ข่าว

'ม่อนทานตะวัน' สร้างหรือทำลาย?

'ม่อนทานตะวัน' สร้างหรือทำลาย?

03 ม.ค. 2558

'ม่อนทานตะวัน' สร้างหรือทำลาย? : โดย...นพพร ทาทาน

 
                               ภาพทานตะวันคลี่กลีบดอกสีเหลืองสดรับแสงแดด ท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอกที่อ้อยอิ่ง ส่งต่อๆ กันไปในสังคมออนไลน์ ภาพแห่งความงดงามภาพแล้วภาพเล่าถูกส่งต่อกันไปอย่างไม่รู้จบ ไม่รู้เบื่อ จาก "ม่อนทานตะวัน" สถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของ ต.ป่าซาง อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในภาคเหนือ บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เนรมิตให้เป็นโซนการท่องเที่ยวต่างๆอย่างอลังการ ทุ่มงบโฆษณาด้วยเม็ดเงินมหาศาล หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศมาสัมผัสความงาม เพื่อแลกกับเม็ดเงินที่จะเข้าชุมชน คาดหวังว่าจะมากพอๆ กับที่ลงทุนไป โดยมีหัวเรือใหญ่อย่าง "วรวิทย์ บุรณศิริ" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เป็นหัวหอก 
 
                               พลิกปูมของ "ม่อนทานตะวัน" นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าซาง ซึ่งได้แยกตัวจาก ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ในปี 2527 และพื้นที่ที่ใช้ปลูกดอกทานตะวันก็คือพื้นที่ป่าสงวนห้วยดอกเข็มและป่าแม่อิงฝั่งขวาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช 2481 (แผนที่แนบท้าย "กฎกระทรวง ฉบับที่ 175) กำหนดให้ป่าห้วยดอกเข็มและป่าแม่อิงฝั่งขวา ในท้องที่ ต.ห้วยลาน ต.ดอกคำใต้ และ ต.ปิน อ.พะเยา จ.เชียงราย ภายใต้แนวเขตตามแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นป่าสงวน" ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 80 ตอนที่ 83 วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2506 ซึ่งยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน
 
                               ปฐมบทคือพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ที่ใช้ปลูกดอกทานตะวัน ก็คือพื้นที่ "สวนป่า" มีการปลูกป่ามาตั้งแต่ปี 2511-2547 รวม 32 แปลง เนื้อที่ 11,705 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ต.ห้วยลาน ต.ป่าซาง ต.ดงสุวรรณ ต.สันโค้ง ต.บ้านถ้ำ และ ต.หนองหล่ม ของป่าสงวนแห่งชาติฯ ซึ่งได้ถูกนายทุนและผู้มีอิทธิพลใน อ.ดอกคำใต้และอำเภอข้างเคียง บุกรุกเพื่อเข้าไปลักลอบตัดไม้สัก ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันชาวบ้านส่วนหนึ่งก็แผ้วถางป่าบุกรุกเพื่อขยายที่ทำกินเข้าไปในเขตป่าสงวนฯ โดยส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ยินยล ไม่รู้ไม่เห็น? 
 
                               ไฉนนายทุนและชาวบ้านต้องเลือกพื้นที่ดังกล่าว เนื่องเพราะเป็นพื้นที่มีไม้สักขนาดใหญ่จำนวนมาก จึงพยายามลักลอบมาตัด เมื่อชาวบ้านเห็นว่านายทุนบุกรุกตัดไม้สักจนไม่เหลือสภาพป่าแล้วไม่ถูกจับ จึงเข้าไปจับจองแผ้วถางพื้นที่เพิ่มตามจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันส่วนที่เกี่ยวข้องไม่สามารถไปปักป้ายประกาศให้ชัดเจนว่าตรงไหน คือ ที่ป่าสงวนฯ ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบตัดไม้ลุกลามเข้าไปในเขตป่าสงวนและขยายวงกว้างออกไปเป็นพันไร่
 
                               ล่าสุดเค้าลางความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านกว่า 400 คน จาก ต.ห้วยลาน ต.ป่าซาง ต.ดงสุวรรณ ต.สันโค้ง ต.บ้านถ้ำ และ ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ภายใต้การนำของนางกัลยา วงศ์กะชามาศ ได้รวมตัวกันขอสิทธิทำกินในพื้นที่ดังกล่าว อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าว ปู่ย่าตายายได้ทำกินและสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นไม่ใช่การบุกรุกผืนป่า หรือการบุกรุกป่าสงวนอย่างที่ถูกกล่าวหาและเดิมทีพื้นที่ทั้งหมดของม่อนทานตะวันเป็นที่พื้นที่ปลูกถั่วลิสงและข้าวโพดสลับกันมานาน บางคนปลูกมากว่า 30 ปี ไม่ได้ปลูกดอกทานตะวันอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่ง อบจ.พะเยา ได้จัดหาพันธุ์ดอกทานตะวันมาให้ปลูกและจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชาวบ้านจึงพอมีรายได้จากการขายเมล็ดดอกทานตะวันและมีรายได้เสริมจากการขายอาหาร เครื่องดื่มและของที่ระลึก ซึ่งก็พอจะทดแทนจากรายได้การขายข้าวโพดที่ราคาตกต่ำ
 
                               ในครั้งนั้นมีนายทนงศักดิ์ ธรรมโน ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าสำนักจัดการทรัพยากรกรมป่าไม้ที่ 2 เชียงราย เป็นตัวแทนของนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยหัวหน้าเจ้าหน้าที่สวนป่าดอกคำใต้ นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกอบจ.พะเยา นายสมัย คำชมภู นายอำเภอดอกคำใต้ และเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 จ.เชียงราย ได้เข้ารับฟังข้อเรียกร้องจากชาวบ้านเพื่อหาแนวทางแก้ไขและหาข้อยุติต่อไป ซึ่งจนปัจจุบันก็ยังหาข้อยุติไม่ได้
 
                               ท่ามกลางความเคลือบแคลงและสงสัยของกลุ่มนักอนุรักษ์ หรือแม้กระทั่งคนในพื้นที่เอง ว่าสามารถเปลี่ยนพื้นที่ป่าสงวนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบพลิกดินพลิกฟ้า จากพื้นที่ป่าสงวนกลับมาเป็นม่อนทานตะวันได้จริงๆ หรือ ?
 
                               นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่โดยตรง กล่าวถึงที่ไปที่มาของม่อนทานตะวันว่า การสร้างทุ่งทานตะวันที่ ต.ป่าซาง เป็นนโยบายของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องการพื้นที่ป่าสงวนคืนจากชาวบ้าน แต่เนื่องจากพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมมาหลายปี จึงได้ปลูกดอกทานตะวันเพื่อคลุมดินไว้ก่อน เมื่อดินฟื้นตัว จึงจะนำกล้าไม้ยืนต้น เช่น ไม้สัก มะค่าโมง ยางแดง ซึ่งเป็นต้นไม้ดั้งเดิมที่ขึ้นอยู่มานำมาปลูกเสริม โดยกำหนดให้เสริมไร่ละ 25 ต้น ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มพื้นที่ จากนั้นก็ค่อยๆ กันชาวบ้านออกจากพื้นที่เมื่อป่าสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งเป็นนโยบายการเอาคนออกจากป่า หรือทำให้คนอยู่กับป่าได้อย่างไม่มีความขัดแย้ง และต่างฝ่ายก็เห็นความสำคัญของกันและกัน
 
                               "หากจะใช้วิธีหักหาญจับผู้บุกรุกสวนป่าทุกคน ป่าที่ปลูกใหม่คงไม่มีใครดูแล เพราะธรรมชาติของป่าเสื่อมโทรมเมื่อฟื้นฟูใหม่ต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นปลูกเท่าไหร่ต้นไม้ก็ตายหมด นี่คือเหตุผลของกรมอุทยานฯ" นายนิพนธ์ กล่าว
 
                               ด้านพ่ออุ๊ยปุ๊ด(นามสมมุติ) อายุ 67 ปี ซึ่งบรรพบุรุษอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านป่าซางมาตลอด กล่าวว่า เดิมทีพื้นที่ม่อนทานตะวัน เป็นป่าสมบูรณ์มีต้นสักขนาดหลายคนโอบขึ้นอย่างหนาแน่น ต้นเรียวงามสูงใหญ่ มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก ต่อมามีนายทุนคนต่างพื้นที่ที่มาอาศัยอยู่ใน อ.ดอกคำใต้ แอบตัดและชักลากไม้ออกจากพื้นที่ทุกวัน ในขณะที่ชาวบ้านบางส่วนก็แอบตัดเอาไม้ไปสร้างบ้านและขายให้นายทุน เมื่อไม่มีต้นไม้ใหญ่ป่าก็โล่ง ก็ได้มีกลุ่มคนมีสีในหมู่บ้านและตำบลข้างเคียง เข้ายึดครองตามแนวตัดไม้ของกลุ่มนายทุน โดยปลูกข้าวโพดเป็นอันดับแรก ปรากฏว่าข้าวโพดออกมาฝักงาม ขายได้ราคาดีจึงเป็นเหตุจูงใจให้ชาวบ้านเป็นร้อยๆ คนเข้าบุกรุก จับจองพื้นที่เพิ่มมากเรื่อยๆ จนเหลือแต่ม่อนดอยหัวโล้น จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นม่อนทานตะวันอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
 
