ข่าว

สั่งประหาร'หมอสุพัฒน์'ฆ่าพม่า

สั่งประหาร'หมอสุพัฒน์'ฆ่าพม่า

01 พ.ค. 2558

พิพากษาประหารชีวิต 'พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ - ลูกชายคนโต' คดีฆ่าแรงงานพม่า ส่วนลูกชายคนเล็ก ขณะเกิดเหตุยังเป็นเยาวชน ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี 3 เดือน

 
                       1 พ.ค. 58  เมื่อเวลา 09.30 น.  ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี  ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีฆ่านายอิตาร์ แรงงานชาวพม่า โดยมี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 1 นายอัคร เลาหะวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 3 หลังเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้วสองครั้ง เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หลบหนี ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 และต่อหน้าจำเลยที่ 2 และ 3
 
                       โดยคดีนี้โจทย์คือพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสาม ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน คือ นายอิตาร์ แรงงานชาวพม่า ที่พนักงานสอบสวนขุดพบภายในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขณะค้นหาหลักฐานในคดีฆ่าสองสามีภรรยาชาวไร่สับปะรด โดยก่อนหน้า พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายกะลา ซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า ที่ทำงานอยู่ภายในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปดูโครงกระดูกที่ขุดพบ ซึ่งนายกะลา บอกว่า เป็นคนงานพม่าที่ป่วยตาย แต่เมื่อสอบถามเพิ่มเติมว่ามีศพอื่นอีกหรือไม่ นายกะลา จึงบอกว่า มีอีกศพหนึ่ง คือ ศพนายอิตาร์ ฝังอยู่ใกล้กัน โดยระบุว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นคนยิง โดยมีลูกชายทั้งสองร่วมอยู่ด้วยในขณะเกิดเหตุ เพราะหึงหวงที่นายอิตาร์ไปพัวพันกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งวันเกิดเหตุนายอิตาร์ถูกยิงเข้าที่ขมับ และยิงซ้ำที่ปาก ส่วนนายโย่ง คนงานพม่าอีกคนหลบหนีไปได้
 
                       ศาลได้พิเคราะห์หลักฐานจากคำเบิกความของนายกะลา และนายโย่ง แรงงานชาวพม่าที่ทำงานอยู่ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ พร้อมด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากการตรวจดีเอ็นเอจากโครงกระดูกและดีเอ็นเอของพ่อและแม่ของผู้ตาย และหลักฐานประกอบอื่น ซึ่งมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนายเอก เลาหะวัฒน์ ลูกชายคนโต ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ ลูกชายคนเล็ก ขณะเกิดเหตุยังเป็นเยาวชน จึงลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี 3 เดือน โดยจำเลยที่ 1 หลบหนี ให้ออกหมายจับมารับการลงโทษ
 
                       สำหรับนายเอก และนายอัคร เลาหะวัฒนะ ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยภรรยาคนที่สี่ ได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอในศาลอุทธรณ์