
'สมีเกษม'ยอมสึกนุ่งผ้าขาวแทนอ้างเข้าญานไม่ได้
18 ม.ค. 2558
ผอ.สำนักพุทธชี้พระเกษมพ้นสภาพความเป็นพระแล้ว มอบหมายเจ้าคณะอำเภอสอบข้อเท็จจริง 'สมีเกษม'ยอมสึกนุ่งผ้าขาวแทน อ้างเข้าญานไม่ได้รู้ต้องปาราชิก
วันที่ 18 ม.ค.58 พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ออกมายอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับลูกศิษย์ผู้ชายนั้น ล่าสุด ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้ประสานไปยังเจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายธรรมยุต แล้ว และได้มีการมอบหมายให้ทางเจ้าคณะตำบลในพื้นที่เข้าสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ความเห็นส่วนตัวนั้น พระเกษม ได้พ้นจากการเป็นพระเรียบร้อยแล้ว
นายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงกรณีพระเกษมว่า เรื่องนี้ได้ไปประสานกับทางเจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายธรรมยุต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางคณะสงฆ์ เบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางเจ้าคณะอำเภอ ฝ่ายธรรมยุต หล่มสัก เข้าพื้นที่เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ความรู้สึกส่วนตัว การที่พระเกษม ออกมายอมรับพฤติกรรมดังกล่าว ถือว่าได้ขาดจากการเป็นพระแล้ว
ทั้งนี้ฝ่ายพระเกษมได้หยิบยกพระธรรมวินัยว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นการผิดพระวินัยรวมทั้งไม่เป็นการต้องอาบัติ และปาราชิก นั้น พระเกษมยกมาจากหนังสือพระไตรปิฏกสีน้ำเงิน เล่มที่ 1 หน้าที่ 660 บรรทัดที่ 15 อนาปติวาน หัวข้อที่ 47 ต้องปาราชิก 30 อาการ เล่ม 1 หน้า 428 บรรทัดที่ 5 หัวข้อที่ 39
ล่าสุดเวลา 01.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2558 พระเกษม ได้ทำการสึก โดยได้สละจากผ้าเหลืองไปห่มขาวแทน สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาลูกศิษย์ โดยก่อนหน้านี้เวลา 20.00 น. วันที่ 18 มกราคม อดีตพระเกษม ยังคงมีการสอนธรรม จนกระทั่งเวลา 00.20 น. อดีตพระเกษม ได้เรียกบรรดาพระลูกวัด และลูกศิษย์ว่า ไม่สามารถจะเข้าฌานได้เหมือนเก่า จึงสำนึกได้ว่าได้ปาราชิก ขาดจากการเป็นพระสงฆ์แล้ว ได้ทำการกล่าวคำขอลาสึกต่อหน้าบรรดาพระสงฆ์ภายในวัด และบรรดาลูกศิษย์ โดยอดีตพระเกษมจะยังคงนุ่งขาวห่มขาวเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่ภายในสำนักสงฆ์และยังคงจะสอนธรรมต่อไป
บรรยากาศภายในวัด ในช่วงเช้าของวันนี้ พระสงฆ์ภายในวัดยังคงออกมาฉันจังหันกันตามปกติ โดยมีอดีตพระเกษมที่นุ่งขาวห่มขาว และถือศิล 8 ยังคงออกมารับอาหารที่โรงทานเหมือนปกติ โดยบรรดาลูกศิษย์ ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่ยึดถือคำสอนในพระไตรปิฏกเท่านั้น เมื่อผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ลูกศิษย์ส่วนมากก็ยังคงให้ความนับถืออดีตพระเกษม ในฐานะอาจารย์ที่เคยสั่งสอนมา และยังคงจะทำการศึกษาพระไตรปิฏก ที่วัดนี้ต่อไป
ขณะที่อดีตพระเกษม หลังจากทำการสึกแล้วจะยังคงจะปฏิบัติธรรมและศึกษาในพระไตรปิฏก ต่อไป โดยที่ผ่านมาอดีตพระเกษม เข้าใจว่าตนเองได้บรรลุจนเป็นพระอรหันต์แล้ว หลายอย่างที่ผ่านมา จึงเป็นการแสดงธรรมที่โลดโผน โดยไม่ตื่นกับสิ่งใดๆ แต่เมื่อเวลา 00.05 นาที ของคืนนี้ อดีตพระเกษม กลับ ไม่สามารถที่จะเข้าถึงฌานได้ เหมือนเช่นเคย จึงได้เรียกประชุมสงฆ์ และบรรดาลูกศิษย์ มาประชุม จนนำมาซึ่งการลาสึกดังกล่าว
บรรยากาศภายในวัด ในช่วงเช้าของวันนี้ พระสงฆ์ภายในวัดยังคงออกมาฉันจังหันกันตามปกติ โดยมีอดีตพระเกษมที่นุ่งขาวห่มขาว และถือศิล 8 ยังคงออกมารับอาหารที่โรงทานเหมือนปกติ โดยบรรดาลูกศิษย์ ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่ยึดถือคำสอนในพระไตรปิฏกเท่านั้น เมื่อผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ลูกศิษย์ส่วนมากก็ยังคงให้ความนับถืออดีตพระเกษม ในฐานะอาจารย์ที่เคยสั่งสอนมา และยังคงจะทำการศึกษาพระไตรปิฏก ที่วัดนี้ต่อไป
ขณะที่อดีตพระเกษม หลังจากทำการสึกแล้วจะยังคงจะปฏิบัติธรรมและศึกษาในพระไตรปิฏก ต่อไป โดยที่ผ่านมาอดีตพระเกษม เข้าใจว่าตนเองได้บรรลุจนเป็นพระอรหันต์แล้ว หลายอย่างที่ผ่านมา จึงเป็นการแสดงธรรมที่โลดโผน โดยไม่ตื่นกับสิ่งใดๆ แต่เมื่อเวลา 00.05 นาที ของคืนนี้ อดีตพระเกษม กลับ ไม่สามารถที่จะเข้าถึงฌานได้ เหมือนเช่นเคย จึงได้เรียกประชุมสงฆ์ และบรรดาลูกศิษย์ มาประชุม จนนำมาซึ่งการลาสึกดังกล่าว
ผอ.สำนักพุทธระบุพระลูกวัดดูแลสำนักสงฆ์ต่อ
นายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผู้อำนวนการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก ได้แต่งตั้งให้พระลูกวัดมาเป็นผู้ดูแลแล้ว โดยมีคณะกรรมการสำนักสงฆ์เข้ามาช่วย ส่วนนายเกษมยังคงอาศัยอยู่วัดตามเดิม ในฐานะฆราวาสเท่านั้น เพราะถือว่าขาดจากความเป็นพระ ไม่สามารถปฏิบัติตัวตามแบบพระสงฆ์ได้อีก นอกจากนี้ไม่สามารถกลับเข้ามาบวชใหม่ได้ตลอดชีวิต แม้จะบวชเข้ามาอีกก็ถือว่าไม่ใช่พระภิกษุที่ถูกต้องตามธรรมวินัย เพราะเป็นผู้ที่อาบัติปาราชิก
“ส่วนที่นายเกษมจะปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์และจะสอนธรรมต่อไปนั้น ต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายธรรมยุต ว่าจะมีการปฏิบัติตัวเลียนแบบพระสงฆ์หรือไม่ ส่วนการอยู่วัดนั้นตามสิทธิ์ถือว่าอยู่ได้ เพราะการนุ่งขาวห่มขาวอยู่วัดไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิด ส่วนความผิดทางบ้านเมืองตามกฎหมายนั้น ก็ยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความดำเนินคดี ถึงไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน ทำได้ในการและได้มีการมอบหมายให้ทางเจ้าคณะตำบลในพื้นที่เข้าสอบสวนข้อเท็จจริง จากการพูดคุยกับชาวบ้าน เคยให้ความเคารพนายเกษมขณะเป็นพระ พบว่ามีบางส่วนที่ไม่พอใจพฤติกรรมที่ทำขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่พระผู้อยู่ในศีลไม่สมควรกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย” นายธัญเทพ กล่าว
วอนเจ้าคณะป้องกันอดีตพระเกษมกลับมาบวชใหม่
นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพรบูรณ์ ได้รายงานมาแล้วว่า อดีตพระเกษม ได้ทำการลาสิกขา หรือ สึก แล้ว เมื่อกลางดึกวันที่ 17ม.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตนได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วว่า กรณีของอดีตพระเกษมที่เกิดขึ้นตามข่าวนั้น หากกล่าวตามพระธรรมวินัย ถือว่าต้องอาบัติปาราชิก ไม่สามารถกลับไปบวชใหม่ได้ จึงได้ทำหนังสือแจ้งยังเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต ให้พิจารณาเรื่องนี้ แล้วระบุเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตพระเกษมกลับไปหาช่องทางบวชใหม่
นายสมชาย สุรชาตรี โฆษก พศ. กล่าวถึงกรณีที่อดีตพระเกษม ตัดสินใจลาสิกขาแล้วเมื่อช่วงกลางดึก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 และยังคงปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักสงฆ์ ว่า สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎ ด้วยอดีตพระเกษมพ้นจากสภาพความเป็นบรรพชิต เพียงแต่ต้องอยู่ในฐานะฆราวาสที่ปฏิบัติธรรม คอยอุปัฏฐากรับใช้พระสงฆ์ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่มีอำนาจเหนือกว่าพระสงฆ์หรือคนอื่นดังแต่ก่อน ส่วนจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ การเสพเมถุนตามกฎหมาย ถ้าไม่ได้เป็นการล่วงละเมิดบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือทำการข่มขืนกระทำชำเรา หากเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ก็ถือว่าไม่มีความผิด แต่ในทางพระธรรมวินัยถือเป็นอาบัติหนักถึงขั้นปาราชิก พระรูปนั้นต้องขาดจากความเป็นสงฆ์
“ต่อจากนี้ ก็คงต้องให้สังคมจับตานายเกษมหรืออดีตพระเกษม เพราะถึงแม้จะลาสึกออกไปแล้ว แต่ยังคงอ้างว่าตนไม่มีความผิดถึงขั้นปาราชิก อาจจะแอบกลับมาบวชใหม่อีก ตรงนี้คงต้องร้องขอให้คณะสงฆ์รับรู้ถึงพฤติกรรมของอดีตพระเกษมว่าต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว ไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระภิกษุได้อีก รวมทั้งห้ามพระสังฆาธิการทั่วไปประกอบพิธีบวชให้กับอดีตพระเกษมอีกต่อไป สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสำนักพุทธฯ จ.เพชรบูรณ์ คงจะต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทาง ผอ.สำนักพุทธฯ ได้รับทราบต่อไป” โฆษกสำนักพุทธฯ กล่าว
นายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผู้อำนวนการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก ได้แต่งตั้งให้พระลูกวัดมาเป็นผู้ดูแลแล้ว โดยมีคณะกรรมการสำนักสงฆ์เข้ามาช่วย ส่วนนายเกษมยังคงอาศัยอยู่วัดตามเดิม ในฐานะฆราวาสเท่านั้น เพราะถือว่าขาดจากความเป็นพระ ไม่สามารถปฏิบัติตัวตามแบบพระสงฆ์ได้อีก นอกจากนี้ไม่สามารถกลับเข้ามาบวชใหม่ได้ตลอดชีวิต แม้จะบวชเข้ามาอีกก็ถือว่าไม่ใช่พระภิกษุที่ถูกต้องตามธรรมวินัย เพราะเป็นผู้ที่อาบัติปาราชิก
“ส่วนที่นายเกษมจะปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์และจะสอนธรรมต่อไปนั้น ต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายธรรมยุต ว่าจะมีการปฏิบัติตัวเลียนแบบพระสงฆ์หรือไม่ ส่วนการอยู่วัดนั้นตามสิทธิ์ถือว่าอยู่ได้ เพราะการนุ่งขาวห่มขาวอยู่วัดไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิด ส่วนความผิดทางบ้านเมืองตามกฎหมายนั้น ก็ยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความดำเนินคดี ถึงไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน ทำได้ในการและได้มีการมอบหมายให้ทางเจ้าคณะตำบลในพื้นที่เข้าสอบสวนข้อเท็จจริง จากการพูดคุยกับชาวบ้าน เคยให้ความเคารพนายเกษมขณะเป็นพระ พบว่ามีบางส่วนที่ไม่พอใจพฤติกรรมที่ทำขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่พระผู้อยู่ในศีลไม่สมควรกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย” นายธัญเทพ กล่าว
วอนเจ้าคณะป้องกันอดีตพระเกษมกลับมาบวชใหม่
นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพรบูรณ์ ได้รายงานมาแล้วว่า อดีตพระเกษม ได้ทำการลาสิกขา หรือ สึก แล้ว เมื่อกลางดึกวันที่ 17ม.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตนได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วว่า กรณีของอดีตพระเกษมที่เกิดขึ้นตามข่าวนั้น หากกล่าวตามพระธรรมวินัย ถือว่าต้องอาบัติปาราชิก ไม่สามารถกลับไปบวชใหม่ได้ จึงได้ทำหนังสือแจ้งยังเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต ให้พิจารณาเรื่องนี้ แล้วระบุเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตพระเกษมกลับไปหาช่องทางบวชใหม่
นายสมชาย สุรชาตรี โฆษก พศ. กล่าวถึงกรณีที่อดีตพระเกษม ตัดสินใจลาสิกขาแล้วเมื่อช่วงกลางดึก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 และยังคงปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักสงฆ์ ว่า สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎ ด้วยอดีตพระเกษมพ้นจากสภาพความเป็นบรรพชิต เพียงแต่ต้องอยู่ในฐานะฆราวาสที่ปฏิบัติธรรม คอยอุปัฏฐากรับใช้พระสงฆ์ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่มีอำนาจเหนือกว่าพระสงฆ์หรือคนอื่นดังแต่ก่อน ส่วนจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ การเสพเมถุนตามกฎหมาย ถ้าไม่ได้เป็นการล่วงละเมิดบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือทำการข่มขืนกระทำชำเรา หากเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ก็ถือว่าไม่มีความผิด แต่ในทางพระธรรมวินัยถือเป็นอาบัติหนักถึงขั้นปาราชิก พระรูปนั้นต้องขาดจากความเป็นสงฆ์
“ต่อจากนี้ ก็คงต้องให้สังคมจับตานายเกษมหรืออดีตพระเกษม เพราะถึงแม้จะลาสึกออกไปแล้ว แต่ยังคงอ้างว่าตนไม่มีความผิดถึงขั้นปาราชิก อาจจะแอบกลับมาบวชใหม่อีก ตรงนี้คงต้องร้องขอให้คณะสงฆ์รับรู้ถึงพฤติกรรมของอดีตพระเกษมว่าต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว ไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระภิกษุได้อีก รวมทั้งห้ามพระสังฆาธิการทั่วไปประกอบพิธีบวชให้กับอดีตพระเกษมอีกต่อไป สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสำนักพุทธฯ จ.เพชรบูรณ์ คงจะต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทาง ผอ.สำนักพุทธฯ ได้รับทราบต่อไป” โฆษกสำนักพุทธฯ กล่าว