ข่าว

เด้ง3เสืออุดรธานี!เซ่นซ่องลาว-เสาไฟแดง

เด้ง3เสืออุดรธานี!เซ่นซ่องลาว-เสาไฟแดง

30 ม.ค. 2558

เด้ง3เสืออุดรธานี!เซ่นซ่องลาว-เสาไฟแดง รอจเรสอบหากพบเอี่ยวด้วยโทษหนักแน่

             เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 30 มกราคม2558 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.อ.พงศ์พัฒน์ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. , พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 เดินทางตรวจราชการ และมอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ จ.อุดรธานี โดยมี พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี นำหัวหน้าสถานีตำรวจในสังกัด 23 สถานี,ตำรวจสันติบาล , ท่องเที่ยว , ตรวจคนเข้าเมือง , รถไฟ และปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ธนกร จงอุสาห์ ผบ.มทบ.24 เข้าร่วมประชุมด้วย   

              ต่อมา เวลา 13.00 น.พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจซอยกิจขยันหรือซอยเสาไฟแดง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นซ่องสาวลาวกลางเมืองอุดรธานี และเมื่อคืนวันที่ 27 มกราคม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผวจ.อุดรธานี นำกำลังเจ้าหน้าปราบปรามการค้ามนุษย์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย บุกเข้าจับกุม สาวลาวได้ 33 คน มีหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 คน เข้าข่ายการค้ามนุษย์ 

              คณะได้เข้าไปตรวจสอบทั้ง 2 บ้าน โดยมี พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี และ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมือง อุดรธานี นำตรวจสอบ

              พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรวจที่เกิดเหตุเพื่อหาข้อมูล สำหรับการวางแนวทาง ที่จะให้เป็นนโยบายต่อไป จากการตรวจสอบพบว่า ลักษณะเป็นห้องเช่า หลายห้องปิดล็อคกุญแจ ส่วนหนึ่งใช้เป็นสถานที่ค้าประเวณี  มีข้อมูลว่าเจ้าของสถานที่มีส่วนรู้เห็น หรือได้รับประโยชน์ในการค้าประเวณี จึงได้กำชับให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด กับผู้ที่มีส่วนรู้เห็นในการค้าประเวณีที่นี่ แล้วหากการสอบสวนพาดพิงหรือเกี่ยวข้องถึงใคร มีใครได้รับผลประโยชน์จะดำเนินการกับทุกคนอย่างเฉียบขาด จะไม่มีการยกเว้น หรือไม่มีการทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนไป 

              เบื้องต้นจะมีคำสั่งให้ทางสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ส่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบลงพื้นที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร หากผลการตรวจสอบพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้อง พาดพิงถึงใคร ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด จะพิจารณาวางกรอบเวลาให้ ส่วนการจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ออกจากพื้นที่ก่อนหรือไม่นั้น เบื้องต้นจะให้ทาง พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เป็นผู้ดำเนินการในกรณีนี้ ส่วนที่นอกเหนือจากนั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้ง

              ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีข่าวว่ามีการจ่ายเงินให้ตำรวจ 2,700 บาท ต่อสาวลาว 1 คน เรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.อ.สมยศ ตอบว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีการสอบสวนให้ลึกลงไปอีกระดับหนึ่ง โดยเรื่องนี้ทาง ผกก.สถ.เมืองอุดรธานี รายงานว่าเพิ่งเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน และได้มอบนโยบายกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้เข้มงวดกับเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลอ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจ เนื่องจากมีผลกระทบกับประเทศชาติ เรื่องของการค้าแรงงานต่างชาติ และเรื่องการค้ามนุษย์ ที่ผิดกฎหมาย

              ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประเดิษฐ ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ดำเนินการทางวินัย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่อง โดยวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สุมิตร นันสถิตย์ รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช รอง ผกก.สส.ให้ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ภ.จว.อุดรธานี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่งวันที่ 30 มกราคม 2558
 
              ส่วนการเดินทางพบปะข้าราชการตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มอบนโยบาย วิสัยทัศน์ และข้อสั่งการ ด้วยการร่วมมือร่วมใจ มอบความรัก ความศรัทธา ให้กับประชาชน แต่ทั้งหมดจะไม่ได้ผล หากปราศจากความร่วมมือ ของพี่น้องข้าราชการตำรวจ อะไรที่เป็นนโยบายพึ่งนำไปปฏิบัติ ถูกเขียนไว้เพียงในกระดาษ ไม่นำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ก็ไม่มีประโยชน์อะไร รวมถึงนโยบายของรัฐบาลและ คสช. อะไรที่ต้องการให้ตำรวจทำเร่งด่วน เราก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด  

              เรื่องแรกสหรัฐอเมริกาจัดให้ประเทศไทยอยู่ในระดับเพีย 3 รัฐบาลกำลังเร่งรัดจัดทำข้อมูลรายละเอียด ให้สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงจัดอันดับ ในพื้นฐานสำคัญเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เกี่ยวกับเรื่องการใช้แรงงานเด็ก การค้าประเวณี โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็ก ก็ตั้งใจว่าจะมาพูดเรื่องนี้ก่อนแล้ว แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ ไม่คาดคิดเมื่อ 2 วันก่อน มีการจับกุมการค้าประเวณี มีเด็กอยู่ด้วย เรื่องนี้สื่อให้ความสำคัญ  จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นความบกพร่อง ความผิดพลาด ก็อยากจะเตือนเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจว่า ในยามนี้ทางรัฐบาล คสช.หรือแม้แต่สังคม สื่อมวลชน ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

              ”ผมอยากจะบอกเราเตือนกันในฐานะพี่น้องว่า อะไรที่ไม่ควร ไม่บังควรจะให้มี ก็อย่าให้มี ผมบอกให้พวกเราได้ว่า ทุกเรื่องมีการตรวจสอบ ให้ข้อมูล ผมจะได้รับข้อมูลตรงๆ แล้วอะไรที่ผมบอกให้แก้ไข แล้วถ้าไม่ได้รับการแก้ไข มันก็จะสร้างปัญหาให้กับท่าน มีหน่วยงานทางความมั่นคง หรือหน่วยงานอื่นๆทุกภาคส่วน ต่างตรวจสอบกันไปมา ไม่ใช่ว่าหน่วยงานความมั่นคง เป็นทหารมาคอยจับผิดคอยตรวจสอบเรา อันนั้นเป็นหน้าที่ ซึ่งต้องปฎิบัติตามนโยบายของรัฐบาล”

              เรื่องสุดท้ายกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการปฏิรูป สนง.ตำรวจแห่งชาติ เราทุกคนได้เตรียมความพร้อมแล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงใดที่จะทำให้ องค์กรดีขึ้นหรือพัฒนา ทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ความปลอดภัย และนำมาของประโยชน์สูงสุดของประชาชน ก็พร้อมน้อมรับการปฏิรูป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงก็ขอให้ตำรวจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ตำรวจทั่วประเทศที่เป็นผู้ปฏิบัติ ก็เสนอความคิดเห็นมาได้ โดยเร็วๆนี้จะมีเวทีสัมมนาที่ รร.นายร้อยตำรวจ

              "หลายคนบอกว่าตำรวจหวงอำนาจ อยากเก็บอำนาจไว้ มันไม่เป็นความจริง เราอยากจะถ่ายโอนให้กระทรวง ทบวง กรม แบบยกให้ไปเลยทั้งอำนาจ หน้าที่ ไม่ใช่เอาอำนาจบางส่วนไป ก็รู้สึกอึดอัดใจจึงจะขอเอาวิกฤติ มาเป็นโอกาสชี้แจงประชาชน สิ่งที่เขาให้เราไม่สามารถเทียบกับ หน่วยงานอื่นที่ทำงานคล้ายกับตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ใช่พันธุ์พิเศษทำไม่ได้หรอก แต่เพราะพวกเราทำได้  จะปฏิรูปตำรวจได้ ต้องให้ตำรวจหลุดจากอำนาจ การครอบงำ การแทรกแซงของนักการเมือง หัวโต๊ะของ กตร.ต้องเป็นตำรวจ ถ้าคุณไมปฏิรูปตรงนี้ไม่ต้องมาพูดกัน ถือว่าคุณไม่มีความจริงใจในการปฏิรูป ขณะที่ตำรวจต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเป็นตำรวจโบราณไม่ได้ ต้องทำงานในหน้าที่ให้ ปชช.พึงพอใจ ยอมรับ ศรัทธา เพราะที่เป็นอย่างนี้ เพราะ ปชช.ไม่ยอมรับ ไม่ศรัทธา ตราบใด ประชาชนไม่เชื่อใจก็แสวงหาความร่วมมือไม่ได้ ถ้าตำรวจเราไม่เปลี่ยนแปลง รังแต่จะรอให้เขามาเปลี่ยนแปลง " พล.ต.อ.สมยศ กล่าว