ข่าว

‘จตุพร’รับรู้จัก‘อาจารย์เพชร’สึกไปอยู่พม่า

‘จตุพร’รับรู้จัก‘อาจารย์เพชร’สึกไปอยู่พม่า

01 เม.ย. 2558

‘จตุพร’รับรู้จัก‘อาจารย์เพชร’สึกไปอยู่พม่า เผยสนิทเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา ปัดข้อกล่าวหาเป็นท่อน้ำเลี้ยงทีวีแดง ท้าตรวจสอลทีวีดิจิตอลช่อง

             1เม.ย.2558 นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. กล่าวผ่านรายการมองไกลทางสถานีพีซทีวีถึงกรณีที่พระอาจารย์เพชร เจ้าอาวาสวัดประยงค์กิตติวนาราม ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ให้ความเคารพได้ลาสิกขาบทอย่างเร่งรีบ โดยถูกตั้งข้อสงสัยอาจเกี่ยวพันกับเงินมาสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวีว่า กรณีที่สงสัยกันว่าพระอาจารย์เพชรเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้พีซทีวี ขออธิบายว่าช่องทีวีของเราเป็นช่องที่มีเรตติ้งลำดับหนึ่งของโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และยังแซงทีวีดิจิตอล ฟรีทีวีอีกหลายช่อง

             ที่บอกการดำรงอยู่ต้องใช้เงินนับ 10 ล้านบาทต่อเดือนในการบริหาร ข้อเท็จจริงการทำทีวีดาวเทียมไม่ต้องใช้งบประมาณขนาดนั้น เนื่องจากแกนนำนปช.ที่มาดำเนินรายการไม่มีค่าใช้จ่าย มีเพียงค่าเช่าดาวเทียมไม่กี่แสนบาท ปัจจุบันเช่าเพียงระบบ CU Band เท่านั้น ค่าเช่าสถานที่ ซึ่งเจ้าของห้างอิมพีเรียลลาดพร้าวที่เป็นพี่น้องร่วมรบกันมาก็ลดราคาเช่าเพียง ตารางเมตรละ 100 บาท ที่เหลือเป็นเงินเดือนพนักงานก็ไม่ได้มากเท่าใด สปอนเซอร์ที่มาโฆษณาก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าราคาสถานนีนี้ถูกกว่าช่องดาวเทียมช่องอื่นๆ ถูกกว่าช่องดิจิตอลและฟรีทีวีมาก รายได้หลักจากสปอนเซอร์ก็สามารถหล่อเลี้ยงสถานีได้ โดยงบประมาณของเราลดลงเป็น1ใน100ของโทรทัศน์ปกติ

             ท้ายที่สุดเล่นงานอะไรไม่ได้ก็ไปเล่นงานคนที่สงสัยเป็นท่อน้ำเลี้ยง เรื่องนี้ถ้าไม่อธิบายความจะถูกนำไปขยายต่อ ขนาดนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซาที่เคยให้สถานที่คนเสื้อแดงจัดงานคอนเสิร์ต ยังถูกตรวจสอบว่าสนามแข่งรถที่ก่อสร้างรุกที่ของรัฐหรือไม่ ส่วนตัวได้พูดคุยและให้กำลังใจกับนายไพวงษ์เพราะไม่ใช่ประเภทพอเพื่อนที่เกิดเรื่องแล้วจะวิ่งหนี ต่อมาก็มาที่พระอาจารย์เพชร ที่ร่วมสร้างองค์หลวงพ่อทวดองค์มหึมาซึ่งส่วนสูงเท่ากับสนามฟุตบอลที่โบนันซานั้น ก็ถูกตรวจสอบ ความที่รู้จักท่านตอนที่บวช ตอนนี้ท่านสึกแล้วผูกพันธ์เหมือนพี่น้อง

