
จากแม่ค้าก้าวสู่เจ้าของกิจการใส่นวัตกรรมปั้นแบรนด์สุขภาพ
จากแม่ค้าก้าวสู่เจ้าของกิจการ ใส่นวัตกรรมปั้นแบรนด์สุขภาพ : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดยณัฎฐ์ชิตา เกิดแดง
“ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” น่าจะเป็นสโลแกนประจำตัวเจ้าของสินค้าสำหรับผู้หญิงที่เธอคิดทำขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการตัวเองและหญิงไทยที่รักสวยรักงาม เพราะเห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใส่รองเท้าส้นสูงทำงาน จึงอาจมีปัญหาเมื่อย ขาบวม เป็นเส้นเลือด วีด้า กรุ๊ป จึงคิดผลิตถุงน่องเพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพ มาช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับชุดที่สวมใส่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้หญิงไทย จนครองใจพริตตี้เมืองไทยไปแล้ว
"เมธาวี กิจธรบัญชา" หรือ วีด้า เจ้าของ บริษัท วีด้า กรุ๊ป จำกัด วัย 38 ปี เล่าถึงที่มาของการสร้างแบรนด์ถุงน่องและบราของตัวเองว่า เป็นเพราะเธอชอบแต่งตัวรักสวยรักงามมาตั้งแต่สาวๆ และเป็นคนที่ติดถุงน่องมาก แต่รู้สึกว่าลองใช้มาหลายยี่ห้อก็ไม่ถูกใจ ไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงตามความต้องการของตัวเอง บางยี่ห้อรัดแน่นไป บางยี่ห้อไม่เก็บหน้าท้อง สิ่งสำคัญต้องการให้ช่วยลดอาการปวดขา หรือขาบวม ช่วยป้องกันเส้นเลือดขอด เก็บไขมันส่วนเกิน แต่เมื่อสวมใส่แล้วต้องสวยงามด้วย ซึ่งในตลาดยังไม่ค่อยมีมากนัก และที่มีก็ราคาแพงอยู่ในระดับเป็นพันบาทขึ้นไป
“เดิมทีขายสินค้าของผู้หญิงประเภทถุงน่อง ถุงเท้า บราตามปกติอยู่แล้ว เป็นร้านขายส่งสินค้าเหมือนร้านค้าทั่วไปตามประตูน้ำ แพลทตินั่ม โดยจะสั่งผลิตสินค้าจากโรงงานลอตละมากๆ เพื่อให้มีต้นทุนถูกลง แต่ไม่ได้มีแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งขายตามปกติมาประมาณ 13 ปีจนมาถึงจุดเปลี่ยนปีที่แล้ว มองว่าหากไม่ทำการตลาดหรือมีแบรนด์ของตัวเองธุรกิจก็ไม่โต สินค้าที่ผลิตออกมาก็หายจมไป ไม่เป็นที่รู้จัก ในตลาดมีคู่แข่งเยอะ จึงคิดจะทำสินค้าที่มีนวัตกรรมที่ตลาดยังไม่ค่อยมีในราคาจับต้องได้ สมเหตุสมผลเป็นแบรนด์ของตัวเองออกมาให้ได้”
วีด้าเล่าต่อว่า ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเลยเลือกซื้อถุงน่องมาใส่มีรุ่นที่ป้องกันเส้นเลือดขอดด้วย จนไปถูกใจยี่ห้อหนึ่งแต่คิดว่ายังไม่พอสำหรับสาวไทย ที่รักสวยรักงาม หรือคนที่ต้องการใส่เพื่อปกปิดเซลลูไลท์ต้องช่วยให้ขาดูเรียวเล็ก ช่วยรัดหน้าท้องให้แบนราบด้วย ซึ่งมีหลายอาชีพที่ต้องใส่ถุงน่องเป็นประจำ อย่าง พริตตี้ พยาบาล แอร์ พนักงานห้าง พนักงานโรงแรม ที่ต้องเดินหรือยืนนานๆ จึงคิดว่าต้องมีคุณสมบัติที่ว่าด้วย จึงปรึกษากับโรงงานผู้ผลิตถุงน่องในประเทศไทยก่อนแต่ลองผิดลองถูกคิดค้นอยู่นานก็ยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ
หลังจากนั้น จึงเสนอให้โรงงานในประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ทำการผลิต โดยส่งทีมงานไปควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด คิดค้นอยู่นานเกือบ 6-7 เดือนก็ได้สินค้าออกมาตามที่ต้องการ ซึ่งทำสัญญาให้ผลิตเพื่อขายกับบริษัทของเธอเพียงแห่งเดียวและการผลิตที่จีนก็ไม่ได้ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงกว่าในไทย แม้จะมีค่าขนส่งสินค้าด้วยก็ตาม เพราะวัสดุเส้นใยบางอย่างต้องใช้ของจีนหรือของไต้หวันทำให้โรงงานได้รับของง่ายกว่า
จึงเป็นที่มาของถุงน่องนวัตกรรมใหม่ภายใต้แบรนด์ Slimleg by veeda มีคุณสมบัติในการดูแลสุขภาพของเรียวขาเป็นพิเศษ ช่วยบรรเทาและป้องการการเกิดเส้นเลือดขอดจากการยืนนานๆ มากกว่า 2-3 ชั่วโมงต่อวัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มแรงกระชับจากน้อยไปมากเหมือนการนวดจากต้นขาถึงข้อเท้า นอกจากจะช่วยดูแลสุขภาพเรียวขาแล้ว เธอบอกว่ายังเสริมสร้างความสวยงามและเสริมบุคลิกให้สาวๆ มั่นใจมากขึ้นด้วย
“ในตลาดตอนนี้น่าจะมีเพียงรายเดียว เราได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้แล้วเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ ซึ่งจากการเปิดตัวเมื่อ 6 เดือนก่อนถึงปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดีมากในกลุ่มพริตตี้ ซึ่งมาจากการบอกต่อๆ กัน และจากกลุ่มหมอ พยาบาลที่ซื้อไปใช้ก็ยังยอมรับว่าช่วยดูแลสุขภาพขาได้จริง” วีด้ากล่าวและว่า เธอเองก็ทดลองใช้สินค้าทุกรุ่นจนถึงทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่ เพราะติดถุงน่องมาก หากไม่ใส่จะรู้สึกไม่มั่นใจ นอกจากนี้ ยังทำให้รู้ว่าสินค้ายังมีข้อบกพร่องตรงไหน เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
จากกระแสตอบรับที่ดีในช่วง 6 เดือน โดยเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้มียอดขายแล้วกว่า 8 ล้านบาท ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่อยากให้ธุรกิจเติบโตขึ้นไปอีก เพราะเป็นคนชอบคิดการใหญ่อยากให้สินค้าเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้สินค้าของวีด้าจะดังในกลุ่มพริตตี้มาก เพราะมี "หญิงแย้" พริตตี้ตัวแม่มาช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ โดยเป้าหมายของวีด้าคือ ต้องการให้สินค้าเป็นเบอร์หนึ่งในใจผู้หญิงไทยวัย 15 ปีขึ้นไปจนถึงวัยทำงาน
"วีด้ามั่นใจในคุณภาพของสินค้าเมื่อเทียบกับกับแบรนด์ดังๆ ที่ราคาหลักพันบาท ขณะที่ราคาของเราต่ำกว่าเกือบครึ่ง ก็ทำให้สามารถทำตลาดขยายฐานลูกค้าไปได้อีก แต่ยอมรับว่าผู้หญิงไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใส่ถุงน่องมากนัก จะใส่แค่จำเป็นออกงาน นุ่งสั้นในบางวัน ซึ่งจริงๆ แล้วตามหลักที่ถูกต้องควรจะใส่ให้เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงจึงจะช่วยป้องกันเส้นเลือดขอดได้จริง ตรงนี้ตัววีด้าก็ต้องเดินสายให้ข้อมูลความรู้ ออกสื่อ เริ่มทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกรณรงค์ให้สาวไทยหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพของเรียวขาเหมือนกันสุขภาพส่วนอื่นๆ มากขึ้น"