                               "สมัยหนุ่มๆ แต่งงานใหม่ๆ จะเข้าไปตัดไม้มาสร้างบ้านและจะไปแผ้วถางทำไร่ข้าวโพดแบบคนอื่นสัก 2-3 ไร่ แต่ก็ถูกพ่อด่าว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ดินของพระเจ้าอยู่หัว ป่าไม้ก็เป็นของพระเจ้าอยู่หัว ถ้าจะไปตัด เอ็งกับข้าตัดขาดกัน จนลุงไม่กล้าไปจับจอง และมองว่าคนที่ได้ประโยชน์จากม่อนทานตะวันปัจจุบันก็คือคนที่บุกรุกที่ดินพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งน่าจะได้รับโทษด้วยซ้ำไป ไม่ใช่ไปให้สิทธิทำกินอย่างถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นป่าของพระเจ้าอยู่หัวหมดแน่" พ่ออุ๊ยปุ๊ด กล่าว
 
                               นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายก อบจ.พะเยา กล่าวว่า แม้จะทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างชาวบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าชุมชน ป่าสงวนแห่งชาติห้วยดอกเข็มฯ กับรัฐ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่ได้รับการสืบทอดกันต่อๆ มาของชาวบ้านใน 4 ตำบลโดยรอบ ชาวบ้านถือครองอยู่กว่า 400 ราย จึงคิดว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่ม และจะทำอย่างไรที่จะทำม่อนดอยกว่า 1,000 ไร่ไม่เป็นเขาหัวโล้น จึงคิดปลูกดอกทานตะวัน
 
                               เนื่องจากเมื่อผลิดอกก็จะให้ความสวยงามเหลืองอร่ามทั้งม่อนดอย น่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเมื่อดอกแก่จัดร่วงหล่นก็จะได้เมล็ดทานตะวันไว้ขาย ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้ การจ้างงาน หรืออาชีพต่างๆ ขึ้นในชุมชน แผนต่อไป คือ การปลูกต้นชาพันธุ์ดี สลับกับการปลูกดอกทานตะวัน โดยอาจจะปลูกชาประมาณ 600 ไร่ ที่เหลืออาจจะเป็นทานตะวัน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้พื้นที่
 
                               "ผมกำลังทำโครงการเสนอเพื่อให้เป็นโครงการม่อนทานตะวันไปที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อไม่ให้มีการรุกป่าเพิ่ม และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าทาง อบจ.จะส่งเสริมการบุกรุกพื้นที่ป่า หรือสนับสนุนให้มีการออกเอกสารสิทธิทำกินให้แก่ชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ป่า ไม่ว่าพื้นที่ใดๆ ใน จ.พะเยา เราแค่ต้องการให้ชาวบ้านอยู่ดี กินดี มีที่ทำกินให้คนและป่าอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของ อบจ.ทั่วๆ ไปอยู่แล้ว" นายวรวิทย์ กล่าว 
 
                               พล.ต.ชัยวัฒน์ ธนารุณ ผู้บังคับการทหารบกพะเยา กล่าวว่า โครงการม่อนทานตะวันไม่ใช่โครงการของทางทหาร เพียงแต่ทางจังหวัดได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่ตรงนั้นเพื่อทำทุ่งทานตะวัน ซึ่งตนไม่มีอำนาจและเห็นว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตนไม่มีอำนาจ หน้าที่ใดๆ ที่จะอนุญาต จึงได้ทำหนังสือส่งต่อไปยังกองทัพภาคที่ 3 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผลจะเป็นอย่างไร ทางผู้บังคับบัญชาจะอนุญาตหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นโครงการของทหารอย่างแน่นอน 
 
                               แม้คำพูดของ นิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย จะขัดแย้งกับหลายฝ่ายเรื่องม่อนทานตะวัน เพราะม่อนดังกล่าวมีการปลูกดอกทานตะวันมาก่อนที่ คสช.จะเกิดมาอย่างน้อย 2-3 ปี แต่คสช.เพิ่งมีไม่นานนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าเป็นนโยบายของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันทหารได้ดูแลอยู่ จึงขัดแย้งและไม่เป็นเหตุเป็นผลอย่างสิ้นเชิง คงต้องปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
 
 
 
 
 
 
----------------------------
 
('ม่อนทานตะวัน' สร้างหรือทำลาย? : โดย...นพพร ทาทาน)