ข่าว

ญาติปัด'เซลฟี่'ต้นเหตุตกเขา

ญาติปัด'เซลฟี่'ต้นเหตุตกเขา

04 ม.ค. 2558

สามีเผยภรรยาพลัดตกหน้าผาวัดทักซัง ภูฏาน ไม่ได้ถ่ายเซลฟี่ แค่เดินลงเขาหลังไหว้พระเสร็จ แต่ทางแคบไม่มีรั้วกั้น ชี้เคยมีคนตกมาแล้ว เผยเป็นคนชอบแสวงบุญ

 
                           4 ม.ค. 58  ความคืบหน้ากรณี หญิงไทย อายุ 54 ปี พลัดตกหน้าผาใกล้กับวัดทักซัง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศภูฏาน เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพผู้เสียชีวิตถูกส่งกลับมายังประเทศไทยแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 3 มกราคม โดยญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว และพนักงานบริษัทที่หญิงไทยเป็นเจ้าของ
 
                           น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า พี่สาวเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศภูฏานกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน โดยใช้บริการของบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลูกทัวร์ร่วมคณะไปในทริปนี้ทั้งหมด 30 คน แต่ไม่ทราบรายละเอียดของโปรแกรมทัวร์ กรณีที่ข่าวระบุว่าสาเหตุที่พี่สาวพลัดตกลงจากหน้าผา เพราะพยายามถ่ายภาพเซลฟี่กับวิวทิวทัศน์ของวัดทักซังนั้น ทำให้ตนและญาติๆ รู้สึกเสียใจอย่างมาก และยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากพี่สาวเป็นคนธรรมะธัมโม ตั้งใจไปแสวงบุญ และไม่ใช่คนทันสมัยที่ชอบถ่ายภาพเซลฟี่เหมือนกับวัยรุ่น แต่เท่าที่ทราบตรงจุดเกิดเหตุเป็นจุดที่แคบจนไม่สามารถทำรั้วกั้นทางได้ มีเพียงธงที่ปักไว้แจ้งเตือนเท่านั้น และจุดที่เกิดเหตุเคยเกิดอุบัติเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วถึง 3 ครั้ง 
 
                           ขณะที่สามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ภรรยาไปเที่ยวประเทศภูฏานกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน โดยเดินทางตั้งแต่ช่วงตีสี่วันที่ 30 ธันวาคม และมีกำหนดเดินทางกลับถึงไทยช่วงสี่โมงเย็นวันที่ 3 มกราคม แต่ไม่ทราบว่าไปกับทัวร์ของบริษัทใด และไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อกัน แต่ภรรยาเป็นคนชอบเที่ยวและชอบทำบุญอยู่เป็นประจำ 
 
                           "ภรรยาผมไปเที่ยวภูฏานครั้งแรก วันเกิดเหตุเพื่อนภรรยาโทรมาบอกว่า ภรรยาเสียชีวิตแล้ว พลัดตกเขา ระหว่างเดินลงมากับเพื่อนสองคน ไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินลงมาจะไปร้านอาหาร ตรงจุดเกิดเหตุไม่มีราวกั้น ก็ทราบจากเพื่อนเขาแค่นี้ หลังจากนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้"
 
                           สามีผู้เสียชีวิต กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวว่าสาเหตุที่ทำให้ภรรยาตกเหวมาจากการถ่ายภาพเซลฟี่นั้น ถึงแม้ว่าภรรยาจะชอบถ่ายรูป แต่การถ่ายรูปตัวเอง หรือที่เรียกว่าเซลฟี่คงไม่น่าจะใช่ โดยเฉพาะในจุดเกิดเหตุเป็นจุดที่แคบ ประมาณ 40-50 เซนติเมตรเท่านั้น คงไม่มีใครยืนถ่ายได้ และเท่าที่ฟังเพื่อนของภรรยาทราบว่าตลอดทางจะมีรั้วกั้น ยกเว้นตรงจุดเกิดเหตุ จึงเชื่อว่าสาเหตุที่ภรรยาพลัดตกหน้าผาไม่น่าจะมาจากการถ่ายเซลฟี่ 
 
                           "เรื่องการเกิดอุบัติเหตุเพราะเซลฟี่ผมคิดว่าไม่น่าใช่แน่ๆ กระเป๋า รองเท้า และโทรศัพท์มือถือก็หาไม่พบ และอย่างที่มีการออกข่าวเมื่อวานว่ามีหญิงไทยประสบเหตุ กำลังติดต่อกงสุลอยู่นั้น จริงๆ ศพเขาเดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของภรรยานั้น ผมและครอบครัวไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนศพก็จะสวดพระอภิธรรมจนถึงวันศุกร์นี้ และมีพิธีฌาปนกิจศพในวันเสาร์ที่จะถึงนี้"