ข่าว

ปั้นธุรกิจชุดวิวาห์ร้อยล้านทางสู้ชีวิต‘ปิยาภัสร์ ค้ำชู’

ปั้นธุรกิจชุดวิวาห์ร้อยล้านทางสู้ชีวิต‘ปิยาภัสร์ ค้ำชู’

23 เม.ย. 2558

ปั้นธุรกิจชุดวิวาห์ร้อยล้าน ทางสู้ชีวิต‘ปิยาภัสร์ ค้ำชู’ : คมคิด ชีวิตต้องสู้ เรื่อง - ธานี กุลแพทย์ ภาพ - สมศักดิ์ เนตรทอง

             ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น คำกล่าวประโยคนี้ยังเป็นอมตะที่ใช้ได้ดีทีเดียวกับวิถีชีวิตของเด็กสาวยอดนักสู้ ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ผันแปร จากเด็กสลัม ความรู้น้อยสู่เจ้าของธุรกิจชุดวิวาห์นับร้อยล้าน "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ ค้ำชู แห่งอาณาจักร Fullrichbride Company Limited ผู้ผลิตชุดแต่งงานให้เช่ารายใหญ่สุดในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Fullrich ที่มีชุดสวยหลากสไตล์ คัตติ้งเนี้ยบกว่า 5,000 ชุด ให้ลูกค้าได้เลือกสรรเพื่อวันแห่งความสุขชนิดครบวงจร

             ในวัย 31 ปี วันนี้ของ "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ เธอใช้เวลากว่าสิบปีสั่งสมประสบการณ์ เรียนรู้ชั้นเชิงธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าชุดต่างๆ จนก้าวขึ้นมามีกิจการเป็นของตังเอง แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเด็กสาวเช่นเธอซึ่งมีความบากบั่น มุมานะ อดทน หวังต้องการปลดแอกความจนของครอบครัว ทั้งการเอาชนะการดูถูกเหยียดหยามจากเพื่อนบ้านในทุกคราที่ขอความช่วยเหลือเมื่อครั้งทางบ้านตกอับถึงที่สุด

             "ตั๊กได้เรียนแค่ชั้น ม.3 ที่โรงเรียนวัดดุสิต แถวปิ่นเกล้า เหตุผลหนึ่งที่ได้เรียนน้อยเพราะก่อนนั้นบ้านที่ครอบครัวพักอาศัยถูกเวนคืนที่ดิน เราไม่เหลืออะไรเลย ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในสลัม เป็นช่วงเดียวกับที่ร้านอาหารของแม่ซึ่งเปิดอยู่แถวนั้นโดนไล่ไที่ด้วย จึงเป็นอะไรที่ลำบากมากเพราะเราเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่น้องอยู่รวมกันทั้งหมด 12 คน เมื่อฐานะทางบ้านย่ำแย่ เพื่อนบ้านต่างดูถูก นินทา ตอนนั้นตั๊กได้แต่คิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องรวย ต้องดีกว่า และมีให้มากกว่า"

             ปิยาภัสร์ ย้อนอดีตเมื่อเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมาถึงอุปสรรค ปัญหาที่ทำให้เธอต้องหยุดเรียน อันเป็นเหตุผลให้ชีวิตของเด็กสาวต้องตระเวนออกหางาน หาอาชีพ เพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวและเลี้ยงตัวเองด้วยวัยขณะนั้นเพียง 12-13 ปี เท่านั้น

             ทว่า ช่วงเวลานั้นครอบครัวนับว่ายังไม่ถึงจุดตกอับเสียทีเดียว เมื่อพี่สาวคนโตตัดสินใจนำเงินก้อนสุดท้ายจากประกันของพ่อซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ รสพ.จำนวน 3 แสนบาท พาทุกคนย้ายบ้านออกจากสลัมไปเปิดร้านให้เช่าชุดนักร้อง ชุดแฟนซี ชุดราตรี ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 หลังห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า ในนามร้าน ณัชชา ทั้งที่ทุกคนไม่มีใครมีความรู้การทำกิจการนี้เลย แต่ด้วยเหตุผลเดียวจริงๆ คือย่านนั้นมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ เป็นจำนวนมากนั่นเอง

             สถานการณ์เช่นนี้ เป็นจุดเปลี่ยนทำให้สาวตั๊กต้องเร่งหาความรู้ด้านการตัดเย็บชุดต่างๆ ที่ทางร้านผลิตให้เช่า จากที่เคยซื้อผ้าแล้วไปจ้างช่างแถวประตูน้ำตัดเย็บให้ ซึ่งมีปัญหามากมาย ทั้งเสร็จไม่ทันลูกค้า เวลาไม่ตรงต่อลูกค้า ก็กลายมาเป็นหัดตัดเอง เย็บเอง วางแพทเทิร์นเอง ซึ่งมวลความรู้นี้เธอบอกว่านอกจากขอความรู้จากช่างเสื้อรุ่นพี่ๆแล้ว นิตยสารตัดเย็บเสื้อผ้าทั้งไทยและต่างประเทศจึงเป็นอีกแหล่งความรู้ที่เธอและพี่สาวนำภูมิความต่างเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับชิ้นงาน

             "เราผลิตชุดให้เช่าชุดละ 100 150 บาทต่อคืน ด้วยตัดเย็บเอง คัตติ้งสวย ลูกค้าใส่แล้วขอบเข้ารูปทรง  บวกกับเรามีบริการส่งถึงคอนโด คาเฟ่ จึงทำให้เรามีลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 3  เป็น 10 เป็น 90 ชุดต่อวัน ผลงานชุดเช่าของร้านณัชชาเราขณะนั้นฟู่ฟ่ามาก"

             ผ่านไปเกือบ 10 ปี เสมือนชะตาชีวิตของตั๊กเธอจะต้องเริ่มต้นลงสู่ถนนแห่งการต่อสู้ครั้งใหม่ จากวิกฤติเศรษฐกิจอยู่ในภาวะฟองสบู่แตก นักร้องกลายสภาพเป็นโคโยตี้ คาเฟ่ได้รับความสนใจน้อยลง สิ้นค้าชุดเช่าต่างๆจากประเทศจีนไหลเข้าตีตลาดบ้านเรา จึงทำให้ร้านของเธอต้องปลดพนักงานเกือบหมด พร้อมกับได้เปลี่ยนไปให้เช่าเพียงชุดราตรีอย่างเดียว

             เป็นอีกครั้งที่ "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ ยอมรับว่า ความเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้ ทำให้ต้องตัดสินใจก้าวออกมาสู้ชีวิตอย่างอิสระ ด้วยแนวคิดสร้างกิจการเล็กๆ ให้เช่าชุดแต่งงาน โดยความช่วยเหลือของเพื่อนช่างภาพ ณ ห้องเช่าใต้ถุนซิติวัล คอนโดมิเนียม ย่านลาดพร้าว ด้วยทุนจากทอง 1 บาทที่มีติดตัวมา แปรเป็นเงินนำมาซื้อจักรเย็บผ้ามือสอง 1 ตัว จักรโพ้งมือสอง 1 ตัว และหุ่นเก่ามือสอง 1 ตัว เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ผลงานช่วงแรก ภายใต้ชื่อร้าน Fullrich ด้วยเป้าหมายร้านจะต้องยืนให้ได้ภายใน 4 ปี

             ด้วยยึดหลักซื่อสัตย์ ขยัน อดทน ตรงต่อเวลา ชิ้นงานมีคุณภาพ บวกการใฝ่คว้าหาความรู้อัพเดทเกี่ยวกับกิจการนี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ผลงานที่ออกมาแต่ละชุดเป็นที่ประทับใจของลูกค้า ขณะที่สนนราคาเช่าไม่แพง จากปากต่อปากส่งให้ชื่อเสียงของร้าน Fullrich เริ่มเป็นที่รู้จักของเหล่าคู่รักมากขึ้น และยิ่งแพร่หลายเมื่อลูกค้านำผลงานไปเผยแพร่ตามเว็บไชต์ จนติดอันดับชิ้นงานดีของ Google และยังนำโพสต์ใน WSQ เว็บไชต์เกี่ยวกับกิจกรรมงานแต่งงาน จนได้รับความสนใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

             "ร้านใต้ถุนคอนโดเริ่มไม่พอกับจำนวนลูกค้า แม่แฟนเห็นในความอดทนจึงได้ยกทาวน์เฮ้าส์ให้ขยายเป็นร้าน มีลูกน้องมาช่วยทำงาน จาก 1 เป็น 2 เป็น 3 เป็น 10 ทั้งหมดยึดหลักทำงานเหมือนที่ตั๊กยึดมาตลอด อีกทั้งจะบอกทุกคนเสมอว่า เราจะไม่แข่งกับใคร แต่จะขอแข่งกับตัวเองเท่านั้น ซึ่งทำให้ชิ้นงานของร้านออกมาอย่างประณีต สวยงาม เมื่อทุกอย่างดูลงตัว ตั๊กจึงทำให้ทุกอย่างถูกต้องโดยการจดทะเบียนการค้า เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านอื่นนำชื่อ Fullrich ไปใช้"

             ความนิยมของคู่รักที่จะใช้บริการชุดแต่งงานเช่า เพื่อวันสำคัญของการสร้างสรรค์ชีวิตคู่ในอนาคต ที่มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปี เพราะเหตุผลสะดวก รวดเร็ว สินค้ามีคุณภาพ มีแบบให้เลือกหลากสไตล์ เหมาะสมกับราคาเช่า ส่งผลให้แบรนด์ Fullrich ณ ทำเลทาวน์เฮ้าส์ย่านลาดพร้าวสถานที่เล็กไปถนัดใจ ทั้งที่จอดรถน้อย ห้องลองชุดคับแคบ ห้องเก็บชุดไม่เพียงพอ ฯลฯ

             เหล่านี้เป็นเหตุผลให้ในปี 2556 "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ ตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อขยายกิจการร้านอีกรอบ โดยเลือกทำเลหมู่บ้านเพอร์เฟกท์ ปาร์ค ร่มเกล้า ในพื้นที่รวมประมาณ 2 ไร่เศษ ทั้งหมด 8 หลัง สร้างปรับปรุงตกแต่งเป็นอาณาจักร Fullrichbride Company,Limited ที่แบ่งเป็นโชว์รูมชุดแต่งงานหญิง ชุดสูทแต่งงานชาย รวมกว่า 5,000 ชุด, โชว์รูมเครื่องประดับสร้อย ต่างหู เข็มขัด เนกไท รองเท้า, สถานที่ลองชุดแต่งงาน, สถานที่ผลิตชุดและแก้ไข, สตูดิโอถ่ายภาพ ที่แบ่งโซนไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ภายใต้เพื่อนร่วมอุดมการณ์สานสร้างความสุขกว่า 60 ชีวิต

             "การลงทุนครั้งนี้ตั๊กว่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท นับว่าหนักพอดู แต่ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม เพราะชีวิตหนึ่งเกิดมาทั้งที พระเจ้าให้ความสามารถมาขนาดนี้ ก็ทำให้บ้าสุดๆ ไปเลย"

             "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ คำชู นับเป็นหญิงสาว ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สู้ชีวิตจากเป็นศูนย์ก้าวสู่ธุรกิจผลิตชุดวิวาห์รายใหญ่ของประเทศที่มีมูลค่านับร้อยล้านบาทในวันนี้

เปิดโอกาสอาชีพ...สู่เยาวชน

             จากที่ "ตั๊ก" ปิยาภัสร์ ค้ำชู ประสบผลสำเร็จในอาชีพผลิตชุดวิวาห์เช่า ที่มีองค์ประกอบชุดต่างๆ ครบถ้วน ซึ่งประกอบไปด้วย ชุดแต่งงานหญิง (Wedding dress), ชุดไทย (Thai traditional Dresses), ชุดหมั้น (Engagement dress), ชุดเพื่อนเจ้าสาว (Bridesmaid), ชุดสูทแต่งงานชาย (Mens Suit) และพระราชทานสูท (Thai Suit) ซึ่งล้วนมีคุณภาพได้มาตรฐานชุดแต่งงานระดับสากล สิ่งนี้ทำให้ตั๊กเธอได้รับพระราชทานปริญญาตรีกิตติมศักดิ์ จากภาควิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.คลอง 6)

             "ทุกสัปดาห์ๆ ละ 2 วันตั๊กจึงต้องเจียดเวลาไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับภาควิชาคหกรรมของสถาบันการศึกษาแห่งนี้  เนื่องจากปัจจุบันบุคลากรงานตัดเย็บที่มีฝีมือด้านนี้จริงๆ หาได้น้อยมาก และเมื่อตั๊กมีโอกาสจึงอยากถ่ายทอดภูมิรู้นี้ให้แก่น้องๆ ได้รับการพัฒนาฝีมืออย่างถูกต้อง มีประสบการณ์ เพื่อที่พวกเขาจะได้นำไปประกอบอาชีพในอนาคต"

             นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตั๊กได้เปิดอาณาจักร Fullrich ให้เป็นสถานที่ฝึกงานของน้องๆ เยาวชน จากภาคคหกรรมศาสตร์ ของ มทร.คลอง 6 ในทุกภาคการศึกษา แม้แต่เยาวชนจากสถาบันการศึกษาอื่นที่สนใจ ให้โทรไปสอบถามได้ เพราะถึงขณะนี้เธอยืนยันว่าโครงการเปิดร้านเป็นสถานที่ฝึกงานของน้องๆ ยังดำเนินต่อไป

             ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่เธอปรารถนาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอาชีพตัดเย็บที่ปัจจุบันนับวันจะเสื่อมหาย หากไม่ผู้ส่งต่ออาชีพแก่รุ่นใหม่ให้ช่วยสร้างสรรค์