ข่าว

สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (3)

สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (3)

29 มี.ค. 2558

สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (3) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม

� � � � � � � � � � � � �ความพยายามในการนำคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอีก 3 เครื่อง ออกจากคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปย่านลาดพร้าว ทั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาชีพขับรถแท็กซี่และไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ กลายเป็นข้อสงสัยสำคัญที่ทำให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีฆ่าล้างครัว ครอบครัว “ปทุมวาสนา” เมื่อปี 2552 ปักใจเชื่อว่าคดีที่เกิดขึ้นไม่ใช่คดีฆ่าชิงทรัพย์ครอบครัวเศรษฐีร้านเฟอร์นิเจอร์ธรรมดา แต่คนร้ายน่าจะมีเจตนาแอบแฝง ความผิดปกติดังกล่าว นำมาสู่การแสวงหาหลักฐานเชื่อมโยงนำไปสู่ปมสังหารครอบครัว “ปทุมวาสนา” ที่แท้จริง
� � � � � � � � � � � � �กระดาษจดบันทึกขนาดไม่ใหญ่หนักมีข้อความเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเมื่อนำไปผ่านกระบวนการตรวจสอบลายมือของตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานแล้วยืนยันว่าเป็นลายมือของนายธนยศ ปทุมวาสนา หัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ศพ มีข้อความระบุในทำนองว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ นายพงษ์พันธุ์ ศุภรัศมี ซึ่งเป็นลูกหนี้ของครอบครัวผู้ตาย โทรศัพท์มาบอกให้ระวังตัว
� � � � � � � � � � � � �กระดาษจดบันทึกชิ้นนี้จึงกลายเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงไปได้ว่า คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นน่าจะมีชนวนเหตุมาจากการเจตนาฆ่าเพื่อล้างหนี้ แต่คนร้ายที่ลงมือจัดฉากให้เป็นการฆ่าชิงทรัพย์เพื่ออำพรางคดี
� � � � � � � � � � � � �หลักฐานชิ้นสำคัญที่ตำรวจพบภายในบ้านหลังเกิดเหตุอีกชิ้นคืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา หรือ “แฟลชไดรฟ์” ของนางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง ภรรยาของนายธนยศ ซึ่งเสียชีวิตด้วย�
� � � � � � � � � � � � �ใน “แฟลชไดรฟ์” มีการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการทำธุรกิจอยู่จำนวนหนึ่ง รวมทั้งข้อความที่ระบายความในใจซึ่งเป็นความหนักใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ซึ่งนางกนกกาญจน์ ทำร่วมกับนายธนกร สมบูรณ์ชัย�
� � � � � � � � � � � � �ที่สำคัญคือมูลหนี้ค้างชำระที่นายธนากร เป็นหนี้นางกนกกาญจน์ หลายสิบล้านบาท รวมถึงการหลอกลวงให้นางกนกกาญจน์ลงทุนเปิดบริษัท ที เอส เฮิร์บ จำกัด จนต้องสูญเงินอีกกว่า 10 ล้านบาท ข้อมูลที่พบตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นปมนำไปสู่การสังหาร ซึ่งหลังจากพบเบาะแสดังกล่าวแล้วได้มีการขยายผล กระทั่งทราบว่า เมื่อประมาณปี 2547 นางกนกกาญจน์ไปรู้จักกับนายธนกร ซึ่งนำโฉนดที่ดิน ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จำนวน 10 ไร่ มาจำนองขายฝากไว้กับนางกนกกาญจน์ มูลค่า 8.5 ล้านบาท และในปีเดียวกันนายธนกรยังได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกับนางกนกกาญจน์ อีก 2 ล้านบาท รวมยอดเงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนกว่า 14 ล้านบาท
