเคลื่อนไหวในคดีทุจริตที่มีการกล่าวหาร้องเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ที่อยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง ทั้งในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานรัฐที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นคดีกระทำความผิดเกี่ยวกับการเรียกรับสินบน หรือยักยอกทรัพย์ การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และการกระทำผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง หรือเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งหมด 2,492 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จระดับจังหวัด 417 เรื่อง หรือร้อยละ 16.73หลายจังหวัดถือว่าทำคดีได้สำเร็จลุล่วงไปพอสมควร แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่ต่ำอยู่ ดังนั้น ป.ป.ช. จะพยายามเร่งไต่สวนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายวิชา กล่าวอีกว่า ส่วนใน จ.อุดรธานี มีคดีที่อยู่ในขั้นตอนการไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งหมด 41 เรื่อง ซึ่งมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน หรือพนักงานไต่สวนรับผิดชอบแล้ว ทั้งนี้มีคดีใหญ่ ๆ อยู่หลายเรื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคดีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงอุดรธานี และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปี 2549 กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีข้อกล่าวหาคือ เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จากเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และรับเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแล้วไม่จ่ายให้ผู้มีสิทธิสินบนรางวัลปี 2549-2550 ของสถานีตำรวจ 23 สถานี ซึ่ง ป.ป.ช. จะต้องรีบไต่สวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยเร็ว
นายวิชา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีคดีที่นายเมฑา ศิริไพวงษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอน้ำโสม จ.อุดรธานี ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) กรณีการสอบจ้างเหมาโครงการขุดลอกลำห้วยของ อ.น้ำโสม จำนวน 3 โครงการ รวมถึงคดีนาวาอากาศโท ณัฐมณต์ รุนเวลา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งโรงพยาบาลกองบิน 23 ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตในการสั่งซื้อยาและเวชภัณ์ของโรงพยาบาลกองบิน 23 และคดีนายสุรพล สุขประเสริฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนค่ายประจักษ์ศิลปาคม และนางสัมพันธ์ ต้นกันยา ข้าราชการครูโรงเรียนดังกล่าว ถูกกล่าวหารับรองผลงานวิชาการเป็นเท็จ ซึ่งเรื่องอยู่รัหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. ต่อมามีข้าราชการระดับสูง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) อุดรธานี เขต 3 เข้ามาติดต่ออ้างว่าสามารถเคลียร์คดีกับ ป.ป.ช. ได้ โดยเรียกรับเงินร่วมล้านบาทสำหรับคดีนายสุรพล และนางสัมพันธ์นั้น เป็นต้นตอที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ ผอ.ป.ป.ช.อุดรธานี แจ้งความต่อข้าราชการระดับสูง สพป.อุดรธานี เขต 3 คนดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 นอกจากนี้ ป.ป.ช. เตรียมจะแจ้งความเอาผิดเพิ่มตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ในมาตรา 123 ข้อหาอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือคดี ซึ่งถือว่าเป็นการทุจริตอีกด้วย และเราจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
‘วิชา’ ย้ำไม่เคยเป็นปรปักษ์ ‘อดีตครม.ปู’ ปมจ่ายเงินเยียวยา
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมไต่สวนแจ้งข้อกล่าวหาอดีตคณะรัฐมนตรีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวม 34 ราย ในกรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองและผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง พ.ศ.2548-2553 โดยมิชอบว่า ผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหากับทาง ป.ป.ช.แล้ว ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 2-3 ราย ได้แก่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยื่นขอขยายเวลาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. โดยให้เหตุผลว่าอยู่ในระหว่างการพักฟื้น ซึ่งทางป.ป.ช.จะได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ และผู้ถูกกล่าวหามีเวลา15 วัน หลังได้รับเอกสารในการเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยสามารถขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน อย่างไรก็ตาม กรณีที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวเป็นปรปักษ์นั้น ป.ป.ช.มีมติไปแล้วว่าเราไม่ได้เป็นปรปักษ์กับท่าน แต่ท่านเป็นปรปักษ์กับเรา
“ท่านเป็นคนฟ้องก็เท่ากับโกรธกันแล้ว แต่ผมไม่ได้โกรธคุณ ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้ฟังไม่ขึ้นจึงให้ดำเนินการต่อ โดยได้มีการส่งหนังสือชี้แจงให้กับคุณอนุดิษฐ์ทราบ ทั้งนี้ ในส่วนของนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ และพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมช.กลาโหม ถือว่าไม่รับทราบข้อกล่าวหา เพราะฉะนั้นป.ป.ช.จะได้ส่งการแจ้งข้อกล่าวหาไปทางไปรษณีย์”นายวิชากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องคัดค้านเช่นนี้เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช.หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ก็คงอยากมีเรื่องให้เราติดขัดไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นปัญหาอุปสรรที่เราต้องแก้ไข เช่น เรื่องการถูกฟ้องร้อง หรือการยื่นคันค้านคณะอนุกรรมการไต่สวนเลยทำให้คดีของเราหยุดชะงัก แต่เมื่อเราได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบแล้วก็ถือว่ายุติแล้ว
เมื่อถามอีกว่า การที่น.อ.อนุดิษฐ์ ยื่นฟ้องและเรื่องอยู่ในชั้นศาลจะเป็นอุปสรรคในการพิจารณาคดีหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรเพราะเราได้มอบหมายให้ทางอัยการดำเนินการ และทางอัยการก็รับที่จะดำเนินการให้ ทั้งนี้ การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ว่าจะดำเนินการใดๆ เพื่อถ่วงเวลาก็ยืนยันว่าไม่มีผลใดๆ ในการไต่สวน เพียงแต่เราต้องนำมาพิจารณาว่าคำร้องต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหานั้นฟังขึ้นหรือไม่ ถ้าหากฟังไม่ขึ้นเราก็ต้องมีมติไป โดยแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบซึ่งตามกระบวนการก็ต้องดำเนินการให้จบ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากผู้ถูกกล่าวหาแต่ละรายไม่เข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช.จะสามารถสรุปคดีได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า “ท่านต้องมาแน่นอนอย่างน้อยก็ผู้ที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งมีพอสมควร ที่มาแล้วไม่งอแง ส่วนคนที่เฉยไปเลยไม่มารับทราบข้อกล่าวหานั้น ก็จะดำเนินการแจ้งไปทางไปรษณีย์ ถ้ายังไม่มาก็ถือว่าไม่ติดใจก็จะดำเนินการไต่สวนต่อเหมือนในหลายคดี เพราะถือว่าท่านรับรู้แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปสำนวนส่งมายังคณะกรรมการป.ป.ช.ได้จะสรุปสำนวนได้เมื่อใด นายวิชา กล่าวว่า ต้องรอดูถึงวันที่ 14 ก.ค.นี้ที่เป็นกำหนดการที่ทาง ป.ป.ช.ขยายเวลาให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา
คณะอนุฯไต่สวนป.ป.ช. มีมติเชิญ ‘ลูกหมอเหวง’ เข้าให้ข้อมูลสลายม็อบแดง ปี53
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีสลายการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 กล่าวถีงความคืบหน้าในการไต่สวนว่า ล่าสุดนพ.เหวง โตจิราการ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งว่า มีข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลจากคณะกรรมการร่วมชันสูตรพลิกศพที่เสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันในวันที่ 10 เม.ย.53 ที่มี นพ.สลักธรรม โตจิราการ บุตรชายเข้าไปร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย และอยากให้ข้อมูลต่ออนุกรรมการไต่สวน เพราะเห็นว่า หากรับฟังข้อมูลจากพระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพียงด้านเดียวอาจจะไม่ครบถ้วน ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ให้เชิญนพ.สลักธรรม เข้ามาให้ข้อมูล โดยอนุกรรมการไต่สวนจะทำหนังสือเชิญภายใน 2 - 3 วันนี้