
รู้จักกับรัชทายาทหนุ่มลำดับสองแห่งซาอุฯ
02 พ.ค. 2558
เวิลด์วาไรตี้ : รู้จักกับรัชทายาทหนุ่มลำดับสองแห่งซาอุฯ
ข่าวใหญ่จากซาอุดีอาระเบียเมื่อกลางสัปดาห์คือการประกาศปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งสำคัญในหมู่ผู้ปกครอง โดยเฉพาะลำดับสืบสันติวงศ์ใหม่ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระราชนัดดาของกษัตริย์ซัลมาน ได้รับแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร แทนเจ้าชายมูกริน บิน อับดุล อาซิส พระอนุชาต่างพระมารดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน และตั้ง เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรส ขึ้นเป็นรองมกุฎราชกุมาร
ผู้สันทัดกรณีบางคนถึงกับบอกว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงแบบแผนดินไหวการเมืองแมกนิจูดสูงสุด ที่จะบ่งบอกทิศทางซาอุฯ ในอนาคตอันใกล้กับการที่จะมีผู้นำรุ่นใหม่เข้ามา ซึ่งทำให้อายุเฉลี่ยของราชวงศ์ผู้ปกครองลดลงเหลือ 50 กลางๆ ทั้งยังสะท้อนการแหวกขนบการเมืองเดิม จากการที่กษัตริย์ซัลมานเลือกควบรวมอำนาจเป็นปึกแผ่นด้วยการดึงคนมาไว้ใกล้ตัว แทนการกระจายแบ่งอำนาจในหมู่ราชวงศ์ที่มักกระทำ
บุคคลหนึ่งที่จะได้รับความสนใจอย่างมากกับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ น่าจะเป็นเจ้าชายโมฮัมเหม็ด...
ด้วยพระชนมายุที่ว่ากันอยู่ราว 30 พรรษาต้นๆ ไม่เกิน 35 พรรษา ก็ได้ขึ้นเป็นลำดับสองแห่งราชบัลลังก์ซาอุฯ นับเป็นหนึ่งในว่าที่กษัตริย์หนุ่มที่สุดแห่งราชวงศ์นี้ หลังจากเมื่อเดือนมกราคม พระองค์เพิ่งเป็นเจ้าชายหนุ่มที่สุดที่ขึ้นกุมบังเหียนกองทัพอันเกรียงไกร จากการได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมหลังพระราชบิดาขึ้นครองราชย์
รัชทายาทลำดับสอง ทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำกองทัพที่มีกำลัง 3 แสนนายของซาอุฯและในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม เจ้าชายโมฮัมเหม็ด จึงสวมบทเป็นผู้บัญชาการกองกำลังผสมอาหรับนำโดยซาอุฯ ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสกัดกั้นกองกำลังกบฏฮูทีในเยเมน ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ซาอุฯ เพิ่งประกาศยุติปฏิบัติการไป โดยระบุว่าสำเร็จตามเป้าหมาย แม้ยังมีการสู้รบกันเนืองๆ ต่อไป
ตามพระประวัติส่วนพระองค์ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด เป็นพระโอรสจากพระชายาคนที่สาม ฟาห์ดา บิน ฟาเลาะห์ บิน สุลต่าน อัล ฮิทาลัน เป็นเด็กเรียนดี ติดหนึ่งในสิบตอนจบมัธยม ก่อนคว้าปริญญาด้านนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคิง ซาอุด ด้วยคะแนนสูงเป็นอันดับสอง ระหว่างศึกษาภาคปกติ พระองค์ยังเข้ารับการฝึกอบรมหลายหลักสูตร
เจ้าชายโมฮัมเหม็ดตักตวงประสบการณ์จากการทำงานในภาคเอกชนและการเงินระหว่างประเทศหลายปี ก่อนมาทำงานรับใช้บ้านเมือง เริ่มจากเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของคณะรัฐมนตรีซาอุฯ ต่อมาในปี 2552 เป็นที่ปรึกษาของพระบิดาขณะเป็นผู้ว่าการจังหวัดริยาห์ ในช่วงเดียวกันนั้น พระองค์เริ่มมีตำแหน่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น เป็นเลขาธิการสภาเพื่อความสามารถการแข่งขันริยาดห์ และเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้แก่ประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิคิง อับดุลอาซิส เพื่อการวิจัยและคลังข้อมูล
เมื่อมกุฎราชกุมารพระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ เจ้าชายซัลมาน พระบิดา ขยับขึ้นเป็นรองมกุฎราชกุมาร และเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ผู้เป็นบิดาก็หอบหิ้วพระโอรสมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวปี 2554
ปีที่แล้ว พระองค์ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมปีเดียวกัน และเมื่อพระราชบิดาขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 23 มกราคม เจ้าชายได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าราชสำนักเพื่อถวายงานกษัตริย์
ในวัยเพียง 30 พรรษา พระองค์สั่งสมประสบการณ์มากมายในด้านวัฒนธรรมและการศึกษา โดยมีช่วงหนึ่ง เป็นที่ปรึกษาพิเศษประธานคณะกรรมการบริหารของมูลกษัตริย์อับดุลอาซิส เพื่อการวิจัยและคลังข้อมูล และยังเป็นกรรมการบริหารอุนรักษ์เขตประวัติศาสตร์ ดิริยา ร่วมกับยูเนสโก
พระองค์ยังทรงเกี่ยวข้องกับโครงการการกุศลมากมายตั้งแต่ยังเยาว์ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภารกิจของพระบิดา
"ฟอร์บส์ มิดเดิล อีสต์" ยอมรับในความพยายามของพระองค์ในการสนับสนุนเยาวชนและสื่อสารความสำเร็จของเยาวชนเหล่านี้ในระดับโลก ด้วยการมอบตำแหน่งบุคคลแห่งปีแก่เจ้าชายโมฮัมหมัด จากการเป็นประธานศูนย์เยาวชนเจ้าชายซัลมาน
ในปี 2554 เจ้าชายทรงก่อตั้งและเป็นประธานกรรมการมูลนิธิเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่รู้จักในชื่อ มูลนิธิเอ็มไอเอสเค มุ่งพัฒนาเยาวชนในการเรียนรู้ และก้าวหน้าในภาคธุรกิจ วรรณกรรม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสังคมวิทยา
ปัจจุบัน เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ยังรั้่งตำแหน่งประธานสภาพัฒนาและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นองค์กรประสานงาน และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่สองด้วย นักการทูตตะวันตกคนหนึ่งกล่าวถึงรัชทายาทลำดับสองว่า เป็นบุรุษผู้เข้มแข้ง กำกับดูแลทุกเรื่องที่สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศนี้