ข่าว

แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 2)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 2) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม

 
                         เบาะแสจากหลานชายผู้ใหญ่บ้าน ใน อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งระบุว่า “ศักดิ์ ปากรอ” หรือนายเรืองศักดิ์ ทองกุล และเพื่อนอีกคนนำพระเครื่องรุ่นเดียวกับที่หายไปจากบ้านพักของ นายประภาส บุญทวี หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งถูกคนร้ายฆ่าแขวนคอไว้กับราวบันไดบ้าน พร้อมกับบุตรชายและภรรยา รวม 5 ศพ เมื่อบ่ายวันที่ 26 เมษายน 2540 มามอบให้แก่ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ หลังจากเกิดคดีฆาตกรรมได้ไม่นาน ตำรวจชุดสืบสวนจากกองปราบปรามที่ได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมตำรวจให้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว จึงเชื่อว่า “ศักดิ์ ปากรอ” น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการตายของครอบครัว “บุญทวี” ในครั้งนี้
 
                         แต่ขณะที่ตำรวจเดินทางไปถึง อ.ธารโต จ.ยะลา ได้สวนกันกับ “ศักดิ์ ปากรอ” และเพื่อนอีกคน โดยหลานชายผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลว่า ศักดิ์และเพื่อน น่าจะเดินทางไปพักอยู่กับน้าสาวในตัวเมือง จ.สงขลา
 
                         “มันออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เห็นว่าจะไปหาน้าอีกคนที่อยู่เมืองกาญจน์” น้าสาวของศักดิ์ ปากรอ ให้ข้อมูลต่อ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รองผกก.2 บก.ป. (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนแกะรอยติดตามหามือฆ่า 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี ในเวลานั้น
 
                         การเดินทางจาก จ.สงขลา ถึง จ.กาญจนบุรี ทางรถยนต์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน พ.ต.ท.วีระศักดิ์ จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผบก.ป. (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) รับไม้ออกติดตามหาตัว “ศักดิ์ ปากรอ” ต่อ
 
                         ตำรวจได้เข้าปิดล้อมบ้านพักของน้า “ศักดิ์ ปากรอ” ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2540 แต่ “ศักดิ์ ปากรอ” ไม่อยู่ที่บ้าน ตำรวจชุดนี้กระจายกำลังออกติดตามไปในละแวกใกล้เคียง พบ “ศักดิ์ ปากรอ” กำลังหาซื้อหนังสือพิมพ์ติดตามข่าวการแกะรอยหาตัวมือฆ่าครอบครัวบุญทวีอยู่ที่ตลาดไม่ห่างจากบ้านพักซึ่งถูกตำรวจบุกปิดล้อมก่อนหน้านั้นไม่มากนัก จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ที่แผงหนังสือพิมพ์แห่งนั้น รวมใช้เวลาแกะรอยคนร้ายตั้งแต่วันเกิดเหตุ 25 วันเต็ม
 
                         ตำรวจเก็บลายพิมพ์นิ้วมือของศักดิ์ ปากรอไปตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเทียบกับลายนิ้วมือแฝงที่เก็บได้ในสถานที่เกิดเหตุ แต่เนื่องด้วยขณะนั้นเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามากนักการตรวจสอบจึงต้องใช้ระยะเวลา
 
                         ระหว่างรอผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจชุดคลี่คลายคดี นำโดย พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ได้เบิกตัว “ศักดิ์ ปากรอ” มาสอบปากคำ แต่เขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตายของหัวหน้าสถานีอนามัยบ้านระวะและครอบครัว
 
                         พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ถึงกับต้องปรับเปลี่ยนวิธี หันมาใช้หลักจิตวิทยา ยกยอปอปั้นมือฆ่าว่า “ใจถึง ใจกล้า” ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิด เมื่อ “ศักดิ์ ปากรอ” ยอมเปิดปากด้วยสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ
 
                         “ผมนี่แหละเป็นคนทำร่วมกับน้อง ม.5 ชื่อจ้อง วางแผนก่อเหตุมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่สำเร็จเพราะน้องที่ไปด้วยอีกคนใจไม่ถึง” ศักดิ์ ปากรอ เปิดปาก โดยอ้างด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ได้ร่วมกับจ้อง หรือนายสงกรานต์ แก้วอุบล ซึ่งรู้จักระหว่างพักอาศัยอยู่ในหอพักใกล้โรงเรียน ชักชวนให้ไปด้วยโดยไม่บอกว่าจะพาไปไหน    
 
                         ศักดิ์ ปากรอ ยอมรับว่า เวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 25 เมษายน 2540 ได้เข้าไปในบ้านพักของนายประภาส เพื่อหวังชิงทรัพย์ เพราะทราบข่าวว่าผู้ตายเพิ่งขายวัวชน ได้เงินมา 1 ล้านบาท ซึ่งในเวลานั้นนายประภาสยังเดินทางมาไม่ถึงบ้าน ซึ่งเข้าไปรอในบ้านได้ไม่นานบุตรชายทั้ง 3 คน ของนายประภาสเดินทางมาถึงบ้านก่อน จึงจับมัดมือมัดเท้า ต่อมาภรรยาของนายประภาสเดินทางกลับมาถึงก็จับมัดมือมัดเท้า จับโยนขึ้นไปไว้บนเตียงนอน แต่ยังไม่ลงมือฆ่าใคร
 
                         ศักดิ์และคู่หู รอจนกระทั่งหมอประภาสกลับมาถึงบ้าน จึงช่วยกันล็อกตัวจับมัดไว้อีกคน พร้อมกับเริ่มกระบวนการข่มขู่เพื่อหวังให้หมอประภาสบอกที่ซ่อนเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งก็ถูกปฏิเสธ โดยหมอประภาสบอกเพียงว่าไม่มีเงิน
 
                         “ทุบเมียหมอ เอาหัวโขกกับเตียงเหล็ก บังคับให้หมอบอกที่ซ่อนเงินจนเมียหมอตายต่อหน้าต่อตาหมอกับลูกๆ ซึ่งหมอได้แต่ตะโกนเหมือนคนบ้าบอกให้ฆ่าเขาแทน ตอนนั้นไอ้จ้องมันอยู่ชั้นล่างของบ้านด้วยท่าทางตกใจและตะโกนให้หยุดแต่ผมไม่หยุด” ศักดิ์ ให้การต่อตำรวจ
 
                         ศักดิ์ สารภาพว่า พยายามขู่ให้หมอประภาสบอกที่ซ่อนเงิน แต่ก็ไม่สำเร็จโดยหมอประภาสบอกเพียงว่าไม่มีเงินจริงๆ ศักดิ์จึงใช้เชือกผูกคอลูกชายของหมอประภาสทีละคนโดยเริ่มจากคนเล็กก่อน หลังจากผูกคอแล้วได้ถีบตัวเด็กตกจากบันไดเพื่อแขวนคอทีละคน ซึ่งระหว่างนั้นหมอประภาสได้ร้องขอให้ฆ่าเขาก่อน
 
                         “ไอ้จ้องมันกลัวมาก มันตะโกนบอกให้ผมหยุด ผมไม่หยุด ผมบอกหมอให้บอกที่ซ่อนเงินแต่มันไม่บอก ผมก็แขวนคอลูกหมอทีละคนจนหมอสลบไปเลย พอฟื้นขึ้นมาผมเลยจับมาแขวนคอเป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร คนจะตายมันก็ต้องตาย” ศักดิ์ ปากรอ สารภาพต่อตำรวจโดยไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
 
                         หลังการสอบปากคำตำรวจอีกชุดได้ติดตามจับกุมนายสงกรานต์ได้ที่ จ.สงขลา ซึ่งยอมรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ไปที่บ้านหลังเกิดเหตุกับนายศักดิ์จริง โดยไม่รู้มาก่อนว่านายศักดิ์จะไปฆ่าชิงทรัพย์ครอบครัวบุญทวี โดยในการชักชวนนั้นนายศักดิ์บอกเพียงว่า หากต้องการเงินใช้ให้ตามไปเท่านั้น
 
                         ตำรวจได้ขยายผล ทราบว่า เงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่นายศักดิ์รับสารภาพว่าต้องการเข้าไปชิงจากหมอประภาสนั้น แท้จริงแล้วหมอประภาสยังไม่ได้ขายวัวชนอย่างที่นายศักดิ์เข้าใจ จึงยังไม่มีเงินจำนวน 1 ล้านบาท อยู่ในความครอบครองแต่อย่างใด
 
                         ส่วนประวัตินายศักดิ์ พบว่า เมื่อวัย 5 ขวบ เคยถูกโจรเข้าปล้นบ้านขณะที่เขาอยู่บ้านตามลำพัง และถูกจับมัดด้วยมุ้งขังไว้ในบ้านจนเย็น กระทั่งพ่อแม่กลับจากทำนาจึงแก้มัดให้ ต่อมาเมื่ออายุ 16 ปี มีเรื่องทะเลาะกับคนข้างบ้านเรื่องวัว ที่มากินผักที่ปลูกไว้ ศักดิ์จึงใช้เชือกผูกคอวัวแล้วชักรอกวัวขึ้นไปแขวนคอบนต้นไม้จนตาย
 
                         คำรับสารภาพของนายศักดิ์ และนายสงกรานต์ กลายเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขา เมื่อนำไปรวมกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์คือลายนิ้วมือแฝงที่พบในบ้านหลังเกิดเหตุ และที่สำคัญคือพยานปากเอกที่ยืนยันชัดเจนว่า พบเห็นนายศักดิ์ และนายสงกรานต์ จับเด็กทั้ง 3 คน มัดไว้ในบ้าน ทำให้ฆาตกรรายนี้ดิ้นไม่หลุด
 
                         พยานหลักฐานต่างๆ ถูกรวบรวมสรุปลงในสำนวนและนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาตรงกันคือให้ประหารชีวิต แต่เมื่อถึงชั้นศาลฎีกา เห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงให้ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
 
                         นายศักดิ์ ถูกส่งเข้าคุมขังในเรือนจำบางขวาง ก่อนจะโอนย้ายไปคุมขังในเรือนจำจังหวัดสงขลา โดยได้ติดคุกอยู่จริงๆ เพียง 13 ปี ก่อนได้รับการปล่อยตัวมาราว 3-4 ปี หลังพ้นโทษ  ได้เปลี่ยนชื่อเป็น นายเนติราษฎร์ นพวงศ์ ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่าหลังออกจากเรือนจำได้เข้าไปอยู่ในสังกัดซุ้มมือปืนชื่อดังใน อ.สิงหนคร จ.สงขลา รับงานคุ้มกันนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ก่อนจะย้ายภูมิลำเนามาพักอาศัยที่ อ.สะเดา เพื่อติดตามนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.สะเดา รายหนึ่ง ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะนายศักดิ์กำลังจะออกจากบ้านพัก ย่านถนนร่วมไทย 2 เขตเทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา ปิดฉากชีวิตอดีตฆาตกรฆ่าล้างครัว 5 ศพ ครอบครัว “บุญทวี” ไปด้วยวัยเพียง 39 ปี
 
 
 
 
 
----------------------
 
(แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 2) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
 
แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 1)
 
 
 
 
 
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