
ฆ่าโหดหนุ่มทิ้งกลางสี่แยกตลาดบ้านโคกสลุง
01 มิ.ย. 2558
สลด! ฆ่าโหดหนุ่มทิ้งกลางสี่แยกในตลาดบ้านโคกสลุง จ.ลพบุรี ตำรวจคาดผู้ตายอาจถูกคู่อริตามมาล้างแค้น พบมีประวัติโชกโชนทั้งคดียาเสพติด-พยายามฆ่า
เมื่อเวลา 02.00 น. พ.ต.ท.ไพโรจน์ ทองมาเอง สารวัตรหัวหน้า สภ.โคกสลุง ร้อยตำรวจโทวีรพันธ์ ชื่นชม พนักงานสอบสวน สภ.โคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพัฒนานิคม ไปร่วมกันตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุฆ่ากันตายบริเวณสี่แยกซอยหนองตามิ่ง กลางตลาดโคกสลุง หมู่ที่ 3 ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ในที่เกิดเหตุพบร่องรอยของการต่อสู้ เลือดกระเด็นเต็มถนน และร่างของผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายชัยวัฒน์ หรือ อ๊อด ชวดสลุง อายุ 21 ปี สภาพศพพบมีร่องรอยถูกฟันด้วยของมีคมที่ใบหน้า ลำคอ และศรีษะหลายแห่งนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ริมถนน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีแดงขาว ทะเบียน ขนม 892 ลพบุรี จอดอยู่มีรอยเลือดกระจายเต็มรถ และโทรศัพท์ รองเท้าของผู้ตายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้เก็บรวบรวมเป็นเป็นหลักฐาน ส่วนศพได้ให้ทางกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูพัฒนานิคมลพบุรี นำส่งไปชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพัฒนานิคมอีกครั้ง
จากการสอบสวนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถผ่านมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีวัยรุ่น 2 คน ขับรถมาจอดดักรอ เมื่อผู้ตายขับรถมาถึงก็ได้ดึงให้ลงจากรถและพูดคุยได้ประมาณ 5 นาที จากนั้นวันรุ่นทั้ง 2 คน ก็ได้รุมทำร้ายร่างกายจนล้มลงแน่นิ่ง จากนั้นคนร้าย 2 คนก็ขับรถหนีไป จึงได้เรียกสามีออกมาดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายกับผู้ตายน่าจะรู้จักกัน หรือไม่ก็เป็นคู่อริเก่าที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงมาดักเจรจาตกลงอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ คนร้ายทั้ง 2 จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายและใช้มีดฟันและปาดคอจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป นอกจากนี้ผู้ตายยังมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเคยต้องโทษในคดีพยายามฆ่าผู้อื่น เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เชิญตัวภรรยาของผู้ตายไปสอบสวนหาสาเหตุที่ชัดเจนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
หนุ่มลาวเลือดร้อน! ช้ำรักเผาร้านอาหารดังย่านฝั่งธน
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2558 พ.ต.ท.จิระเดช จิตรโสภา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในร้านหัวกระไดไม่แห้ง ถนนอุทยาน แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม สน.ธรรมศาลา และประสานไปยังหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำนักงานเขตทวีวัฒนา จำนวน 4 คัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นร้านประกอบกิจการขายอาหาร เจ้าหน้าที่พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณเคาน์เตอร์ของร้านดังกล่าวทำจากไม้และหลังคามุงจากซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทางพนักงานร้านพยายามใช้น้ำดับไฟอยู่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการลากสายยางระดมใช้น้ำจำนวน 2 หัว โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที เพลิงจึงสงบลง จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
พ.ต.ท.จิระเดช เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนางบุญนิสา อ่วมดีสุด อายุ 53 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นทางร้านได้ปิดร้านเรียบร้อยแล้ว ต่อมาทางพนักงานร้านได้วิ่งมาบอกกับตนว่าบริเวณเคาน์เตอร์ของร้านเกิดไฟไหม้ขึ้น จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนสาเหตุนั้นมีพนักงานหญิงได้มาสมัครทำงานได้ประมาณ 3-4 วันก่อน ทราบเพียงชื่อเล่นว่า น.ส.โบว์ อายุประมาณ 20 ปี ได้มีปากเสียงกับแฟนหนุ่มชื่อ นายเสาร์ สัญชาติลาว จนกระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาทางด้านนายเสาร์ ได้วกกลับมาทะเลาะอีกครั้ง จนเกิดบันดาลโทสะก่อเหตุจุดไฟเผาบริเวณดังกล่าวแล้วหลบหนีไป
“เบื้องต้นนี้ในส่วนของความเสียหายนั้นอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะต้องทำการเรียก น.ส.โบว์มาสอบปากคำ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.ท.จิระเดช กล่าว
ไฟไหม้ตึกแถววอดนับ 10 คูหา ย่านเจริญกรุง
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน ร.ต.ท.เกียรติบดินทร์ วงศ์งาม พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ภายในซอยเจริญกรุง 23 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจสายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 1 เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง และประสานรถดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร จำนวน 10 คัน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกสร้างครึ่งปูนครึ่งไม้ที่มีสภาพเก่าแก่ทรุดโทรม สูง 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาโพยพุ่งออกมาจากบ้านเลขที่ 46 และได้ลุกลามไปยังหลังข้างเคียงที่เป็นร้านขายกระดาษเงิน กระดาษทอง สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนไว้กราบไหว้บรรพบุรุษ เสียหายทั้งหมดเป็นจำนวน 10 คูหา เจ้าหน้าที่จึงลากสายยางทำการฉีดน้ำ แต่ทว่าซอยดังกล่าวเป็นทางแคบและไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติทำให้ลำบากต่อการควบคุมเพลิง จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำ ใช้เวลากว่า 1 ชม. เพลิงจึงสงบ ทั้งนี้หนึ่งในนั้นมีร้านบะหมี่จับกังที่มีชื่อเสียงมานับกว่า 70 ปี ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม นายสมหวัง แซ่ลิ้ม อายุ 42 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าด้วยความตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวกำลังนอนหลับตามปกติ จู่ๆมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงตระโกณร้องเรียกว่าไฟไหม้จึงรีบออกไปดูพบว่ามีแสงเพลิงมาจากบ้านเลขที่ 46 ก่อนจะลุกลามไปบ้านข้างเคียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นตนจึงรีบปลุกคนในครอบครัวแล้วรีบนำของมีค่าเท่าที่จะหยิบได้รีบวิ่งหนีตายออกมาได้ทัน ก่อนจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนบ้านหลังนี้ไม่มีผู้ใดพักอาศัย ถูกปิดตายมานาน มีเพียงพระสงฆ์รูปหนึ่งไม่ทราบชื่อนามสกุล และสังกัดวัดใดมาพักอาศัย เพื่อดูแลมารดาของพระรูปนี้เองที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของ รพ.หัวเฉียว และเทียวไปเทียวมาอยู่บ่อยครั้ง แล้วมักจะจุดธูปเทียนบูชาพระในช่วงเช้ามืดของทุกวันเป็นประจำ นอกจากนี้ชาวบ้านละแวกนี้ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากพระรูปดังกล่าวจุดธูปบูชาพระพุทธรูป เนื่องในวันวิสาขบูชาเป็นเหตุให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว
ร.ต.ท.เกียรติบดินทร์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุให้เกิดเหตุเพลิงใหม่ ประกอบกับอาคารดังกล่าวมีสภาพเก่าปลูกสร้างครึ่งปูนครึ่งไม้ปลูกติดกันหลายหลัง ประกอบกับหลังข้างเคียงเป็นร้านขายอุปกรณ์ไหว้เจ้าที่ทำจากกระดาษซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ต้องทำการสอบปากคำพยานแวดล้อม และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนติดตามหาตัวพระสงฆ์รูปดังกล่าวมาสอบปากคำให้ได้ รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มาทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
สมุทรปราการ - หนุ่มเมาซิ่งกระบะแหกโค้งชนราวเหล็กตกร่องกลางถนน เพื่อนสาหัส
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2558 พ.ต.ท.สุทธิชล ธงชัยภูมิ สารวัตรเวร สภ.บางปูสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะแหกโค้งตกลงไปในร่องกลางถนนมีผู้ได้บาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 33 ต.บางปู อ.เมือง สมุทรปราการ หลังรับแจ้ง จึงพร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ ได้พบรถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้อ มิซูบีชิ สีขาว ทะเบียน 2 กน 9548 กรุงเทพมหานคร พลิกตะแคลงอยู่ในร่องกลางถนนในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ภายในรถพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย รายแรกชื่อนายจรัญ เหล็กดี อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายชื่อนายเชิดชัย พรชู้ อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ช่วยให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ ในที่เกิดเหตุได้พบร่องลอยรถกระบะคันดังกล่าวแหกโค้งชนเหล็กราวกั้นเกาะกลางถนนจนราวเหล็กขาดเป็นทางยาว ด้วยความเร็วของรถได้พุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนจนพลิกตะแคลงอยู่ในร่องน้ำห่างจากจุดที่ชนราวเหล็กกั้นกลางถนนกว่า 100 เมตร
จากการสอบสวนนาย จรัญ ซึ่งเป็นคนขับได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและนายเชิดชัย ได้นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งอยู่ภายในซอยวิทยุการบินห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ดื่มกันจนกระทั่งเหล้าหมดจึงได้ชักชวนกันไปนั่งดื่มเหล้าต่อข้างนอก ตนจึงได้ขับรถคันดังกล่าวออกมาโดยมีนายเชิดชัย นั่งมาทางด้านซ้าย โดยตนได้ขับออกมาด้วยความเร็วพอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง ได้มีรถยนต์เก๋งขับอยู่ด้านหน้า ด้วยความแรงของตนจึงได้หักหลบออกทางด้านขวาทำให้รถเสียหลักแหกโค้งพุ่งชนราวเหล็กกั้นกลางถนนจนขาดก่อนที่จะพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนพุ่งไถลไปไกลกว่า 100 เมตรก่อนที่จะพลิกตะแคลงอยู่ในร่องกลางถนนดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดตัวนายจรัญ ผู้ขับขี่เอาไว้ พร้อมแจ้งขอกล่าวหาว่า ขับรถในขณะมึนเมาสุรา และทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ก่อนความคุมตัวไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ชลบุรี - ชนแล้วหนี! หนุ่มเมียนมาร์เคราะห์ร้ายตายคาที่
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2558 ร.ต.ท.จันดา เดิมพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนนเสียชีวิตคาที่แล้วหลบหนี เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอย 28 สุขุมวิทพัทยา ฝั่งขาเข้าชลบุรี ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบศพ นายอ่องเต็ง อายุ 20 ปี ชาวเมียนมาร์ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว สีดำ นุ่งกางเกง ยีนส์ขายาว นอนจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่ สภาพเลือดออกมาทางจมูกและหู และแขนทั้งสองข้างหักผิดรูป ตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบรถยนต์เก๋งคันที่เฉี่ยวชนแล้ว เหลือเพียงอะไหล่รถยนต์เก๋งสีดำ เช่นกระจกมองข้างและกันชนหน้ารถ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บางละมุง พบรถยนต์เก๋งมีร่องรอยการเฉี่ยวชน จอดอยู่ริมรั้วกำแพงบ้าน ภายในซอย 14 สุขุมวิท โดยไม่พบผู้ขับขี่ เมื่อไปตรวจสอบปรากฏว่า เป็นรถเก๋ง นิสสัน เทียน่า สีดำ ทะเบียนป้ายแดง สภาพกันชนด้านหน้าฝั่งซ้ายพังยับเยิน และกระจกมองข้างซ้ายหลุดหาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เฉี่ยวชนผู้ตายแล้วขับหลบหนีมาจอดในที่ดังกล่าว
ร.ต.ท.จันดา พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เผยว่า จากการลงพื้นที่ไม่ผู้ใดเห็นเหตุการณ์เฉี่ยวชนในครั้งนี้ แต่ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า ในระหว่างที่ผู้ตายได้เดินข้ามถนน ปรากฏว่ามีรถเก๋งขับขี่มาด้วยความเร็วสูง จึงทำให้รถเก๋งไม่สามารถหยุดรถได้ทัน จึงพุ่งชนผู้ตายเสียชีวิตคาที่และขับหลบหนีไปดังกล่าว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดรถเก๋งคันดังกล่าวไว้ตรวจสอบและสืบสวนติดตามเจ้าของรถมาสอบสวนต่อไป