
คุก5ปี6เดือนพี่น้องสุวะดีหมิ่นเบื้องสูง
20 มี.ค. 2558
ศาลพระโขนงพิพากษาจำคุก11ปี"ณัฐพล-ณรงค์-สิทธิศักดิ์พี่น้องตระกูลสุวะดี" หมิ่นเบื้องสูง-ข่มขู่กักขัง-ลักทรัพย์ผู้อื่นปี57รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเหลือคุก5ปี6เดือน
วันที่ 20 มี.ค.58 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ณัฐพล หรือนายณัฐพล สุวะดี อายุ 30 ปี , นายณรงค์ สุวะดี อายุ 42 ปี , นายสิทธิศักดิ์ สุวะดี อายุ 25 ปี จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท , หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ , ร่วมกันมีอาวุธปืน และพาอาวุธปืนไปในเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , 310 , 371 และความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฯ พ.ศ.2490 ซึ่งชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 มี.ค.57 เวลา 07.30 น. จำเลยพร้อมกับพวกได้พากันมาดักรอ นายวิทยา ปัญญาทวีกูล ผู้เสียหาย ที่หน้าบ้านพักซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จากนั้นใช้อาวุธปืนขู่บังคับ นายวิทยาไปที่บ้านหลังหนึ่งย่านพุทธมณฑลสาย 3 แขวงและเขตทวีวัฒนา เพื่อพบกับนายณัฐพล จำเลยที่ 1 ซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นพระญาติในสถาบันเบื้องสูง แล้วบังคับให้นายวิทยา ติดต่อบุคคลที่รู้จักให้ไปเจรจาเรื่องหนี้สินที่ค้างอยู่กับพลเรือนรายหนึ่ง เมื่อนายวิทยาได้พยายามติดต่อบุคคลผู้ใกล้ชิดให้ไปพบพวกผู้ต้องหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใกล้วัดศรีเอี่ยม ถ.บางนาตราด แต่บุคคลนั้นไม่ยอมออกมาพบผู้ต้องหาจึงควบคุมตัวนายวิทยาไว้ กระทั่งวันที่ 21 มี.ค.57 เวลา 01.05 น.ได้พานายวิทยาออกจากบ้านแล้วปล่อยตัวไป แต่ระหว่างนั้น พวกผู้ต้องหา ก็ได้ลักเอาบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ รวมทั้งเงินสดประมาณ 2,000 บาท ที่เป็นทรัพย์สินของนายวิทยา ไปด้วย ภายหลังนายวิทยา จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง กระทั่งได้ขอศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับ โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กก.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พระโขนง กับพวก ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ประกอบคำรับสารภาพจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-3 กับพวก ได้ร่วมกันมีและพาอาวุธที่ไม่มีหมายเลขทะเบียน ไปในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. และได้ใช้อาวุธปืนบังคับนายวิทยา ผู้เสียหายให้นั่งรถไปกับพวกจำเลย โดยพาไปควบคุมไว้ที่บ้านที่ตั้งอยู่ในแขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. แล้วบังคับให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ติดต่อกับ น.ส.วิมลรัตน์ ไขว้วงศ์ เพื่อให้มาพบกับจำเลยที่ 1-3 กับพวก แล้วได้แอบอ้างถึงเบื้องสูง อันเป็นการดูหมิ่นองค์รัชทายาทเพื่อให้ผู้เสียหาย และ น.ส.วิมลรัตน์ มอบเงินให้พวกจำเลย
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษทุกความผิด จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 5 ปี ฐานร่วมกันดูหมิ่นองค์รัชทายาท ฯ , จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ , จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และ จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ รวมจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 11 ปี แต่จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 5 ปี 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลได้เบิกตัว นายณัฐพล, นายณรงค์ และนายสิทธิศักดิ์ พี่น้องตระกูลสุวะดี มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ ซึ่งระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งสามไม่ได้รับการประกันตัว โดยเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวจำเลยทั้งสามไปคุมขังยังเรือนจำต่อไป
ขณะที่คดีนี้อัยการ ยังได้ยื่นฟ้อง นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ , นายชากานต์ ภาคภูมิ , นายวิทยา เทศขุนทศ และนายชลัช โพธิราช ร่วมเป็นจำเลยที่ 4 - 7 กับสามพี่น้องตระกูลสุวะดีด้วย แต่เนื่องจากนายสุทธิศักดิ์ กับพวกให้การปฏิเสธ ศาลจึงให้อัยการโจทก์ แยกฟ้องนายสุทธิศักดิ์กับพวกรวม 4 คน เป็นคดีใหม่ ซึ่งศาลจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป