บาสหญิง‘แชมป์’-ชายดีสุดต้องชิงสมัยสาม | คมชัดลึก

 

           ทุกวันนี้กีฬาบาสเกตบอลในบ้านเราเริ่มพัฒนาขึ้นตามลำดับ หลังจากอดีตที่ผ่านมามันช่างขมขื่นยิ่งนัก สาเหตุเพราะบรรดาผู้บริหารในสมาคมแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าไม่ยอม "กินเส้น" กันสักเท่าไหร่

 

           ทั้งที่จริงเป็นคนสายเลือดกีฬาชนิดนี้เหมือนกันน่าจะพอพูดคุยปรึกษาอะไรกันได้บ้าง แต่พอลับหลังสับกันไม่เลี้ยง เพื่อต้องการให้ตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่มีอำนาจบารมี สั่ง ซ้ายขวาให้บรรดาพวกลิ่วล้อคอยเชื่อฟัง

 

           ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บหรอกว่า มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายประการใด

 

           ทว่าผลพวงจากความขัดแย้งในอดีตส่งผลให้ "ผลงาน" นักยัดห่วงทีมชาติไทยไม่สู้ดีสักเท่าไหร่นัก ทั้งที่จริงในระดับซีเกมส์ทีมบาสเกตบอลทั้งชายและหญิงของไทยไม่เป็นสองรองใครในย่านอาเซียน มีเพียงแค่ "เสือเหลือง" มาเลเซีย และ "ตากาล็อก" ฟิลิปปินส์ เป็นคู่ต่อกรสำคัญมาตลอด

 

           จนกระทั่งมาในยุคของ พิพัฒน์ ลาภปรารถนา อดีตนายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารในยุคนั้น กำชับให้มีปฏิบัติการไล่ล่าทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ หรือ "เหรียญทอง" กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะทีมยัดห่วงแม่เนื้อนิ่มของไทยเป็นแชมป์ซีเกมส์มาแล้วถึง 2 สมัย นับตั้งแต่ ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย และ ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่พม่า

 

           ส่วนทีมชายพยายามทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วสามารถทะลุชิงได้ถึง 2 สมัยในซีเกมส์ แต่ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของฟิลิปปินส์ได้ จึงทำให้เป็นรอยแค้นฝังใจที่ทุกคนรอวันปลดปล่อยในซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์

 

           ล่าสุดในส่วนทีมหญิงเปิดเผยรายชื่อนักกีฬาทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย สุปราณี รัดรอดกิจ กัปตันทีม, เพ็ญพรรณ โยธานันท์, จุฑามาศ จันทกาล, สุวิมล แทงเทศ, ณภัทร เครือทิวา, สุภาวดี กุญชวน, สุรีย์ พรหมราช, ชลธิชา เชิดเพรชรัตน์, ภัทราวดี จันทรบุตร, ธิดาพร ไม้หอม, จุฑาทิพย์ มธุรส และ อัจฉรา กายชัยภูมิ โดยมี พิพัฒน์ ลาภปรารถนา เป็นผู้จัดการทีม พร้อมด้วย วิชาญ เจริญธรรม เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน กับ น้อมจิต ทันซาว เป็นสตาฟฟ์โค้ช

 

           พร้อมตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะต้องผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบคู่ปรับสำคัญ มาเลเซีย และคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักกีฬาชุดนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นตัวหลักจาก "เนปิดอว์เกมส์" แถมยังมีนักยัดห่วงดาวรุ่งอีกหลายคนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง หากไม่มีอะไรผิดพลาดประเภทไปแพ้ทีมอ่อนชั้นกว่าแบบตกม้าตาย ทุกอย่างไม่ไกลเกินเอื้อม

 

           ทั้งนี้ พิพัฒน์ ผู้จัดการทีมชาติไทย เปิดเผยว่า นักกีฬาทุกคนฟิตซ้อมร่วมกันมานานหลายเดือน ทุกคนมีความพร้อมและสมบูรณ์เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อคว้าเหรียญทองกลับมาเป็นสมัยที่ 3 เนื่องจากศักยภาพและองค์ประกอบของทีมเราดีกว่าหลายชาติ อีกทั้งนักกีฬาชุดนี้ก็มีประสบการณ์มิใช่น้อยผ่านเกมระดับนานาชาติมาอย่างโชกโชน เพียงแต่ทุกคนจะต้องรักษามาตรฐานและเล่นตามแผนที่เฮดโค้ชวางไว้ หากไม่มีอะไรผิดพลาดรอบชิงชนะเลิศเราน่าจะแย่งเหรียญทองกับมาเลเซีย ซึ่งเวลานี้เขาก็ซุ่มเก็บตัวเพื่อหวังล้างแค้นเราเหมือนกัน

 

           ขณะเดียวกันที่มีกระแสข่าวว่าได้ปลด เดวิส โบมาริก ผู้ฝึกสอนชาวต่างชาติออกจากทีมและให้ ธงชัย วัฒนศักดากุล พ่อบ้านสมาคม มาทำหน้าที่แทนนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเดวิส มีงานค่อนข้างรัดตัวจึงไม่มีเวลาทุ่มเทให้ได้เต็มที่ เรายังคงให้ วิชาญ เจริญธรรม เป็นเฮดโค้ชคอยดูแลลูกทีมอยู่ เชื่อมั่นว่าด้วยฝีมือและประสบการณ์ของวิชาญ ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

 

           ขณะที่โผรายชื่อนักบาสเกตบอลทีมชาย ประกอบด้วย อรรถพร เลิศมาลัยภรณ์ หัวหน้าทีม, ชนะชนม์ กล้าหาญ, สุขเดฟ โคเคอร์, วัฒนา สุทธิสินธุ์, วุฒิพงษ์ ดาโสม, ดรงค์พันธ์ อภิรมย์วิไลชัย, ดรัญพงศ์ อภิรมย์วิไลชัย, รัชเดช เครือทิวา, กานต์ณัฐ เสมอใจ, ดนัย คงคุ้ม, ธีรวัฒน์ จันทะจร กับ ณัฐกานต์ เมืองบุญ โดยมี "เฮียต่าย" นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร เป็นผู้จัดการทีม พร้อมด้วย สุนทรพงศ์ มะวิญธร ทำหน้าที่เฮดโค้ช และ มานิจ นิยมยินดี เป็นสตาฟฟ์โค้ช

 

           ล่าสุด "เฮียต่าย" นิพนธ์ กล่าวว่า นักกีฬาทุกคนลงแข่งขันบาสอาชีพลีก และศึกเอบีแอล ในระดับอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์ค่อนข้างดี แต่แน่นอนปัญหาในซีเกมส์หนนี้ คือ แต่ละชาติใช้การโอนสัญชาตินักยัดห่วงมาจากประเทศอื่นๆ ทั้งในอเมริกาและ ยุโรป ซึ่งเราไม่มีนโยบายแบบนั้น เพราะต้องการชนะหรือแพ้ด้วยฝีมือของนักยัดห่วงไทย

 

           แน่นอนเป้าหมายของเราคือ จะต้องผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศให้ได้เป็นสมัยที่ 3 ติด โดยคู่แข่งที่จะต้องเจอนั้นคือ ฟิลิปปินส์ ชาติเดียวเท่านั้น ซึ่งเขามีนักยัดห่วงตัวดีๆ ระดับอาชีพมากมาย แต่ใช่ว่าเราจะไม่มีโอกาส หากทุกคนช่วยกันเล่นและไล่ มีสมาธิกับเกมดีๆ ไม่เสียลูกง่ายๆ หรือป้องกันความผิดพลาดต่างๆ จนหมดแล้ว หากจะแพ้กลับมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ดีกว่าที่เราไม่สู้และแพ้กลับมา แบบนี้รับไม่ได้