
โ-ก-ง
โ-ก-ง : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์กับ ประภัสสร เสวิกุล
ระยะนี้ข่าวคนโกงและกลโกงปรากฏขึ้นหลายเรื่อง และแต่ละเรื่องก็จะมีการโกง การทุจริตคอร์รัปชั่น และการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน รวมทั้งการโกงในรูปแบบต่างๆ จำนวนเงินเป็นพันล้าน หมื่นล้านบาทอย่างหน้าเฉยตาเฉย บางกรณีมีการทำกันมาเป็นระยะเวลานาน และบางกรณีก็มีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือได้รับประโยชน์ร่วมด้วยเป็นขบวน ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดถึงปล่อยปละละเลยให้โกงกันได้ถึงขนาดนั้น โดยขาดการตรวจสอบหรือการดูแลที่รัดกุม ทั้งๆ ที่ ในแต่ละหน่วยงานก็มี หรือทำท่าเหมือนจะมี การวางระบบการป้องกันและการตรวจสอบได้ในระดับหนึ่ง แล้วยังมีองค์กรของรัฐที่ทำหน้าที่ควบคุมอยู่อีกชั้น แต่การทุจริตคดโกงก็ยังเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและโทษทัณฑ์ ที่สำคัญก็คือทุกวันนี้ คนเราเอาจิตสำนึกเรื่องความซื่อสัตย์และความละอายต่อการประพฤติชั่วไปซุกไว้ที่ไหน หนำซ้ำคนขี้โกงเหล่านี้ยังมีหน้ามาเชิดหน้าชูคอในสังคมโดยไม่ละอายใจตัวเอง
ถ้าจะพิจารณาว่าใครเป็นผู้กระทำหรือตัวการให้เกิดการโกงอย่างมโหฬารหรือโกงกินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จากข่าวคราวต่างๆ ที่ปรากฏ ก็จะเห็นว่า นักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้าบางคน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ โดยชาวบ้าน ชาวเมืองหรือชาวไร่ชาวนาเป็นฝ่ายถูกโกงหรือถูกเอารัดเปรียบตลอดกาล - การโกงกินของนักการเมืองบางคนนั้น อาจจะกล่าวได้ว่ามีมาพร้อมกับการกำเนิดของนักการเมืองเมืองไทย เริ่มด้วยการกินจอบ กินเสียม ที่เขาให้นำไปแจกเกษตรกร ต่อมาก็ขยับไปโกงกินอย่างอื่นที่เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น เช่นโกงงบประมาณก่อสร้างถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ โกงเงินช่วยเหลือราษฎร ฯลฯ โดยอาศัยข้าราชการที่ไม่ดีเป็นมือเป็นไม้ จนการโกงแพร่ระบาดลงไปถึงข้าราชการแทบทุกระดับ ซึ่งเริ่มมีความรู้สึกว่า การโกงเป็นเรื่องปกติ หรือเรื่องธรรมชาติ ที่ใครๆ ก็ทำกัน หนักเข้าข้าราชการเหล่านี้ก็สามารถลงมือโกงด้วยตนเอง ทั้งที่ในอดีตข้าราชการจะถือว่าเรื่องโกง เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ใครที่ถูกตราหน้าว่าไอ้ขี้โกงแทบจะไม่มีพื้นที่ให้อยู่ในสังคมอีกต่อไป แม้กระทั่งคนในครอบครัวเองก็แทบจะต้องเอาปี๊บคลุมหัว ผิดกับทุกวันนี้ที่ใส่ใจแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย โดยไม่สนใจที่มาของเงินทองเหล่านั้น ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าคนคนนั้นโกงสะบัดช่ออย่างไร หรือเป็นลูกเป็นหลานของคนที่โกงบ้านโกงแผ่นดิน ก็ตาม
พ่อค้านั้นเป็นธรรมดาที่ย่อมต้องแสวงหาช่องทางในการลงทุนหรือค้าขาย และช่องทางที่สะดวกที่สุดก็คือการใช้เงินซื้อหรืออวยผลประโยชน์ต่างตอบแทนแก่นักการเมือง และข้าราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ เงินตอบแทนหรือเงินสินบนเหล่านี้ ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นแสดงว่าผลตอบแทนจากช่องทางเหล่านั้นย่อมจะต้องโตขึ้นมากเช่นเดียวกัน ยิ่งนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้าพวกนั้นอ้วนขึ้นเท่าไหร่ ประเทศชาติและประชาชนตาดำๆ ในชาติก็ยิ่งผอมลงเท่านั้น ซ้ำยังต้องมาแบกรับภาระหนี้สินของประเทศที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นไปชั่วลูกชั่วหลาน
ในสมัยก่อนนั้น นอกจากบทลงโทษทางกฎหมาย มาตรการทางสังคม รวมทั้งความเชื่อทางศาสนาในเรื่องบาปบุญคุณโทษแล้ว มโนสำนึกของคนโกงก็จะย้ำเตือนตัวของตัวเอง จนหาความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่แทบไม่ได้ แต่ในทุกวันนี้ที่คนนับถือลัทธิเงินตราธิปไตย และบูชาวัตถุนิยม มาตรการต่างๆ ทางสังคม ความเชื่อ ศาสนา หรือมโนสำนึก จึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เหลือเพียงหนทางเดียวคือมาตรการทางกฎหมาย แต่ต้องเป็นมาตรการที่มีมาตรฐานเดียวกัน ตรงไปตรงมา รุนแรง เด็ดขาด จริงจังและต่อเนื่อง โดยไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหม เช่นในเกาหลีใต้ จึงจะสามารถหยุดยั้งการโกงให้ได้ผลชะงัด และคนทั่วไปบังเกิดความเกรงกลัว
เมืองไทยเรานั้น ถ้ายังไม่สามารถปราบคนโกงให้สิ้นซากได้ ประเทศไทยก็คงจะเหลือแต่ซากเท่านั้นแหละครับ