ข่าว

‘กุ้งถัง’เปิบอร่อยด้วยมือซีฟู้ดน้องใหม่สไตล์มะกัน

‘กุ้งถัง’เปิบอร่อยด้วยมือซีฟู้ดน้องใหม่สไตล์มะกัน

26 พ.ค. 2558

‘กุ้งถัง’เปิบอร่อยด้วยมือ ซีฟู้ดน้องใหม่สไตล์มะกัน : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดยฐิติพล ขำประถม เรื่อง กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร ภาพ

             ท่ามกลางร้านอาหารทะเล ที่เรียกกันติดปากว่า "ร้านซีฟู้ด" มากมาย มีอยู่ร้านหนึ่ง ที่นำเสนอวิธีการรับประทานไม่เหมือนใคร เพราะร้านนี้ไม่มีจานชามช้อนส้อมให้ใช้ เสิร์ฟให้รับประทานกันด้วยมือเปล่าๆ

             ร้านซีฟู้ดแนวใหม่ ที่ว่า ชื่อ "KoongTung" หรือ "กุ้งถัง" ร้านไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ตั้งอยู่ใน "ตลาดนัดเลียบด่วน" ถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบทางด่วนรามอินทรา แต่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เห็นได้จากคนที่ลงชื่อเข้าคิวรอยาวล้นหน้ากระดาษ หวังจะมาลิ้มรสชาติและสัมผัสเอกลักษณ์ของร้าน ที่ไม่ได้เสิร์ฟบนจาน แต่เสิร์ฟมาเป็นถัง

             "กุ้งถัง" มี "กิ๊ฟ" ปิยฉัตร ปิยวัชรวิจิตร และ "อ้น" จีรวัฒน์ วิริยะสกุลชัยพร เป็นคนต้นเรื่อง โดย ปิยฉัตร หนึ่งในเจ้าของร้าน พร้อมเปิดเผยความโดดเด่นที่มากกว่านั้น ทั้งรสชาติ แนวคิดของร้าน "KoongTung" ที่มาจากสโลแกน "Eat with your hand" หรือ กินด้วยมือ

             ปิยฉัตร เล่าถึงเรื่องราวก่อนมาทำร้านกุ้งถังว่า ก่อนหน้านี้รับงานออแกไนเซอร์ ส่วนจีรวัฒน์เป็นผู้จัดการหาสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ และได้รับงานร่วมกันงานหนึ่ง ซึ่งต้องเดินทางไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เสร็จงานก็ตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และท่องเที่ยวชมเมืองไปด้วย จึงได้เห็นอะไรแปลกใหม่มากมาย รวมถึงร้านอาหารสไตล์แปลกใหม่ ซึ่งคิดว่าบางสไตล์ยังไม่มีในประเทศไทย โดยเฉพาะร้านอาหารซีฟู้ด

             "เราไปเจอร้านอาหารซีฟู้ดในแถบชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีอยู่หลายร้าน อีกทั้งยังมีวิธีเสิร์ฟ วิธีกินที่ต่างกันไป จะมาในแบบที่เสิร์ฟคู่กับซอส เนยหรือชีส ไม่เหมือนกับวิธีกินของบ้านเรา ที่เป็นสไตล์ปิ้งย่างกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือดัดแปลงเป็นอาหารจานเดียวไปเลย เรารู้สึกประทับใจในรูปแบบการเสิร์ฟและรสชาติ โดยเฉพาะการกินด้วยมือ และเรามีความคิดอยากสร้างธุรกิจที่เป็นของตัวเอง จึงตัดสินใจเปิดร้านซีฟู้ดขึ้นมา ซึ่งประเทศไทยมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้งานของเราเริ่มต้นขึ้นได้"

             หลังจากกลับมาเมืองไทย "กิ๊ฟ" และ "อ้น" ได้วางแผนเปิดร้านสไตล์อเมริกัน โดยเลือก กุ้งขาว, กุ้งก้ามกราม, หอยตลับ และหอยแมลงภู่ เป็นเมนูให้ลูกค้าได้เลือก มีทั้งสั่งกินอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะรวมทุกอย่าง ราคามีตั้งแต่ 189-389 บาท สำหรับลักษณะของอาหารคือการนำกุ้ง และหอย ไปนึ่งหรือต้ม จากนั้นเอาไปผัดกับซอส ซึ่งช่วงแรกๆ ยอมรับว่ารสชาติของซอสไม่อร่อยเอาซะเลย ลองผิดลองถูก ให้เพื่อนๆ ช่วยชิม จนกระทั่งได้รสชาติของซอสที่กลายมาเป็น "ซอสสูตรเด็ด" เฉพาะของร้าน ที่ทำมาจากเครื่องเทศหลากหลายชนิด เป็นรสชาติที่ถูกปากคนไทย

             "เมนูของร้านเราจะมีกุ้งขาว, กุ้งก้ามกราม, หอยตลับ และหอยแมลงภู่ ที่คัดมาสดๆ แบบวันต่อวัน ยกตัวอย่างกุ้ง เราจะคัดกุ้งที่ยังมีชีวิตอยู่มาน็อกในน้ำเย็น จากนั้นนำไปนึ่งหรือต้มก่อนนำไปผัดกับซอส และเสิร์ฟด้วยถังสเตนเลส ที่ช่วยเพิ่มความน่ารับประทานเข้าไปอีก การกินอาหารที่ร้านเรา ลูกค้าต้องใช้มือ เราจะใช้กระดาษแผ่นใหญ่ๆ ที่สั่งทำมาเป็นพิเศษ กางลงบนโต๊ะ จากนั้นจะเทกุ้งในถังลงไปให้ลูกค้าใช้มือแกะกิน

             เมื่อเราเลือกรูปแบบของร้านเรียบร้อยแล้ว เราก็ทำแบรนด์ของร้านขึ้นมาให้เข้ากับกุ้งที่เป็นเมนูหลักของร้านและวิธีการเสิร์ฟของเรา เป็นกุ้งใส่หมวกกุ๊กที่มีหน้าตายิ้มแย้มในอยู่ถัง นอกจากนี้เรายังได้สั่งทำผ้ากันเปื้อนที่มีโลโก้ของร้าน เป็นเอกลักษณ์ให้ลูกค้าใส่ เวลากินจะได้ไม่เลอะด้วย"

             ปิยฉัตร เล่าต่อว่า จุดเด่นของ "กุ้งถัง" อยู่ที่ความสดใหม่ รสชาติที่ไม่เหมือนใคร บวกกับสไตล์ของร้านที่ไม่ซ้ำแบบ ตลอดจนการให้บริการที่เอาใจใส่ลูกค้า รวมถึงสิ่งสำคัญคือ "ทำเลที่ตั้ง" โดยเลือก "ตลาดนัดเลียบด่วน" ที่เป็นตลาดนัดอยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่มีผู้คนแถบชานเมืองมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคัก ทั้งนี้ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่เปิดร้าน รู้สึกเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะรูปแบบของร้าน ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ผ่านมาถึงตอนนี้ คิดว่าเดินมาถูกทางแล้ว

             "เรารู้ว่าร้านเราเป็นรูปแบบใหม่ เป็นอะไรที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันเสี่ยงมากแต่อยากลอง เพราะคิดว่าถ้าเรามีจุดขายเป็นสไตล์ที่แตกต่าง ประกอบกับอาหารที่รสชาติอร่อย ลูกค้าก็น่าจะถูกใจแล้วกลับมากันอีก

             ตอนเปิดร้านช่วงแรกๆ มีเพื่อนๆ พี่ๆ และรุ่นน้อง ที่รู้จักกันมาช่วยอุดหนุน แล้วก็บอกกันไปปากต่อปาก หลายคนมาแล้วก็กลับมากินซ้ำหลายรอบ บางคนก็ชวนพ่อแม่และญาติพี่น้องมาลองด้วย ทำให้ร้านคึกคักมาก นอกจากนี้คนที่เดินไปมา ซึ่งเห็นวิธีการเสิร์ฟและการกินของลูกค้าที่นั่งอยู่ ก็สนใจเข้ามาจำนวนมาก ลูกค้าบางรายติดใจในรสชาติ ได้นำไปรีวิวลงในเว็บไซต์ต่างๆ และมีสื่อมาเห็นก็นำไปออกรายการ ยิ่งทำให้ร้านได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก ต้องยอมรับว่าสื่อโซเซียลมีเดียนั้นเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ทำให้ได้ส่วนนี้มาช่วยผลักดันให้ร้านกุ้งถังเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในเวลาสั้นๆ"

             ปัจจุบัน ร้าน "กุ้งถัง" มีลูกค้ามาอุดหนุนเนืองแน่น โต๊ะและเก้าอี้ที่รองรับได้ประมาณ 25 คน ต้องหมุนเวียนกันรองรับลูกค้าวันละหลายรอบ ชนิดที่เก้าอี้ว่างปุ๊บมีคนพร้อมเสียบปั๊บ โดยร้านเปิดเวลา 18.00 น. และปิดในเวลา 01.00 น. รวมประมาณ 7 ชั่วโมง

             "เนื่องด้วยร้านเราอยู่ในตลาดนัดที่เป็นไนท์มาร์เก็ต หรือตลาดนัดกลางคืน ทำให้เราไม่สามารถเปิดรับลูกค้าได้ตลอดทั้งวัน ในช่วงเวลา 7 ชั่วโมงที่เรามี ลูกค้ามาแทบไม่ขาดสาย จึงแก้ปัญหาด้วยการลงสมุดคิว ให้ลูกค้าลงชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้ เมื่อถึงคิวก็โทรตามลูกค้ามา ทุกวันนี้ ตกวันละประมาณ 70-80 คิว โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้าเยอะมาก และมาในเวลาเดียวกัน ทำให้ต้องรอนาน แม้วันธรรมดา บางช่วงก็ต้องใช้เวลารอ 40-45 นาที บางวันของที่ร้าน หมดตั้งแต่เวลา 22.30 น. เนื่องจากของเรามีจำกัดเพราะเลือกแต่ของที่มีขนาดใหญ่ตามมาตรฐานของร้าน ที่สำคัญต้องสดเท่านั้น ทำให้ยอดขายในตอนนี้อยู่ที่วันละประมาณ 100 ถัง จึงตอบได้ว่าธุรกิจร้านกุ้งถังของเราเดินไปในทิศทางที่น่าพอใจมาก"

             เมื่อถามถึงแนวทางของธุรกิจร้าน "กุ้งถัง" ในอนาคต ปิยฉัตร ตอบว่า แน่นอนว่าด้วยกระแสตอบรับของลูกค้าที่ดีมาก จึงได้วางแผนขยายสาขา เป็นสาขาที่ 2 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเลือกพื้นที่ที่เดินทางได้สะดวกกว่าและใหญ่กว่า มีสถานที่ ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าที่มากขึ้นได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องให้ลูกค้ามารอคิวนาน อีกทั้งยังได้เตรียมเมนูใหม่ไว้สำหรับร้านที่จะขยายออกไปด้วย

             "มีคนติดต่อขอทำเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งเราก็สนใจ แต่ขอทำให้ธุรกิจมั่นคงกว่านี้ก่อน คู่พาร์ทเนอร์ของเราจะได้โตไปด้วยกันได้ และสำหรับลูกค้าที่สนใจร้านกุ้งถัง สามารถติดตามรายละเอียดและข่าวสารของร้านได้ผ่านทางอินสตาแกรม @koongtung หรือเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Koongtung"

             สิ่งที่เจ้าของร้าน "กุ้งถัง" ลงมือทำนั้น มีหลายสิ่งน่าสนใจ และมองได้ว่า การจะทำธุรกิจซีฟู้ดนั้น แม้ต้องแข่งขันในตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีร้านค้าเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากมาย แต่หากมีเอกลักษณ์ของร้านที่แปลกใหม่และรสชาติอร่อยถูกปากที่ไม่เหมือนใคร ก็สามารถทำให้ร้านเล็กๆ ยืนอยู่แถวหน้าของวงการร้านซีฟู้ดได้อย่างไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว


"หลากหลาย"

             สำหรับเมนูอาหารของร้านกุ้งถังนั้น "อ้น" จีรวัฒน์ วิริยะสกุลชัย หนึ่งในเจ้าของร้าน ผู้รับหน้าที่เชฟใหญ่ของครัว มีแนวคิดว่า การจะทำให้ร้านได้รับความสนใจมากขึ้น ไม่ควรอยู่หยุดกับเมนูใดเมนูหนึ่ง แต่ควรมีทางเลือกให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติความอร่อยที่แตกต่าง อย่างในส่วนของซอสก็เช่นกัน มีให้เลือกถึง 3 แบบคือ ซอสแบง แบง ซึ่งเป็นซอสที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ เป็นสูตรต้นตำรับของร้าน ที่ลูกค้าสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามต้องการถึง 3 ระดับ,ซอสกระเทียมพริกไทย และที่คุ้นเคยกันดีอย่าง น้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งทางร้านเองก็มีสูตรเด็ดลับเฉพาะ

             "นอกจากเมนูหลักที่เรียกลูกค้าได้ดีแล้ว ทางร้านยังให้ความสำคัญกับเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย ซึ่งราคาประมาณ 39-59 บาท เพราะเห็นถึงความสำคัญของเมนูอาหารที่ควรจะดึงดูดใจให้ลูกค้าอยากลิ้มรสไม่แพ้จานหลัก เช่น ปีกไก่ทอด, เฟรนช์ฟราย, ลูกชิ้นรวมที่มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้านคือ "คอร์นชีส" ข้าวโพดที่คลุกเคล้ากับชีสให้รสชาติหวานมัน ซึ่งเมื่อนำมาขายก็ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า เรียกได้ว่ามาถึงร้านแล้วต้องสั่งไปลองรับประทานกันทุกโต๊ะ เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ช่วยส่งเสริมการขายให้แก่ร้านเราด้วย"