ข่าว

ร้อนอบอ้าว!อพยพช้างหาที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ

ร้อนอบอ้าว!อพยพช้างหาที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ

30 มี.ค. 2558

ตรังร้อนอบอ้าว! อพยพช้างไปอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ หวั่นช้างล้มป่วย-หงุดหงิด ขณะที่จ.พิจิตร ชาวนาหยุดทำนา หันมาปลูกอ้อยสร้างรายได้งามช่วงหน้าแล้ง

 
             30 มี.ค.58 กลุ่มคนเลี้ยงช้างใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นำช้างพังจินดาและพังมาลี อายุ 35 ปี และ 40 ปี ลงเล่นน้ำในคลองท่าประดู่ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด หลังจากสถานการณ์ภัยแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปีและสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ช้างแสดงอาการหงุดหงิด เครียดและกินอาหารได้น้อยลง ทำให้ควาญช้างต้องอพยพช้างไปอยู่ในที่สามารถหาแหล่งน้ำที่สะอาด เพื่อให้ช้างได้ดื่มกินและเล่นน้ำ ป้องกันช้างเป็นล้ม ล้มป่วย หงุดหงิดและตกมันได้ง่าย โดยใช้เวลาแต่ละวันนานกว่า 1 ชั่วโมง 
 
             ทันทีที่ช้างพังจินดาและพังมาลีได้ลงเล่นน้ำ จะพบว่ามีความสดชื่นร่าเริงและขี้เล่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพังจินดาทำท่าพลิกตัวไปมาอยู่ในคลองโผล่ให้เห็นแต่ดวงตาและหัวอยู่หลายรอบ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างมาก โดยหลังแช่น้ำอยู่นานนับชั่วโมง พังจินดาและพังมาลีสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีอารมณ์ดี แต่ไม่ค่อยยอมขึ้นจากน้ำเท่าไหร่นัก ซึ่งคลองท่าประดู่แห่งนี้ ระดับน้ำยังลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีเพียงพอสำหรับคนและช้างในช่วงหน้าแล้งปีนี้ และเป็นแหล่งน้ำอีกแห่งหนึ่งที่คนเลี้ยงช้างใน อ.ห้วยยอด อ.รัษฎา และ อ.วังวิเศษ จะพาช้างมาอาบน้ำ เพราะทางเดินขึ้นลงสะดวกและแหล่งน้ำยังใสสะอาด ทำให้ช้างลงอาบน้ำและดื่มกินได้โดยไม่เสี่ยงกับโรคท้องร่วง
 
             นายสุชาติ บัวเกิด ประธานกลุ่มคนเลี้ยงช้าง จ.ตรัง กล่าวว่า ตนได้เตือนเจ้าของช้างที่ยังมีช้างอยู่ใน จ.ตรัง อย่างต่อเนื่อง ให้พยายามหาแหล่งน้ำให้กับช้าง ซึ่งตอนนี้ยังมีอยู่ใน จ.ตรัง กว่า 10 เชือก โดยที่ทั้งหมดขณะนี้งดรับงานชักลากไม้ เพราะสภาพอากาศร้อนเกินไป เกรงช้างจะเป็นลมล้มป่วย 
 
             ส่วนที่เหลือไปทำการท่องเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อหนีปัญหาภัยแล้ง ซึ่งหากช้างร้อนจะเกิดอาการหงุดหงิด ท้องผูกเนื่องจากความร้อนและอาหารช้างแห้ง ซึ่งหน้าร้อนเกือบ 3 เดือนที่ผ่านพบช้างเป็นลมล้มตายใน จ.ตรัง แล้วจำนวน 4 เชือก และอีก 1 เชือก คือ พังสมบูรณ์ อายุ 60 ปี ที่เกิดอาการเป็นลม ทีมสัตว์แพทย์ต้องเข้าให้ความช่วยเหลือด้วยการฉีดยาบำรุง ให้น้ำเกลือ วิตามัน แม้จะไม่ล้มลง แต่ขณะนี้ยังมีอาการน่าเป็นห่วง
 
 
แล้งหนัก! ชาวนาพิจิตรหยุดทำนาหันมาปลูกอ้อยสร้างรายได้งาม
 
 
             เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 11 ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร หันมาปลูกอ้อยเพื่อสร้างรายได้แทนการทำนาหลังพื้นที่ประสบภัยแล้งจนไม่สามารถทำนาได้เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งจนหมดน้ำฝนที่ตกลงมาจากพายุฤดูร้อนไม่เพียงพอในการทำนาเกษตรกรจึงหันมาปลูกอ้อยเพื่อสร้างรายได้แทนการทำนาซึ่งก็สามารถสร้างรายได้งาม 16,500 บาท ต่อไร่ ลงทุนต่ำ ดูแลง่าย ลงทุนครั้งเดียวตัดได้ 8 ครั้ง และที่สำคัญใช้น้ำน้อยในการเลี้ยงต้นอ้อย
 
             เกษตรกรรายหนึ่ง กล่าวว่า ปีนี้ประสบความแห้งแล้งอย่างหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำไม่เพียงพอในการทำนา จึงหันมาปลูกอ้อยเพื่อสร้างรายได้ โดยอาศัยน้ำฝนที่ตกลงมาจากพายุฤดูร้อนเป็นน้ำต้นทุนในการปลูกอ้อย ซึ่งก็สามารถที่จะสร้างรายได้งามแม้ว่าอ้อยจะมีอายุการปลูก 10-12 เดือนถึงจะสามารถเก็บผลผลิตได้แต่ก็สร้างรายได้ดีเนื่องจากลงทุนปลูก 1 ครั้งจะสามารถตัดได้ถึง 8 ครั้งตัดผลผลิตได้ครั้งล่ะ 15 ตัน ต่อไร่ จำหน่ายตันล่ะ 1,100 บาท สร้างรายได้เฉลี่ยไร่ล่ะ 16,500 บาท ซึ่งเป็นรายได้งาม ที่สำคัญดูแลง่ายกว่าการทำนา และใช้น้ำน้อยกว่ามาก
 
 
 
--------------------------------------
 
 
(ภาพประกอบข่าว)