ข่าว

‘ปปง-สตช.’เปิดตู้เซพคดียูฟันพบเงินสด-ทองเต็มตู้

‘ปปง-สตช.’เปิดตู้เซพคดียูฟันพบเงินสด-ทองเต็มตู้

29 เม.ย. 2558

"ปปง.-สตช."ร่วมกันเปิดตู้เซฟผู้ต้องหาคดีแชร์ยูฟัน พบเก็บเงินสด-ทองคำแท่งเต็มตู้ รวมยึดทรัพย์ในคดีแล้วกว่า 200 ล้าน

 
 
          วันที่ 29 เม.ย.58 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันเปิดตู้เซฟที่อายัดมาจาก 2 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่บริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด โดยตู้เซฟใบแรก เจ้าหน้าที่ได้อายัดไว้ จากคอนโดแห่ง ซอยเจริญนคร 13 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม. ของนายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ หรือ เสี่ยโน้ต อายุ 31ปี ซึ่งภายในตู้เซฟมีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท และ 500 บาท วางกองรวมกันมากกว่า 20 มัด จำนวน 26 ล้านบาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 81 บาท ขณะเปิดประตูตู้เซฟมีเงินหลายมัดทะลักออกมาจากตู้ ทั้งนี้เมื่อรวมทรัพย์สินประเภทอื่นๆ อาทิบ้านและรถยนต์ที่อายัดไว้ก่อนหน้านี้ มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 183 ล้านบาท
 
          นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปิดตู้เซฟของ นายอภิชณัฐ แสนกล้า หรือณัฐ พบทรัพย์สินภายในตู้เซฟ จำนวน 35 รายการ ประกอบไปด้วย นาฬิกาหรู เครื่องประดับ แหวนเพชร ทองรูปพรรณ ฉโนดที่ดิน ทะเบียนรถยนต์ ธนบัตรต่างๆ และเมื่อรวมกับทรัพย์สินที่ยึดไว้ก่อนหน้านี้ อาทิ รถยนต์หรู 2 คัน บ้านพัก มีมูลค่ากว่า 43 ล้าน
 
          พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ปปง.จะทำการตรวจสอบทรัพย์สินที่อายัดมา เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หากพบว่าทรัพย์สินส่วนใดที่ได้มาจากการกระทำผิด จะทำการขายทอดตลาดเพื่อนำทรัพย์สินชดใช้ให้ผู้เสียหายต่อไป ทั้งนี้เจ้าของทรัพย์สามารถเข้ามาโต้แย้งสิทธิ์ และชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ภายใน 90 วัน อย่างไรก็ตาม ปปง.ได้ยกร่างแก้ไขกฏหมายการฟอกเงินใหม่ ซึ่งปกติหากยึดทรัพย์สินเสร็จสิ้น ทรัพย์สินจะตกเป็นของเเผ่นดิน แต่กรณีคดียูฟันมีผู้เสียหาย เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดศาลจะสั่งให้นำทรัพย์สินที่ทำการยึดจะขายทอดตลาดนำเงินมาชดใช้ให้ผู้เสียหายต่อไป
 
          ด้านพล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเบื้องต้น 120,000 ราย วงเงินความเสียหาย 38,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีก ดังนั้นตำรวจจะเร่งติดตามทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย และขอแจ้งเตือนไปยังผู้ที่รับฝากทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดีนี้ให้เลิกพฤติกรรม เพราะหากถูกจับกุมจะต้องถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฟอกเงิน