ข่าว

เปิดปมฆาตกรข่มขืนต่อเนื่องพฤติการณ์ป่วยจิตสุดอันตราย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดปมฆาตกรข่มขืนต่อเนื่อง พฤติการณ์ป่วยจิตสุดอันตราย : พรรณทิพา จิตราวุฒิพรรายงาน

                คดีคนร้ายเป็นชายวัยกลางคน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างบึกบึน ก่อเหตุบุกใช้กำลังข่มขืนหญิงสูงอายุ ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วรวม 10 คน โดยคดีแรกเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2553 มีหญิงวัย 70 ปี ตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.บ้านแพ้ว จ.นครปฐม คดีที่ 2 เวลา 02.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 หญิงวัย 71 ปี ตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

                ห่างกันเกือบ 2 ปี คือวันที่ 8 มกราคม 2555 เวลา 01.00 น. เกิดคดีคนร้ายข่มขืนหญิงสูงวัยเป็นคดีที่ 3 โดยคราวนี้เป็นหญิงวัย 61 ปี ตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คดีที่ 4 วันที่ 8 ตุลาคม 2555 เวลา 03.00 น. หญิงวัย 70 ปี ตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คดีที่ 5 เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2555 คนร้ายแอบเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ก่อเหตุข่มขืนหญิงวัย 59 ปี คดีที่ 6 วันที่ 16 ธันวาคม 2555 เวลา 03.40 น. หญิงวัย 47 ปี ตกเป็นเหยื่อในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คดีที่ 7 วันที่ 23 มีนาคม 2556 เวลา 23.00 น.หญิงวัย 75 ปี ตกเป็นเหยื่อ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม คดีที่ 8 วันที่ 11 มิถุนายน 2556 เวลา 00.30 น. ข่มขืนแล้วฆ่าหญิงชราวัย 78 ปี เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม คดีที่ 9 วันที่ 25 ธันวาคม 2557 เวลา 01.30 น. ข่มขืนสาววัย 39 ปี ที่อยู่กับแม่วัย 70 ปี ในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และคดีที่ 10 วันที่ 25 มกราคม 2558 เวลา 03.00 น. ข่มขืนหญิงวัย 70 ปี ในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

                พฤติการณ์ก่อเหตุของคนร้ายมีลักษณะใกล้เคียงกัน คืออาศัยช่วงเวลากลางดึกหรือใกล้รุ่งสางลงมือข่มขืนเหยื่อ และมักจะเลือกลงมือในห้วงเวลา วันหยุด คือเสาร์ อาทิตย์ หรือต่อเนื่องวันจันทร์ ในการลงมือ ห้วงเวลาและพื้นที่ที่ก่อเหตุใกล้เคียงกัน และที่สำคัญผลการสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ คือ ดีเอ็นเอที่สกัดได้จากอสุจิ หรือคราบอสุจิ ที่เก็บได้จากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุสอดคล้องกัน ตำรวจจึงเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนหญิงสูงวัยทั้ง 10 คดี น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน 

                "จากการวิเคราะห์ที่เกิดเหตุคนร้ายจะเลือกเหยื่อที่สูงอายุ ขาวอวบ อยู่คนเดียวในบ้านพักและบ้านพักนั้นต้องห่างไกลจากชุมชน หรือเป็นบ้านหลังโดดๆ ส่วนเวลาก็จะลงมือก่อเหตุหลัง 23.00 น. เป็นต้นไป โดยคนร้าย จะเลือกก่อเหตุในช่วงวันหยุด หรือหยุดยาวติดกัน สังเกตจากการที่เลือกลงมือก่อเหตุข่มขืนก่อนหน้านี้ ซึ่งรูปร่างลักษณะของคนร้ายรายนี้จะสูงใหญ่ไม่ต่ำกว่า 175 เซนติเมตร สวมหมวกไหมพรม ใส่เสื้อสีทึบๆ ลักษณะคล้ายคนจับสัตว์น้ำกลางคืน เพราะเกือบทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุจะพกไฟฉายไปด้วย เพราะคนร้ายจะมีการตัดไฟฟ้าก่อนปีนเข้าไปในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายได้เพราะมืดและตกใจ" พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 กล่าว

                ข้อสันนิษฐานของตำรวจดังกล่าวได้รับการยืนยันจากผลการตรวจดีเอ็นเอซึ่งตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บได้จากที่เกิดเหตุทั้ง 10 คดี ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำคัญ แม้จะอยู่ระหว่างตรวจทาน แต่ผลการตรวจสอบเบื้องต้นค่อนข้างแน่ชัดว่าดีเอ็นเอที่ได้จากจุดเกิดเหตุทั้ง 10 คดี เป็นของบุคคลคนเดียวกัน

                "จากหลักฐานที่เราเก็บได้จากที่เกิดเหตุทั้ง 10 คดีมีความเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่พฤติกรรมการก่อเหตุ คือการเข้าไปงัดแงะหน้าต่างบ้านของผู้เสียหาย คนร้ายไม่ได้ใส่รองเท้า และกระทำเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนี้หากได้ตัวผู้ต้องสงสัยและทำการตรวจสอบดีเอ็นเอตรงกันก็แสดงว่าเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุทั้ง 10 คดีอย่างแน่นอน" พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก รรท.ผบช.สพฐ.ตร. เปิดเผย

                ตำรวจได้นำวัตถุพยานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุทั้ง 10 คดี มาตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อนำผลมาเทียบเคียงกัน คดีแรกเก็บได้จากคราบอสุจิของคนร้ายที่ติดอยู่บนผ้าถุงของผู้เสียหาย คดีที่ 2 เก็บได้จากรอยเลือดที่เปื้อนผ้าม่าน คดีที่ 3 เก็บได้จากคราบอสุจิที่เปื้อนกางเกงซับในของผู้เสียหาย คดีที่ 4 เก็บได้จากคราบเลือดของคนร้ายที่เปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอน ซึ่งรอยเลือดนี้เกิดจากก่อนลงมือคนร้ายใช้กำปั้นชกกระจกหน้าต่างเข้าหาผู้เสียหาย คดีที่ 5 เก็บได้จากคราบเลือดบนเสื้อผ้าของผู้เสียหาย คดีที่ 6 เก็บได้จากอสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหายและน้ำลายจากขวดเหล้าขาวที่คนร้ายดื่มทิ้งไว้นอกบ้าน คดีที่ 7 เก็บได้จากคราบอสุจิบนที่นอน คดีที่ 8 เก็บได้จากอสุจิในช่องคลอดของเหยื่อ และรายที่ 9 เก็บได้จากคราบอสุจิบนที่นอน ส่วนรายที่ 10 เป็นคราบอสุจิที่เปื้อนบนผ้าถุงของเหยื่อ

                นอกจากดีเอ็นเอที่เก็บได้จากวัตถุพยานแล้ว พฤติการณ์เลือกสถานที่ก่อเหตุของคนร้ายมีลักษณะใกล้เคียงกันคือ เป็นลักษณะบ้านสวน มีเส้นทางเข้าออกเชื่อมโยงกันหลายเส้นทาง ซึ่งนอกจากทางบกแล้วยังมีลำคลองตัดผ่าน แต่ละคลองเหล่านี้มีประตูน้ำกั้น จึงอาจเชื่อมโยงไม่ทั่วถึง ตำรวจชุดสืบสวนจึงยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เส้นทางที่คนร้ายใช้จะเป็นทางบกหรือทางน้ำ โดยมีการสันนิษฐานไว้กว้างๆ ในสองประเด็นคือคนร้ายอาจใช้เส้นทางทางน้ำ ใช้เรือเข้ามาจอดในละแวกที่เกิดเหตุแล้วเดินเท้าเข้าบ้านที่เกิดเหตุ หรือใช้จักรยานเป็นพาหนะ โดยน่าจะเป็นบุคคลในละแวกใกล้เคียง หรืออาจจะพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับวิถีชีวิตของผู้พักอาศัยในละแวกเกิดเหตุ

                "ในละแวกที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นบ้านสวน ประชาชนจำนวนไม่น้อยมีงานอดิเรกคือตักปลาตามลำน้ำ และเก็บดอกรักขาย ซึ่งลักษณะการแต่งกายของคนร้าย จะมีลักษณะคล้ายกับผู้คนที่มีอาชีพนี้ โดยจะสวมเสื้อยืดแขนยาวสีทึบ มีผ้าปิดหน้า หรือสวมไอ้โม่ง มีไฟส่องสว่างลักษณะกลมที่มักสวมไว้ที่ศีรษะ จึงไม่เป็นจุดสงสัยของคนในพื้นที่" แหล่งข่าวในชุดสืบสวน ให้ข้อมูล

                ข้อสังเกตของตำรวจชุดสืบสวนสอดคล้องกับความเห็นของ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. (ด้านนิติวิทยาศาสตร์) ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะทำงานที่ต้องใช้แรงงาน

                "หากดูจากเสื้อที่คนร้ายสวมใส่ตามที่ผู้เสียหายให้การตรงกันจะเป็นในลักษณะเสื้อสีทึบ ร่างกายแข็งแรงกำยัน มือสากเมื่อสัมผัสที่ตัว จึงเชื่อว่าคนร้ายต้องทำงานกรรมกรหรือรับจ้างทั่วไป ซึ่งรายล่าสุด ผู้เสียหายจำเสื้อที่คนร้ายใส่ได้ เป็นเสื้อแขนยาวสีทึบ โดยมีลายสกรีนเป็นภาษาไทยว่า ประเสริฐ อยู่ด้านบนขวา แต่ตัวอักษรล่างผู้เสียหายจำไม่ได้ แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อการติดตามตัวคนร้าย เพราะเสื้อลักษณะนี้มีจำเพาะกลุ่ม ซึ่งชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบประเด็นนี้ และอยากให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสเรื่องนี้ด้วย" พล.ต.อ. จรัมพร กล่าว

                ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายที่มีความต่อเนื่อง และมักเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสูงวัย กลายเป็นข้อสงสัยว่า คนร้ายรายนี้มีพฤติการณ์ผิดปกติทางจิตหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้น พล.ต.ท.วีรพงษ์ เชื่อว่าคนร้ายอาจมีลักษณะเข้าข่ายมีปัญหาทางจิต ซึ่งอาจชื่นชอบมีความสัมพันธ์กับหญิงสูงวัย

                สอดคล้องกับ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ที่วิเคราะห์ว่าคนร้ายรายนี้อาจมีความผิดปกติใน 3 ประการ คือ เข้าข่ายป่วยเป็นโรคกามวิตถาร คือมีความต้องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงชรา หรือยังไม่เข้าข่ายผู้ป่วยกามวิตถารแต่เลือกเหยื่อที่เป็นหญิงที่ไม่มีกำลังต่อสู้ ซึ่งหญิงสูงวัยไม่สามารถต่อสู้ได้ และอาการมีรสนิยมทางเพศที่ชื่นชอบหญิงสูงวัย โดยคนประเภทนี้มีปัญหาเรื่องบุคลิกภาพที่ต่อต้านสังคมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

                "การยืนยันว่าเขาป่วยทางจิตหรือไม่ต้องมีการพบตัวเพื่อตรวจสอบอาการ แต่จากการติดตามพฤติการณ์จากข่าวที่ปรากฏ ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเข้าข่าย เพราะเขาเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ และบางรายก็ฆาตกรรม บางรายก็ไม่ฆ่า แต่ขโมยทรัพย์สิน ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ เป็นผู้ป่วยโรคกามวิตถาร ซึ่งสามารถมีแฟนเป็นผู้สูงอายุ หรือไม่ได้เป็นผู้ป่วยกามวิตถาร แต่ชอบเลือกมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสูงอายุ เพราะเหยื่อไม่สามารถต่อสู้ได้ หรือมีรสนิยมชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้สูงอายุ" นพ.กัมปนาท กล่าว

                จิตแทพย์รายนี้ยืนยันว่า ลักษณะของคนร้ายพบน้อยมากในไทย แต่จะปะปนอยู่ในสังคมโดยไม่มีใครรู้ ซึ่งทุกคนควรระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งหญิงสาวทั่วไป อย่าเปิดโอกาสให้ตกเป็นเป้าของคนร้ายได้ โดยต้องไม่อยู่ตามลำพัง หรือต้องมีมาตรการในการดูแลตัวเองที่ดี

                มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เกิดคดีข่มขืนหญิงสูงวัยในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม และจ.นครปฐม มาตั้งแต่ปี 2553 ตำรวจได้เชิญตัวบุคคลต้องสงสัยมาตรวจดีเอ็นเอแล้วถึง 100 ราย แต่ยังไม่พบใครที่มีดีเอ็นเอตรงกันกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่คนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด

         

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