สำหรับช่องทางการขายในช่วงแรกนั้น วางจำหน่ายในช็อปที่อาคารกรุงทองพลาซ่าตรงข้ามแพลทตินั่ม ซึ่งปัจจุบันจะใช้เป็นสถานที่ในการโชว์สินค้ามากกว่า เพราะลูกค้าประจำส่วนใหญ่สัดส่วนประมาณ 40% จะใช้วิธีโทรมาสั่งของทางร้านก็จะไปส่งให้ถึงที่ จะมีบ้างก็ชาวต่างชาติที่มาเดินซื้อของ หรือรายย่อยที่มาซื้อไปทดลองใช้เอง โดยลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มที่รับไปขายปลีกมากกว่า แบ่งกลุ่มเป็นรายใหญ่ที่สั่ง 500 กล่อง ซึ่งจะต้องมีเงินลงทุน 2 แสนบาท กลุ่มรายกลางสั่ง 200 กล่องใช้เงินลงทุน 6 หมื่นบาท
ส่วนกลุ่มที่ 3 และ 4 เป็นลูกค้ารายย่อยที่รับไปน้อยๆ อาจนำไปใช้เองและขายต่อ เช่น โพสต์ขายในเฟซบุ๊ก ขายทางออนไลน์ กลุ่มนี้ต้องสมัครตัวแทนขายกับบริษัทด้วยเสียค่าสมาชิก 500 บาท หากทำยอดได้ 5,000 บาทก็จะคืนค่าสมัครให้ ที่สำคัญจะเป็นข้อกำหนดเลยว่าต้องรับไปขายในราคาเดียวกัน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาขายตัดราคากันเอง ซึ่งบริษัทไม่ได้เน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ก็มีเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ เพื่อให้อัพเดทข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นใหม่ๆ ให้ลูกค้ารับทราบ ตอนนี้ก็จะมีพนักงานหน้าร้านรับออเดอร์ 13 คนและโชคดีที่ทุกคนรักการขายเหมือนกันจึงอยู่กันมานานเป็น 10 ปี
นอกจากนี้ ในต่างประเทศก็เริ่มมีสินค้าของวีด้าไปวางจำหน่าย โดยคนไทยที่อยู่ในประเทศลาวเริ่มสนใจนำไปขายและมีลูกค้าซื้อไปทดลองใช้ แต่ยังไม่ตัดสินใจ เช่นเดียวกับที่อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และพม่า ซึ่งเธอหวังว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้
บทเรียนอย่างหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นโมเดลสำหรับผู้ที่กำลังย่างก้าวสู่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ วีด้าบอกว่า การเป็นแม่ค้ากับการก้าวมาสู่ธุรกิจของตัวเองมีความแตกต่างกันมาก ช่วงที่เป็นแม่ค้าอย่างเดียวก็ต้องนั่งรอคนมาซื้อ เดินเข้ามาหาเอง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาสถานที่ การลงทุน การทำตลาด การบริหารงานบริหารคนจะแตกต่างกัน พอเริ่มมาคิดจับเป็นธุรกิจจริงจังก็ต้องตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาให้ชัดเจน ทำงานเป็นระบบ ต้องพัฒนาแผนการตลาด มีกลยุทธ์การขาย ต้องเดินเข้าหาแนะนำตัวกับลูกค้า เรียกว่าต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น
"ก่อนวีด้าจะย้ายร้านมาที่กรุงทองพลาซ่า ซึ่งมีต้นทุนหลายหมื่นบาทต่อเดือนก็เคยเปิดบูธขายสินค้าที่ห้างดังแถวรังสิตมาก่อน แต่รู้สึกว่าเป็นลูกไล่ของเจ้าของตึกที่จะย้ายบูธเราไปไว้ตรงไหนก็ได้ หากเป็นทำเลไม่ดีจะส่งผลต่อยอดขาย เลยตัดสินใจย้ายมาเปิดร้านที่มีทำเลดี แม้ว่า ค่าเช่าจะแพงหน่อยแต่อยู่กลางเมือง และรู้สึกว่าคิดไม่ผิด"
นอกจากนี้ เมื่อเข้ามาทำเป็นธุรกิจเต็มตัวแล้วก็คิดว่าควรเพิ่มช่องทางการขายในส่วนของตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพื่อให้สินค้ากระจายไปทั่วถึง อำนวยความสะดวกลูกค้าให้สั่งจากตัวแทนในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีที่ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พิษณุโลก แล้ว และยังอยู่ระหว่างเปิดรับตัวแทนไปเรื่อยๆ เพราะใจจริงอยากจะมีให้ครบทุกจังหวัดภายในสิ้นปีนี้ โดยหากในอนาคตมีตัวแทนขายครบทุกจังหวัดก็ไม่จำเป็นต้องมีช็อป หรือหน้าร้านขายสินค้าอีกต่อไป บริษัทจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงและจัดส่งสินค้าให้ตัวแทนเท่านั้น ขณะที่ลูกค้ารายย่อยระดับ 3 และ 4 สามารถซื้อจากตัวแทนระดับ 1 และ 2 ได้ เป็นเหมือนการถ่ายโอนลูกค้าไปให้ โดยที่บริษัทยังคงดูแลช่วยเหลือลูกค้าเต็มกำลัง
นอกเหนือจากการขยายทางการจำหน่ายแล้ว วีด้าบอกว่า ต้องเน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ไปด้วย โดยถุงน่องป้องกันเส้นเลือดขอดที่ทำมานั้นยังมีเพียง 2 รุ่น สีเนื้อและสีดำ ซึ่งสีอาจต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับสภาพผิวคนไทยมากขึ้น เพราะบางคนบอกเหมือนขาปลอม หรือบ้างก็ติว่าหนาไป ล่าสุดเดือนพฤษภาคมนี้ จะออกสินค้าใหม่เป็นถุงน่องบางขึ้นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราและมีสีเนื้อออกขาวออร่า เพื่อสนองความต้องการของกลุ่มสาวผิวขาว อย่างกลุ่มพริตตี้ที่เรียกร้องเข้ามา และช่วงปลายปีจะออกถุงน่องรุ่นหนาที่บุกตะลุยเมืองหิมะได้ ซึ่งภายในปีนี้น่าจะมีสินค้าใหม่ออกมาประมาณ 4 รุ่น
ส่วนบราไร้สายที่ผลิตออกมาไล่เลี่ยกับถุงน่องนั้น เป็นสินค้าอีกประเภทที่เธอภูมิใจใช้เองและชื่นชอบจนต้องบอกต่อสาวๆ เพราะเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับปัญหาทรวงอกของผู้หญิง ผลิตจากวัสดุบางเบาไร้น้ำหนักคุณภาพกาวเหมาะกับผิวที่บอบบางของผู้หญิง พกพาสะดวกเหมาะกับชุดเกาะอก มี 2 แบบ คือ แบบทรงปีกนก เหมาะสำหรับผู้หญิงต้องการยกกระชับอก ไม่ให้หย่อนคล้อย และแบบทรงปีกผีเสื้อ ช่วยเสริมหน้าอกให้ดูกระชับขึ้น ซึ่งในเร็วๆ นี้ก็จะมีสินค้าใหม่ออกมาอีก 3 รุ่น
เงินลงทุนทำธุรกิจนั้น วีด้าบอกว่าเริ่มต้นจากสะสมเงินหลักแสนบาทเอาไปลงทุนครั้งแรกโดยไม่คิดกู้ใคร จึงทำให้ไม่มีแรงกดดันมากนัก และยึดหลักว่าหากทำธุรกิจก็ต้องมีลองผิดลองถูก ต้องเผื่อใจด้วยว่าอาจไม่ประสบความสำเร็จ ต้องคิดหาทางหนีทีไล่วางแผนแก้ปัญหาไว้ด้วย จากเงินสะสมหลักแสนผ่านไป 13 ปีก็มีเงินหลักสิบล้านบาทเพื่อให้สำหรับการลงทุน
สุดท้ายเธอให้ข้อคิดว่า การทำธุรกิจที่ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนอาจมีปัญหาได้หากเชื่อใจใครมากเกินไป การให้เครดิตเงินเชื่อไปนานๆ อาจกลับมาทำร้ายตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาเคยให้เครดิตลูกค้า เพราะกลัวเขาจะไม่ซื้อ แต่ก็โดนโกงไปเป็นล้านบาทเกือบทำให้บ้านแตก ทุกวันนี้จึงเข็ดกับการให้เครดิต ใช้วิธีซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น และไม่มีปัญหา เพราะสิ่งที่ยึดถือมาตลอดคือ ความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบลูกค้า