ข่าว

แกะกล่องดำพิสูจน์‘คิวแซด 8501’ใครผิด?

แกะกล่องดำพิสูจน์‘คิวแซด 8501’ใครผิด?

14 ม.ค. 2558

แกะกล่องดำพิสูจน์‘คิวแซด 8501’ใครผิด? : ทีมข่าวรายงานพิเศษ

              ทีมค้นหาใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ ในการดำน้ำเสาะหา "กล่องดำ" (Black box) ใต้พื้นทะเลชวา ในที่สุด วันที่ 12-13 มกราคม ทีมนักประดำน้ำก็สามารถเก็บกู้ขึ้นมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำถามต่อไปคือ กล่องดำจะให้ข้อมูลไขปริศนาอะไรบ้าง ?!? ...
    
              "บัมบัง โซลิสต์โย" หัวหน้าหน่วยค้นหาและกู้ภัยอินโดนีเซีย แถลงข่าวยืนยันว่า กล่องดำกล่องแรกที่พบ เป็น "กล่องเอฟดีอาร์" หรือ “เครื่องบันทึกข้อมูลการบิน” (The Flight Data Recorder-FDR) ที่บันทึกการทำงานของระบบเครื่องยนต์และระบบควบคุมเครื่องบินทุกอย่างกว่า 700 รายการ บันทึกไว้ช่วงระยะเวลาที่บินไม่ต่ำกว่า 25 ชั่วโมง เช่น ระดับสูงในช่วงเผชิญพายุ ความดันอากาศก่อนตกลงทะเล ทิศทางการบิน เชื้อเพลิงที่เหลือ ฯลฯ โดยกล่องแรกพบอยู่ระยะห่างจากจุดเครื่องบินตกไปประมาณ 4-5 กิโลเมตร ลึกราว 30 เมตร
 
              ส่วนกล่องดำที่ 2 ตกอยู่ห่างจากล่องแรกประมาณ 20 เมตร กล่องดำสีส้มอันนี้ถือว่าเป็นหัวใจในการถอดปริศนาเครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน คิวแซด 8501 ที่ร่วงลงสู่ทะเล เนื่องจากกล่องนี้ คือ "กล่องซีวีอาร์" หรือ เครื่องบันทึกเสียงห้องนักบิน” (The Cockpit Voice Recorder-CVR) จะบันทึกเสียงพูดคุยทุกอย่าง รวมทั้งเสียงเครื่องยนต์จากห้องนักบินในช่วง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเครื่องบินตก ประเด็นสำคัญคือ ช่วงก่อนเครื่องบินตกประมาณ 5 นาทีนั้น กัปตัน "อิริยัน" วัย 53 ปี พยายามติดต่อหอบังคับการบิน เพื่อขอปรับระดับเพดานการบินให้สูงขึ้นจาก 32,000 ฟุต เป็น 38,000 ฟุต เพื่อหลบกลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนอง แต่เจ้าหน้าที่หอการบินไม่อนุญาต เนื่องจากการจราจรทางอากาศคับคั่ง มีเครื่องบินอีก 7 ลำอยู่ในระดับความสูงเหนือขึ้นไป
  
              แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านสอบสวนวิเคราะห์อุบัติภัยจากเครื่องบินประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า กรณีของเที่ยวบินลำนี้นั้น บทสนทนาของกัปตันและผู้ช่วยกัปตัน "สำคัญมาก" เพราะทำให้รู้ว่านาทีนั้น มีการตัดสินใจอย่างไร สภาพอากาศที่เห็นในจอเรดาร์ขณะนั้น อาจทำให้การตัดสินใจทุกอย่างฉับพลัน หรือเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินไม่สามารถควบคุมได้
 
              "การอ่านข้อมูลในกล่องดำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องขึ้นกับว่าบริษัทผู้ผลิตกล่องดำใช้อุปกรณ์ในการอ่านเฉพาะแบบไหน นับจากวันนี้ที่พบกล่องดำ ต้องมีหลายฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมในการเก็บรักษา เช่น บริษัทประกัน ตัวแทนสายการบิน ตัวแทนผู้ผลิตเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ฯลฯ เนื่องจากข้อมูลที่ออกมาจากกล่องดำนั้น คือตัวบ่งชี้ว่าเครื่องบินตกเพราะอะไร ข้อมูลเหล่านี้ต้องผ่านการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายด้วยกัน กว่าจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันการกล่าวโทษฝ่ายอื่นอย่างไม่มีหลักฐานอ้างอิง เช่น นักบิน หอบังคับการบิน หรือชี้ว่าตัวเครื่องยนต์ขัดข้อง ฯลฯ" ผู้เชี่ยวชาญข้างต้นกล่าว
   
              ทั้งนี้ สื่อมวลชนทั่วโลกพยายามรายงานบทวิเคราะห์จากนักวิชาการด้านการบินหรือฝ่ายสืบสวนอุบัติภัยทางอากาศ โดยสรุปความน่าจะเป็นที่เครื่องบินลำนี้ตกไว้ 4  กรณีด้วยกัน ได้แก่
     
              1  ภาวะ "สตอลล์" (Stall) หรือเกิดจากเครื่องบินไม่มีแรงยกตัว เนื่องจากการบังคับให้เครื่องบินเชิดหัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เพื่อหนีกลุ่มพายุเมฆฝน ทำให้เครื่องบินด้วยความเร็วต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อไม่มีแรงยกที่เหมาะสม เครื่องจึงร่วงตกอย่างรวดเร็ว
 
              2  ภาวะ "แอโรไดนามิก สตอลล์" (Aerodynamic Stall) หรือสภาพอากาศพายุฝนฟ้าคะนอง เครื่องยนต์เกิดขัดข้องไม่สามารถรักษาการทรงตัวของเครื่องบินในอากาศได้ หรือเครื่องตรวจวัดบางอย่างของเครื่องบินได้รับความเสียหายจากพายุ ทำให้นักบินไม่รู้ตัวว่าค่าความเร็วหรือเส้นทางการบินนั้นให้ข้อมูลผิดพลาด
 
              3  ภาวะ "ซูเปอร์ โคลด์ วอเตอร์" (Super cold water) หรือ ภาวะเย็นจัดเฉียบพลัน เนื่องจากเครื่องบินผ่านพายุในระดับความสูงประมาณ 35,000 ฟุตขึ้นไปนั้น เครื่องบินจะพบกับปฏิกิริยาน้ำมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งปกติ เมื่อไอน้ำในอากาศสัมผัสกับผิวเครื่องบินที่อุณหภูมิสูงกว่า ทำให้ไอน้ำเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งจับตัวกันบนผิวเครื่องบินทันที น้ำแข็งเหล่านี้ทำให้อุปกรณ์การบินและเครื่องยนต์ใช้การไม่ได้อย่างเฉียบพลัน 
 
              4  ภาวะ "ระเบิดกลางอากาศ" (Explosion) ทีมกู้ภัยพบว่าชิ้นส่วน คิวแซด 8501 กระจายออกห่างจากกันหลายกิโลเมตร อาจเป็นไปได้ที่ความดันอากาศภายในตัวเครื่องบินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องระเบิดกลางอากาศ รวมถึงมีชาวประมงบริเวณนั้นให้ข้อมูลว่า ได้ยินเสียงระเบิดและเห็นควันไฟบนท้องฟ้าช่วงเช้าเวลาเดียวกับเที่ยวบินลำนี้หายไปจากจอเรดาร์
 
              นอกจาก 4 กรณีข้างต้นแล้ว หลายฝ่ายยังคงถกเถียงกันว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น "นักบิน" สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ หากมีการตัดสินใจที่ดีพอหรือมีประสบการณ์การบินในพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี ขณะที่นักบินบางคนมองว่าการบังคับเครื่องบินในสภาวะที่ต้องผ่านก้อนพายุเมฆฝนนั้น หากจังหวะไม่ดีหรือได้ข้อมูลช่วยเหลือที่ไม่เพียงพอจากหอบังคับการบิน โอกาสเครื่องบินตกก็มีสูงเช่นกัน
 
              ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิเคราะห์ว่านอกจากประเด็นที่เกิดจากนักบินและตัวเครื่องบินแล้ว ยังไม่ควรมองข้ามเรื่องการจารกรรมเครื่องบินเพื่อฆ่าตัวตายของนักบิน หรือการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย หรือ โจรสลัดอากาศ เพราะเครื่องบินแอร์บัสลำที่ตกนั้น ถือเป็นเครื่องบินลำใหม่มากใช้งานเพียง 6 ปี และนักบินก็เป็นผู้มีประสบการณ์สูงถึง 2 หมื่นกว่าชั่วโมง
 
              "น.ท.ปิยะ ตรีกาลนนท์" ผู้บริหารบริษัท บางกอก เอวิเอชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด ในฐานะอาจารย์สอนการบินแสดงความเห็นว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถกล่าวโทษฝ่ายไหนได้ เพราะเนื้อความต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อมวลชนเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลจากกล่องดำมายืนยัน โดยเฉพาะเรื่องเครื่องยนต์ขัดข้องหรือน้ำแข็งเกาะนั้น มีความเป็นไปได้ต่ำมากเพราะเครื่องบินลำนี้มีอุปกรณ์ป้องกันการจับตัวของน้ำแข็ง และการเกิดภาวะสตอลล์นั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเพราะส่วนใหญ่นักบินจะหลีกเลี่ยงที่การบินฝ่าเข้าไปในพายุหรือก้อนเมฆขนาดใหญ่
 
              "ต้องรอข้อมูลจากกล่องดำครับ โดยเฉพาะบทสนทนาของนักบินหลังจากหอบังคับการบินไม่อนุญาตให้ยกเพดานความสูงแล้ว นักบินตัดสินใจอะไร  รวมถึงเรื่องของความเร็วและทิศทางการบังคับเครื่องบินในขณะนั้น กล่องดำมีตัววัดระดับการทรงตัวของเครื่องบินก่อนตกให้เห็นด้วย ตอนนั้นคงเป็นข้อเท็จจริงสำคัญที่สามารถนำมาเป็นกรณีศึกษาให้นักบิน หอบังคับการบิน และผู้ผลิตเครื่องบินได้เรียนรู้" น.ท.ปิยะ กล่าวทิ้งท้าย