� � � � � � � � � � � � �ปี 2551 นางกนกกาญจน์มีความสนใจธุรกิจผลิตแชมพู สบู่ น้ำหอมสกัดจากสมุนไพร นายธนกรจึงชักชวนให้ร่วมเปิดบริษัท ที เอส เฮิร์บ จำกัด ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และได้ชักนำนายพงษ์พันธุ์ ศุภรัศมี มาเป็นผู้จัดการบริษัทที่ตั้งขึ้น โดยนายธนากร อ้างว่า นายพงษ์พันธุ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสบู่และแชมพูสมุนไพร ซึ่งนางกนกกาญจน์เห็นด้วย และจ่ายค่าจ้างให้นายพงษ์พันธุ์เป็นเงินเดือน เดือนละ 4 หมื่นบาท และโบนัส 2 ล้านบาทต่อปี
� � � � � � � � � � � � �หลังบริษัทดำเนินกิจการไม่นาน นางกนกกาญจน์รู้ตัวว่าถูกหลอก จึงประกาศปิดกิจการ นำไปสู่ความไม่พอใจของนายธนากร และเกิดกรณีนายพงษ์พันธุ์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน เรียกร้องค่าชดเชย เงินเดือน และเงินโบนัสกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่ได้เพิ่มน้ำหนักถึงสาเหตุที่นำไปสู่การสังหารมากขึ้น
� � � � � � � � � � � � �ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหา 4 คน คือ นายวันชัย อ้นปันส์ หรือแดง นายปริทรรศ นุ่มน้อย หรือยี นายธรายุทธ แสนสุข หรือเจี๊ยบ และนายอำนาจ ภราดรพิทักษ์ หรือโอ๋ ทราบว่า ผู้ที่รับงานสังหารครอบครัว “ปทุมวาสนา” ครั้งนี้คือนายวันชัย รับบทบาทหลักในการรับงานมาจากผู้จ้างวานและจัดหาทีมสังหาร�
� � � � � � � � � � � � �ตำรวจได้แกะรอยการเชื่อมต่อของนายวันชัยกับบุคคลอื่น ในห้วงระหว่างเกิดเหตุพบว่ามีการติดต่อกับนายพงษ์พันธุ์หลายครั้ง จึงได้ตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนราษฎรแล้วนำภาพถ่ายมาให้กลุ่มผู้ต้องหาดู เพื่อสอบถามความเชื่อมโยง
� � � � � � � � � � � � �ซึ่งได้รับคำตอบจากนายอำนาจ หนึ่งในทีมสังหารว่า ในวันเกิดเหตุนายพงษ์พันธุ์ ทำหน้าที่ขับรถไปรับส่งยังบ้านเกิดเหตุ
� � � � � � � � � � � � �“ระหว่างอยู่บนรถนายพงษ์พันธุ์สั่งห้ามยุ่งกับเด็กเพราะเป็นลูกหลานกัน โดยกำชับให้เอาเฉพาะแผ่นพับและโฉนดที่ดิน” นายอำนาจ ให้ข้อมูลต่อตำรวจชุดคลี่คลายคดี
� � � � � � � � � � � � �หลังพยานหลักฐานมีความแน่ชัดว่าคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปย่านลาดพร้าว ไม่ใช่การฆ่าชิงทรัพย์เศรษฐีธรรมดา แต่เป็นการใช้จ้างวานเพื่อล้างหนี้ โดยผู้ต้องหาให้การซัดทอดถึงผู้บงการ นำมาสู่การออกหมายจับนายธนากร ซึ่งอยู่ในฐานะลูกหนี้และอดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจของครอบครัวผู้ตาย และนายพงษ์พันธุ์ ในฐานะอดีตลูกจ้างและคู่ความหลังจากมีเรื่องฟ้องร้องกันที่ศาลแรงงาน�
� � � � � � � � � � � � �หลังศาลอนุมัติหมายจับตำรวจได้ติดตามจับกุมนายธนากร และนายพงษ์พันธุ์ได้ที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2552 หรือหลังเกิดเหตุประมาณ 3 เดือน แต่ในการจับกุมนั้นทั้ง 2 คน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาฐานความผิดร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดต่างให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้
� � � � � � � � � � � � �คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีและมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้วบางส่วน แต่คดียังไม่สิ้นสุดอยู่ในขั้นตอนอุทธรณ์
----------------------
(สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (3) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
หมายเหตุ : สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (1)
สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (2)