             “ผมเป็นพี่ อาจารย์เพชรเป็นน้อง มีความเอื้ออาทรกันอยู่ เมื่อท่านตัดสินใจลาสิกขาบท คนโบราณบอกฝนจะตก ฟ้าจะร้อง คนจะบวช สึก ห้ามกันไม่ได้ การตัดสินใจสึก เป็นเรื่องดุลพินิจ ได้สนทนาก่อนท่านลาสิกขาว่า ท่านเองก็บอกว่าไม่ได้ดราม่าอะไร ไม่ใช่สึกแล้วนุ่งขาว ห่มขาว แต่เมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ผมจะต้องวิ่งหนีอีก ไม่ใช่ รู้จักใคร ความเป็นพี่น้อง วันปกติคบกันอย่างไร วันไม่ปกติก็คบกันอย่างนั้น เมื่อสึกก็ไปลงหนังสือพิมพ์บอกอยู่เบื้องหลังพีซทีวี เป็นท่อน้ำเลี้ยง และคนเสื้อแดงก็เป็นเหยื่อไปสัมภาษณ์เข้า ก็เป็นเพราะคนเสื้อแดงคนนั้น ไม่ได้มารู้จัก เพราะสถานีโทรทัศน์ที่บอกดูทั้งวันไม่มีสปอนเซอร์แสดงว่าไม่ได้ดูทั้งวัน นอกจากนี้ เพื่อนพ้องน้องพี่จำนวนมาก ก็ช่วยกัน ปัจจุบันก็มีสปอนเซอร์ปกติ เมื่อคนดูขนาดนี้ไม่มีปัญญาเอาตัวเองให้รอด ก็กระไรอยู่ ” นายจตุพร กล่าว

              นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตัวเองเจอเรื่องไม่คาดฝัน เจ้าของโบนันซาให้จัดงานคอนเสิร์ตก็ถูกตรวจสอบ พระที่สร้างหลวงพ่อทวด ที่ผูกพันธ์เหมือนพี่น้องคลานตามกันมา แม้ไม่ได้เป็นสายเลือด ก็ถูกตรวจสอบ ถ้าจะสงสัยไปสงสัยทีวีไม่มีเรตติ้งแล้วอยู่ได้อย่างไรดีกว่า ผมไม่ใช่พวกนักการเมืองเขี้ยวลากดิน ชุมนุมทีระดมเงินได้ 1,400 ล้านบาท ไม่มีใครสงสัยอะไรเลย มาสงสัยเดือนไม่กี่บาท 1,400 ล้านบาท เป็นเงินมโหราฬ ถ้าเป็นนายจตุพรแถลงได้เงิน 1,400 ล้านบาท คงชักกันเป็นทิวแถว คงจะไล่บี้กันหมด แต่นี่บอกใช้เงิน 1,400 ล้านบาท ไม่มีใครติดใจ แต่พออาจารย์เพชรลาสิกขา บอกนี่คือ ท่อน้ำเลี้ยง เอาไหม ตรวจกันทุกช่องไหม ดิจิตอลบางช่องว่าอยู่กันได้อย่างไร ค่าใช้จ่ายร้อยละ 90 ขาดทุน แต่เราเข้าใจกัน เมื่อตัดสินใจมาแล้วต้องยืนหยัด ล้มไม่ได้ แบบนิวส์วัน ก็มีทั้งรับบริจาค ทำสินค้าขาย เพื่อไม่ให้จอดำ พวกผมก็คิด แต่ไม่ได้พูด ประเภทแบมือขอเงินทำไม่เป็น พอเป็นข่าวก็เลี้ยวกันใหญ่ เป็นชะตากรรมจริงๆ

              "การตัดสินใจในวันที่หลวงพ่อทวดเกือบเสร็จแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ใช่เฉพาะเพราะอาจารย์เพชรเท่านั้น พระอาจารย์บางท่านในภาคเหนือ อยู่ในถ้ำ ที่มีคนศรัทธามาก ทำพิธีให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้เพียงวันเดียว ปัจจุบันก็ลาสิกขาจากความเป็นพระไปเป็นฤาษี ข้ามไปอยู่ประเทศพม่า นี่คือชะตากรรม" นายจตุพร กล่าว