
ว่าด้วยเรื่องเจตนารมณ์
13 มี.ค. 2558
มอนิเตอร์ร่างรัฐธรรมนูญ : ว่าด้วยเรื่องเจตนารมณ์ : โดย...สำนักข่าวเนชั่น
นับได้ว่า “คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ทำงานทะลุเป้า!! เพราะได้เขียนบทบัญญัติเป็นรายมาตราเสร็จก่อนตารางทำงานที่กำหนดไว้เดิม คือ ปลายเดือนมีนาคม
และขณะนี้ “ทีมยกร่างรัฐธรรมนูญ” อยู่ระหว่างการนำร่าง 315 มาตรา มาทบทวน ปรับถ้อยคำ และเติมประเด็นที่ตกหล่น รวมถึงพิจารณาบันทึกเจตนารมณ์ ที่เหมือนเป็นเข็มทิศ นำการใช้รัฐธรรมนูญไปให้ถูกทาง
โดย “ฝ่ายเลขานุการกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ” วางเป้าหมายให้การทบทวนบทบัญญัติ การเขียนเจตนารมณ์เสร็จก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ เพื่อจะได้มีเวลาจัดทำรูปเล่ม-เตรียมส่งให้ “สภาปฏิรูปแห่งชาติ” พิจารณาให้ข้อเสนอแนะช่วง 20-26 เมษายนนี้
สำหรับการทำบันทึกเจตนารมณ์แต่ละมาตรา ในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป เบื้องต้น ผู้จัดทำบันทึกเจตนารมณ์ ได้จัดทำคำบันทึกฯ ไว้รอการพิจารณาของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว โดยส่วนหนึ่งนำเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาพิจารณาหากเป็นมาตราที่ดึงมาจากของเดิม โดยไม่มีการปรับแก้ไข แต่หากมีการปรับแก้ไข หรือเป็นการเขียนขึ้นใหม่ จะนำคำอภิปรายของเหล่า 36 อรหันต์ ช่วงพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรามาเรียบเรียงและสรุปความ
สาระสำคัญของการเขียนบันทึกเจตนารมณ์ คือ เพื่ออธิบาย ขยายความเข้าใจ รวมถึง นำทางการบังคับใช้รัฐธรรมนูญมาตรานั้นๆ ให้ถูกต้องตามเจตนาของผู้ยกร่างฯ
เช่น มาตรา 27 ว่าด้วยหน้าที่พลเมือง ซึ่ง (3) ที่สรุปความได้ว่า การเลือกตั้งถือเป็นสิทธิ์ทางการเมือง และแปลความไว้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะไปหรือไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ได้ และไม่เห็นเหตุให้สิทธิพลเมืองเสียไป พร้อมแนบคำอธิบายด้วยว่า การกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นสิทธิ แทนหน้าที่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา เพราะไม่ต้องให้มีเงื่อนไขที่นักการเมืองนำไปใช้เป็นข้ออ้างในการขนคนไปลงคะแนน, มาตรา 55 ว่าด้วยสิทธิ เจตนารมณ์ทางการเมืองของพลเมืองที่ต้องเป็นไปตามวิถีทางการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งใจความสำคัญแห่งบทบัญญัติ คือ เพื่อไม่ให้พลเมืองกลายเป็นหุ่นเชิดทางการเมือง หรือเป็นนอมินีของพรรคการเมืองใดๆ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังถือเป็นการแปลความหมายที่ชัดเจน ซึ่งตัวบทของรัฐธรรมนูญไม่สามารถระบุทุกตัวอักษรไว้ได้ เพื่อกัน “พวกศรีธนญชัย” ตีโจทย์-ขยายความหมายตามอำเภอใจ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า บางประเด็นเขียนเป็นกรอบเพื่อล้อมปราบคนโกง แต่ผู้บริสุทธิ์ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ถูกกระทบไปด้วย
หรือ มาตรา 102 ว่าด้วยการกำหนดให้ผู้ที่มีหน้าที่เสนอหรือพิจารณาร่างกฎหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนด ต้องทำหน้าที่ตามระยะเวลาที่กำหนด แต่หากผู้มีหน้าที่เสนอหรือมีหน้าที่พิจารณาไม่ดำเนินการให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องรัฐให้รับผิดและชดใช้ค่าเสียหายได้ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ประชุมได้เขียนนิยามความหมายของ “ผู้มีหน้าที่เสนอ หรือผู้มหน้าที่พิจารณา” คือ ครม., ส.ส. และ ส.ว. แต่ไม่รวมถึงกรรมการกฤษฎีกา หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อกันการฟ้องแบบเหมาเข่ง หรือนักการเมืองโยนความผิดให้ข้าราชการ นอกจากนั้นได้ละเว้นการเอาผิด ครม. ส.ส. หรือ ส.ว. ผู้ที่ผลักดันและเสนอให้พิจารณาร่างกฎหมายนั้นอย่างจริงจัง
ถึงตอนนี้ การทบทวนและบันทึกเจตนารมณ์ได้ทำมาถึง มาตรา 117 แล้ว แต่ยังมีประเด็นไฮไลต์ให้ต้องติดตามแบบตาไม่กะพริบอีกเยอะ..!!
------------------------
(มอนิเตอร์ร่างรัฐธรรมนูญ : ว่าด้วยเรื่องเจตนารมณ์ : โดย...สำนักข่าวเนชั่น)