
'กีตาร์คาราบาว'แบรนด์ดัง-จับต้องได้
'กีตาร์คาราบาว'แบรนด์ดัง-จับต้องได้ : คมคิดธุรกิจนิวเจน ฐิติพล ขำประถม เรื่อง ทวีชัย จันทะวงค์ ภาพ
"คาราบาว" เป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีในฐานะวงดนตรีเพื่อชีวิตที่เป็นตำนานของประเทศ เชื่อว่ามีคนจำนวนหนึ่ง และคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการเพลงแนวนี้ ยังไม่รู้ว่า "คาราบาว" จำหน่ายเครื่องดนตรีด้วย โดยเฉพาะ "กีตาร์"
ครั้งนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ "กีตาร์คาราบาว" ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ยังคงไว้ซึ่งนโยบายในการทำธุรกิจที่เคร่งครัดเรื่องคุณภาพ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยผู้บริหารคนปัจจุบัน ประกาศิต ชนะภัย หรือ แฟ้บ ซึ่งเป็นลูกชายของ ปรีชา ชนะภัย หรือ "เล็ก คาราบาว" รับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว
ประกาศิต เล่าถึงความเป็นมาว่า บริษัทคาราบาวมีมากว่า 10 ปีแล้ว โดยมี ปรีชา ชนะภัย, เทียรี่ เมฆวัฒนา และ "โจ" ทัศพล แบเลเว็ลด์ เป็นผู้ริเริ่มโปรเจกท์แรกของแบรนด์คาราบาวคือ "กีตาร์คาราบาว" ขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่ตนยังเรียนมัธยมปลาย
"เมื่อเวลาผ่านไปทั้งคุณพ่อ คุณอาเทียรี่ ก็ยุ่งกับการทัวร์คอนเสิร์ต ส่วนคุณอาโจก็เป็นซีอีโอของแอร์เอเชีย ต่างไม่มีเวลาที่จะมาดูแลธุรกิจ ผมจึงตัดสินใจเข้ามาสานต่อ ตอนที่ผมเข้ามาตอนนั้นเป็นปีที่ 8 ของบริษัท ผมจบปริญญาตรีด้านภาพยนตร์ ม.กรุงเทพ และไปเรียนภาษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ตั้งใจจะเรียนต่อในการทำแอนิเมชั่น แต่ที่บ้านอยากให้กลับมาดูแลธุรกิจ เนื่องจากคุณพ่อไม่ชอบบริหาร จึงตัดสินใจกลับมาช่วย ส่วนตัวเป็นคนที่เล่นและรักดนตรีอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้ามาเรียนรู้เรื่องไม้และการเล่นกีตาร์ ซึ่งผ่านมา 2 ปี ผมได้เรียนรู้และพัฒนาธุรกิจ โดยยึดมั่นในนโยบายเดิมของคุณพ่อคือ ต้องการทำกีตาร์ที่มีราคาสมเหตุสมผลที่ทุกคนสามารถซื้อได้"
การสร้างกีตาร์แต่ละรุ่นของคาราบาวนั้น ประกาศิต กล่าวว่า กีตาร์แต่ละตัวใช้เวลาสร้างเป็นปี โดยมีแนวคิดว่า กีตาร์ทุกตัวต้องได้รับการพัฒนาโดยผู้เล่นกีตาร์มืออาชีพเท่านั้น สำหรับการร่างแบบจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน จากนั้นจึงสร้างตัวต้นแบบขึ้นมาให้ศิลปินทั้งของวงคาราบาวเองและศิลปินคนอื่นๆ มาทดลองเล่น เมื่อได้รับคำติชม อาทิ เรื่องเสียง, ความหนาของไม้, รูปทรงของกีตาร์ ก็จะกลับไปแก้ไขที่โรงงาน ซึ่งทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งได้กีตาร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งเสียงและดีไซน์ที่สวยงาม โดยกีตาร์ของคาราบาวแต่ละรุ่นจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ซ้ำแบบใครแน่นอน
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ "กีตาร์คาราบาว" คือการตั้งชื่อแต่ละรุ่น ซึ่งจะตั้งตามเอกลักษณ์ของกีตาร์ตัวนั้นๆ ส่วนใหญ่ใช้ชื่อเพลงคาราบาวเป็นชื่อรุ่น เช่น รุ่นลูกหิน กีตาร์ลูกหินก็เป็นกีตาร์ขนาดเล็ก บางรุ่นก็ตั้งชื่อตามรุ่นลิมิเต็ด เช่น คนเก็บฟืน 30 ปีคาราบาว บางรุ่นก็ตั้งให้เข้ากับคนออกแบบอย่างรุ่น Lekplorer (เล็กโพลเรอร์) ที่เกิดจากกีตาร์ที่คุณพ่อ (เล็ก คาราบาว) ใช้คือ รุ่น Explorer (เอ็กซ์โพลเรอร์) ของ Gibson (กิบสัน) แต่มีขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับคนเอเชีย คุณพ่อจึงปรับเปลี่ยนให้เป็นทรงเฉพาะ จะได้นำมาเล่นได้ง่ายขึ้นแล้วก็ใช้มาตลอด จึงใช้กีตาร์ที่คุณพ่อสร้างขึ้นมาเป็นต้นแบบ แล้วตั้งชื่อตามว่า เล็กโพลเรอร์
"เรายึดนโยบายที่ถือมาโดยตลอดคือ การทำกีตาร์ที่ทุกคนสามารถซื้อได้ ราคาถูกแต่มีคุณภาพ โดยสร้างกีตาร์ที่มีราคาหลากหลายในแต่ละรุ่น ทำสเปกย่อยลงไปในรุ่นนั้นๆ เมื่อเพิ่มอะไรเข้าไปราคาก็สูงขึ้นไปตามต้นทุนการผลิต เช่น ตัวที่เป็นกีตาร์โปร่ง เริ่มที่ 3,000 บาท รุ่นเดียวกัน แต่มีดีไซน์ที่ทำให้ช่วงคอเว้าลงไปก็อาจเพิ่มเป็น 3,200 บาท หากใส่ไฟฟ้า มีออปชั่นเพิ่ม ก็ขาย 4,000 บาท ดังนั้น กีตาร์คาราบาว จึงมีตั้งแต่ราคา 1,850-53,000 บาท ส่วนเรื่องผลกำไรนั้นเราไม่เน้น เราได้กำไรต่อตัวน้อยมาก และเราก็นำเงินนั้นมาพัฒนากีตาร์รุ่นต่อไป"
ด้านการจัดจำหน่าย ประกาศิต เล่าว่า บริษัทมอบให้แลนโก้มิวสิค เป็นผู้ดูแล แรกเริ่มมีสินค้าวางจำหน่ายในร้านเครื่องดนตรีทั่วไปทั่วประเทศ แต่วิธีการวางจำหน่ายค่อนข้างเจาะจง โดยสินค้าที่ส่งให้ทุกร้านนั้นเหมือนกัน ยกเว้นรุ่นลิมิเต็ด จะส่งให้ไม่ซ้ำกันเพื่อป้องกันการตัดราคา ปัจจุบันนอกจากร้านเครื่องดนตรีแล้ว ยังได้หันไปวางจำหน่ายที่บีทูเอส และพาวเวอร์บาย ของเดอะมอลล์
"เราส่งสินค้าที่มีราคาไม่แพงมากให้เหมาะกับร้านค้านั้นๆ ด้วย นอกจากเราจะขายส่งทั่วประเทศไทยแล้ว เรายังขยายตลาดไปที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่พม่าและลาว ซึ่งมีร้านจำหน่ายกีตาร์ของเราเองอยู่ที่เวียงจันทน์"
ลูกชายคนเล็กของ "เล็ก คาราบาว" กล่าวต่อว่า มีหลายรุ่นที่ต้องผลิตซ้ำหลายครั้งเพราะได้รับความนิยม ส่วนรุ่นลิมิเต็ดอย่าง "รุ่นครบรอบ 30 ปีคาราบาว" ก็หมดตั้งแต่ก่อนผลิต เนื่องจากยอดสั่งจองเยอะมาก สำหรับกลุ่มลูกค้าก็มีหลากหลาย ตั้งแต่หัดเล่น นักสะสม และมืออาชีพ จึงทำให้มีฐานลูกค้าที่กว้าง นอกจากนี้ลูกค้าที่ชื่นชอบในเสียงกีตาร์ ก็ยังมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทำให้มีคนมาลองใช้กีตาร์คาราบาวกันมากขึ้นด้วย
สำหรับอนาคต ประกาศิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้มองไปที่การขยายตลาดแบบออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ โดยปัจจุบันหาดูได้จากเว็บไซต์ www.carabaomusical.com, แลนโก้มิวสิค www.landco-sportland.com/carabao และขยายไปวางจำหน่ายในเว็บไซต์ของลาซาด้า รวมถึงบุ๊คสมาย ซึ่งลูกค้าชอบมากเพราะสามารถดูสินค้าและสั่งซื้อได้ทันที ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
นอกเหนือจากกีตาร์คาราบาวแล้ว ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยังได้สร้างสินค้าต่างๆ ภายใต้แบรนด์ "คาราบาว" ขึ้นมาอีกมากมาย เช่น ตู้แอมป์, จูนเนอร์ตั้งเสียงกีตาร์, เอฟเฟกท์กีตาร์, กลองชุดคาราบาว ไปจนถึงปิ๊กกีตาร์ และยังคงคิดสินค้าใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีโปรเจกท์ที่จะทำสายสะพายกีตาร์คาราบาว คาดว่าจะออกมาให้เห็นกันในช่วงต้นปีหน้า
นั่นคือการถ่ายทอดเรื่องราวจาก ประกาศิต ชนะภัย ผู้รับหน้าที่สานต่อ "กีตาร์คาราบาว" รุ่นปัจจุบัน ที่ยังคงยึดมั่นและสานต่อนโยบายสร้างงานคุณภาพแด่ผู้มีหัวใจรักในเสียงดนตรีทั่วประเทศ...
แรงบันดาลใจ
ปรีชา ชนะภัย หรือ "เล็ก คาราบาว" เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้าง "กีตาร์คาราบาว"
"ผมไม่ได้เกิดในครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่ง การจะมีกีตาร์สักตัวไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ผมมาถึงฝั่งฝันที่วาดไว้ และมองว่าดนตรีกับกีฬาสองสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อเยาวชนยิ่งนัก ดังนั้นคนที่มาถึงฝั่งฝันที่วาดไว้ ก็น่าจะทำอะไรให้มีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังบ้าง
ผมมองว่ามีเด็กๆ เยาวชนไม่น้อยที่อยากเป็นอย่างผม และมีไม่น้อยที่มีฐานะการเงินเหมือนผมในวัยเด็ก การทำกีตาร์คาราบาวขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งความฝันของผม จุดมุ่งหมายหลักของการทำกีตาร์คาราบาวของผมคือ ต้องการทำกีตาร์ที่มีราคาสมเหตุผลนั่นเอง"