ข่าว

ของจริงหรือจัดฉาก

ของจริงหรือจัดฉาก

14 ก.ค. 2552

ความสำเร็จจากการไปเยือนบุรีรัมย์ของคณะเด็กมาร์คช่วยให้โกยคะแนนนิยมส่วนบุคคลจากบรรดาสตรีทุกวัย ตั้งแต่เด็กนักเรียนแก้มแดงจนถึงกลุ่มแม่บ้าน พวกป้าๆ เคี้ยวหมากปากแดง ต่างก็ชื่นชมความหล่อสุดโต่ง สูสีกับลูกชายป๋าชัย โมเช่ นั่นเลย

 เราได้เห็นความอดทนของนักการเมือง สู้แดดร้อนจัด สู้ฝนเปียกปอน เพียงขอให้ได้พบการต้อนรับจากชาวบ้านอย่างอบอุ่น แต่วัดยากว่าเป็นของจริงหรือจัดฉากเสริม

 การฉายเดี่ยว ไม่มีรัฐมนตรีอื่นๆ จากค่ายสะตอไปร่วมด้วยนั้น คงเป็นการตัดปัญหาภาระติดพัน นั่นเป็นถิ่นของค่ายภูมิใจไทย จึงต้องให้รัฐมนตรีพรรคนั้นไปเป็นพระเอก โดยเฉพาะการแปรสภาพเมืองให้เป็น “บุรี” ของ “ซารัมย์”

 “โสภณ ซารัมย์” เสนาบดีคมนาคม เป็นพ่องาน ยืนยิ้มแป้นประกบเด็กมาร์คตลอดรายการ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแบบอีสาน ในบ้านหลังมหึมาเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ให้เห็นความมั่งคั่งจากการประกอบอาชีพธุรกิจผสมการเมือง ใจกล้าก็รวยเร็ว

 รัฐมนตรีมหาดไทย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หรือ “ปู่จิ้น” ไปเป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยสมกับตำแหน่งกระทรวงบำบัดทุกข์บำรุงสุข ส่วนเจ้าถิ่นตัวจริงนั้นไม่ปรากฏตัว เป็นเพียงนินจาสั่งงานด้านรักษาความปลอดภัยรอบนอก ป้องกันไม่ให้เสื้อแดงฝ่าด่านมาป่วน

 การไปเยือนบุรีรัมย์ทั้งวันต่างมองว่าเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย เด็กมาร์คคงอ้างว่าเจาะอีสานได้แล้ว แต่เจ้าถิ่น “เนวิน” แสดงให้เห็นบารมีว่า “เรียก” นายกฯ มาช่วยเปิดงาน ประสานสัมพันธ์เพื่อรวมกันต่อสู้กับ “ทักษิณ” และมวลชนเสื้อแดง

 เอาประชาชนเป็นตัวประกัน นั่นคือ “ถ้ากลัวทักษิณกลับมา ต้องทนอยู่กับพวกเรา” ดังนั้นถ้าเห็นความย่ามใจ ลำพองในอำนาจของแกนนำรัฐบาล ก็อย่าประหลาดใจ

 การเมืองเป็นความเย้ายวนชวนให้เสพติดอำนาจ ถ้ามีผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะในซีกซึ่งกุมอำนาจรัฐบาล เพราะยังไม่มีอาชีพใดทำให้รวยเร็วกว่าการเมือง เพราะนักการเมืองมีน้อยรายสถานภาพชีวิตแย่กว่าเดิม คงมุ่งกินอุดมคติเกินขนาด

 เห็นการต้อนรับในบุรีรัมย์ เด็กมาร์คคงติดใจ ตั้งเป้าว่าจะไปเยือนอุบลฯ ถิ่นคนเสื้อแดง จากนั้นจะไปเยือนลำพูน เชียงใหม่ กล่องดวงใจของ “ทักษิณ” คงตื่นเต้นกว่าเดิม เพราะไปบุรีรัมย์ต้องใช้เจ้าหน้าที่เกือบ 4,000 คน มวลชนเสื้อแดงอีกหลายร้อย

 ถ้าไปเชียงใหม่ คงต้องใช้กำลังมากกว่านี้ เพราะคนเสื้อแดงต้องระดมพลมาจากจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือ ทั้งตอนบนและตอนล่าง สร้างภาระหน้าที่ให้ตำรวจทหารแน่ๆ แสดงให้เห็นว่าเด็กมาร์คมุ่งบริหารการเมืองมากกว่าบริหารจัดการบ้านเมือง

 หรือเห็นว่าเป็นจังหวะโอกาสเหมาะ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปิดช่องให้พวกบ้านเลขที่ 111 ได้มีโอกาสคืนชีพ ต้องรอนานกว่าเดิม คู่แข่งก็น้อยลง พวกที่อยู่ร่วมรัฐบาลพอใจกับการอยู่หลังฉาก คุมรัฐมนตรีดีกว่าเปิดหน้าให้คนร้องยี้

 แต่ก็นั่นแหละ การอยู่รอดหรืออยู่นานของรัฐบาลขึ้นอยู่กับผลงาน ถ้ามัวแต่เน้นการบริหารภาพลักษณ์ ชาวบ้านฝืนยิ้มขณะที่ไส้หิวท้องกิ่ว ความอดทนรอคงไม่นาน

 ปัญหาเรื้อรัง เช่น ไข้หวัด เศรษฐกิจ เงินฝืด ความล้มเหลวในการจัดการข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐชั่วร้ายแต่ยังได้ดีในตำแหน่ง จะทำให้ศรัทธาเสื่อมเร็วนิ ! อิอิอิ!!!