ข่าว

100ปีชาตกาลหม่อมงามจิตต์รำลึกเชิดชูบุคคลต้นแบบ

100ปีชาตกาลหม่อมงามจิตต์รำลึกเชิดชูบุคคลต้นแบบ

08 มิ.ย. 2558

100ปีชาตกาลหม่อมงามจิตต์ รำลึกเชิดชูบุคคลต้นแบบ

               เมื่อเสียสละอุทิศตนเพื่อส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง ผลงานจึงเป็นต้นแบบให้เห็นชัดแก่คนรุ่นหลังเพื่อพัฒนาประเทศ สังคม ให้น่าอยู่สืบต่อไป ดั่งบุคคลสำคัญของไทยและของโลกอย่าง หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่นโดยเฉพาะด้านการสื่อสารมวลชนและวัฒนธรรม รวมทั้งสนับสนุนสวัสดิภาพของสังคมโดยรวม สนับสนุนบทบาทสตรี ในฐานะประธานสภาสตรีระหว่างประเทศในปี 2519-2522 ซึ่งเป็นสตรีไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับการยอมรับจากสากลให้ดำรงตำแหน่งนี้ในรอบ 127 ปี และยังมีอีกหลายบทบาทเพื่อพัฒนาคน สังคม ประเทศชาติตลอดมา
    
               เนื่องด้วยโอกาสที่ในปีนี้องค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา ชายาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในโอกาส 100 ปี ชาตกาล ในปี 2558 นับเป็นชาวไทยคนที่ 26 ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นด้านสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาชุมชน และการศึกษาวัฒนธรรม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ องค์ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการ "ฉลองครบรอบ 100 ปีชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก" ในปี 2558 ได้เสด็จเป็นประธานเปิดงานพร้อมประทานรางวัลแก่บุคคลที่มีผลงานดีเด่นในด้านต่างๆ โดยมีองคมนตรี คณะทูตานุทูต และผู้ชำนาญการพิเศษแห่งสหประชาชาติและหน่วยงานราชการต่างๆ เฝ้ารับเสด็จและร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับรางวัล ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันก่อน
    
               สำหรับรางวัล 100 ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก ในปี 2558 นี้มีผู้เข้ารับรางวัลทั้งหมด 8 ราย แบ่งเป็น ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรมและจริยธรรม ได้แก่ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), ศ.ระพี สาคริก, นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ด้านการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต ได้แก่ แมร์มีเรียมนิภา กิจเจริญ, ศ.คลินิก เกียรติคุณ พญ.สุนันทา พลปัถพี และ ด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน ได้แก่ ศ.เกียรติคุณ ดร.สุวิไล เปรมศรีรัตน์, นายสมเกียรติ อ่อนวิมล และ นายสุทธิชัย หยุ่น นอกจากนี้ยังมีการประทานรางวัลแก่เยาวชนที่ชนะการประกวดบทความที่ได้รับรางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลกอีกด้วย
    
               ฟังเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับรางวัลในประเภทต่างๆ เริ่มที่จิตรกรแห่งล้านนา อ.เฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์ ผู้ได้รับการประกาศรายชื่อให้เข้ารับรางวัลด้าน การส่งเสริมวัฒนธรรมและจริยธรรม เปิดใจให้ฟังว่า เป็นคนให้ความสนใจเรียนเรื่องธรรมะและศิลปะมาอย่างลึกซึ้ง จึงมีความปรารถนาอยากจะเป็นคนที่ดีที่สุดของประเทศชาติมาตลอด โดยยึดหลักปฏิบัติเพื่อสังคมด้วยการสร้างครอบครัวที่ดี การปฏิบัติของตัวเองต้องดี สังคมรอบตัวต้องน่าอยู่ จากระยะเวลาหลายสิบปีที่สร้างวัดขึ้นมา ไม่ปรารถนาให้คนเห็นว่าเป็นคนที่ร่ำรวย แต่อยากมุ่งพัฒนาชุมชนโดยรอบให้น่าอยู่ มีการแบ่งปัน มีความเท่าเทียมกันยิ่งมีเงินก็ยิ่งต้องช่วยเหลือไม่ใช่ทำตัวอยู่เหนือกว่าใคร
     
               "การเข้ามาในชุมชนหนึ่งแล้วบอกว่า จะจัดระเบียบ ทำให้ชีวิตคนที่นี่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใครนั้น แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อเราทั้งหมด ต้องมีการต่อต้าน ต้องอดทนใช้ระยะเวลาเปลี่ยนความคิด หมั่นทำเขาให้เห็นผลลัพธ์ว่าวิธีการเราทำนี่ดีต่อตัวเขาเองจริงๆ ทั้งหมดนี้ใช้เวลา หล่อหลอม 10 กว่าปีกว่าจะลงตัว คนที่อยากลุกขึ้นมาเป็นนักพัฒนาทำเพื่อส่วนรวมจึงต้องอดทน ไม่ด่าว่าคนที่ต่อต้านเอาชนะความไม่เชื่อของคนโดยรอบให้ได้ ซึ่งกำลังใจล้วนได้มาจากความตั้งใจจริงของเราเอง ไม่ต้องไปขอใคร เราแค่ตั้งโปรแกรมตั้งความหวังไว้สูงๆ แล้วกล้าเดิน ตระหนักว่าต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น แต่อย่าหยุดเดินก็จะดำเนินงานเพื่อส่วนรวมได้อย่างประสบความสำเร็จ" อ.เฉลิมชัย กล่าว
    
               อีกหนึ่งเจ้าของรางวัล ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรมและจริยธรรม ได้แก่ นักวิจัยกล้วยไม้ ศ.ระพี สาคริก เล่าวิธีการทำงานเพื่อส่วนรวมในแบบของตัวเองว่าเป็นคนเน้นการปฏิบัติจริงปฏิบัติอย่างทุ่มเทตั้งใจไม่ลดละ แล้วเป็นการปฏิบัติดีที่เมื่อคนรุ่นหลังมาเห็นก็จะนำไปเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแบบอย่างได้ ซึ่งการทำงานนับเป็นเนื้อในของตัวเอง เรามีความจริงใจมีความสุขกับการทำงานก็จะไม่รู็สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้จะมีอุปสรรค ก็จะใช้ความนิ่งวิเคราะห์พิจารณาหาทางแก้ไข หรือบางเรื่องมีการต่อต้าน มีการตำหนิ ก็จะเลือกใช้วิธีนิ่ง ไม่ทำอะไรให้กระทบคนอื่น เท่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นอุปสรรค ทำให้สามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีความสุข
    
               เพราะมีช่องทางทำให้ ศ.คลินิก เกียรติคุณ พญ.สุนันทา พลปัถพี มีโอกาสช่วยสังคม จนได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลในครั้ง โดยเจ้าตัวเผยว่าผลงานหลักๆ ที่ทำให้ได้รับรางวัลนี้ คือการใช้โอกาสในฐานะแพทย์ได้มองเห็นความเดือดร้อนของผู้ป่วยในด้านต่างๆ มากกว่าคนอื่น และมีช่องทางช่วยเหลือผ่านจิตอาสาอย่างร่วมแรงร่วมใจ เช่น การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยไร้กล่องเสียง โดยได้รู้เทคนิกว่าผู้ป่วยเหล่านี้สามารถออกเสียงได้โดยใช้หลอดอาหาร จึงตั้งชมรมเพื่อฝึกฝนเพื่อผู้ป่วยพูดได้ไม่รู้สึกสิ้นหวัง จากนั้นก็มีโครงการอื่นๆ เข้ามาให้ร่วมจัดตั้งและร่วมแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริการทางการแพทย์ให้แก่ชาวไทยภูเขา การป้องกันความพิการที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมในพื้นที่ข้างต้น ต่อเนื่องไปจนถึงโครงการลดการสูบบุหรี่ในวัยรุ่นเป็นต้น ทั้งหมดเป็นสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่องกัน ซึ่งตัวเองถือว่าเป็นโอกาสไม่ใช่ภาระงาน เพราะเชื่อว่าหลายคนอยากทำโครงการแบบนี้แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ขณะที่ตัวเองมีโอกาสได้ริเริ่ม ได้ลงมือทำ ขณะเดียวกันนอกจากทำหน้าที่รักษาและให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ป่วย ยังสามารถพัฒนาความรู้ให้แก่นักศึกษาแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ๆ ให้เห็นการทำงานท่ามกลางความขาดแคลนว่าต้องมีวิธีการที่ถูกต้องอย่างไร เพราะในชีวิตจริงหลังจากจบการศึกษาทุกคนต้องได้มาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนในพื้นที่ทุรกันดาร โครงการเหล่านี้เลยเหมือนเป็นที่ฝึกงานก่อนลงมือปฏิบัติจริงๆ