
จากขาวสู่ดำ 'พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์'
02 ม.ค. 2558
10 ข่าวเด่น 2557 : จากขาวสู่ดำ 'พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์' นายพลผู้สั่นสะเทือนวงการสีกากี
เป็นคดีใหญ่ที่สั่นสะท้านไปทั่ววงการสีกากี สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หรือ บิ๊กกิ๊ก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง และความผิดอาญาร้ายแรงหลายคดี
ก่อนเกิดคดีดังกล่าวไม่มีใครคาดคิดว่า นายตำรวจนักสืบระดับปรมาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากหมายกลับกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญเพียงชั่วข้ามคืน
คดีนี้เริ่มด้วยความงุนงงของคนในแวดวงตำรวจ เมื่ออยู่ดีๆ ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนได้มีคำสั่งของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนร่วมรุ่น นรต. เซ็นคำสั่งย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังคำสั่งดังกล่าวออกมา ทั้งวงการสีกากี และสื่อมวลชน ต่างวิ่งเช็กข่าวกันขาขวิดถึงที่มาที่ไปของคำสั่งฟ้าผ่าว่า มันเกิดขึ้นด้วยเหตุผลกลใด
สุดท้าย พล.ต.อ.สมยศ ได้ออกมาสยบข้อสงสัยด้วยการออกมายืนยันว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวเป็นไปโยกย้ายสลับตำแหน่งตามฤดูกาล ขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะได้ขยับขึ้นและมาทำงานที่ดีกว่า
ในที่สุดเรื่องที่ดูเหมือนอึมครึมกลับกระจ่างขึ้นชนิดไม่มีใครคาดฝัน เพราะสัปดาห์ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอนุมัติศาลออกหมายจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมนายตำรวจระดับสูงใน บช.ก. และกองบังคับการปราบปราม ได้แก่ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผก.ตม.สมุทรสาคร ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา และด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง
ผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และพัวพันกับการซื้อขายตำแหน่งตำรวจระดับสูงใน บช.ก. ตามด้วยการเรียกรับสินบนจากธุรกิจน้ำมันเถื่อน และบ่อนการพนันย่านพระราม 9 มีเพียง พ.ต.อ.โกวิท ที่โดนข้อหารุกป่าเท่านั้น
ส่วนเครือข่ายที่เป็นพลเรือน และถูกออกหมายจับ ได้แก่ ชอบ ชินนะประภา, ปิยพรรณ ชินนะประภา, สวงค์ มุ่งเที่ยง, เริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช และทรงพล ทองสิน
แนวทางการสอบสวนพบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก มีพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูง และเข้าไปพัวพันกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจสังกัด บช.ก. ตำแหน่งละ 3-5 ล้านบาท พร้อมใช้อำนาจหน้าที่ในการเข้าไปรีดส่วยบ่อนการพนันสถานบริการอาบ อบ นวด ย่านพระราม 9 กว่า 110 ล้านบาท รวมถึงเรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อนจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทางจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท
หลังการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก ให้การรับสารภาพ มีเพียง พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ลูกน้องคนสนิทของระดับมือขวาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ชิงตัดตอนตัวเอง ด้วยการกระโดดคอนโดเสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุม
ไม่ทันข้ามคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังตรวจค้นบ้านพักหลายหลังของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และกลุ่มเครือข่าย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในย่าน กทม.และปริมณฑล เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด
จากการตรวจค้นทำให้พนักงานสอบสวนถึงกับอ้าปากค้าง เนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และเครือข่ายซุกซ่อนขุมสมบัติจำนวนมหาศาล ทั้ง เงินสด ทองคำ เครื่องเพชร และโบราณวัตถุกว่า 30,000 ชิ้น มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท
ภาพหลังการตรวจค้นจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก ถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยในวันที่ถูกส่งตัวฝากขัง บิ๊กกิ๊กและพวกถูกจับใส่กุญแจมือด้วยสภาพอิดโรย ผมถูกตัดเกรียนสั้นติดหนังหัว ไม่มีเค้าหน้าของนายตำรวจผู้มากบารมีเหลืออยู่อีกต่อไป
ส่วนทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลที่ยึดได้ถูกนำไปตรวจสอบถึงประวัติความเป็นมาอย่างละเอียดโดย "กรมศิลปากร" โดยทรัพย์สินอันเป็นสิ่งน่าเคลือบแคลงนั้น มอบหมายให้ "ปปง." ขยับเข้ามาตรวจสอบเพื่ออายัด และเช็กเส้นทางการเงิน เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์คืนแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวน พนักงานสอบสวนยังพบว่า พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี หรือ รองฯเต่า รอง ผกก.6 บก.ป. มือขวาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับ แต่ พ.ต.อ.ทรรักษ์ ไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน
ไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร และสน.พระโขนง ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาขบวนการแอบอ้างสถาบันอุ้มรีดผู้เสียหายไปลดหนี้จากจำนวน 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท
ผู้ต้องหาชุดนี้มีคนในตระกูล "สุวะดี" หรือ อดีตนามสกุล "อัครพงศ์ปรีชา" ซึ่งเป็นเครือญาติของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เข้าไปเกี่ยวข้อง ได้แก่ ณัฐพล สุวะดี, ณรงค์ สุวะดี, สิทธิศักดิ์ สุวะดี, สุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์, ชากานต์ ภาคภูมิ, ไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ กรรมการบริษัทเจ้าของสัมปทาน รถเมล์สาย 8 และปรีชา ดาราไตร นักธุรกิจซื้อขายรถมือสอง
ตามด้วยการออกหมายจับ ชลัช โพธิราช, วิทยา เทศขุนทด, ณธกร ยาศรี (อดีตทหารยศ ส.อ.), ธีรพงศ์ ช่อจำปี (อดีตทหารยศ ส.อ.), ณัฐนันท์ ทานะเวช, นพพร ศุภพิพัฒน์ นักธุรกิจหมื่นล้านด้านพลังงาน น.ท.ปริญญา รักวาทิน หรือ เสธ.เจี๊ยบ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด (คนกลางติดต่อ)
ผู้ต้องทั้งหมดให้การรับสารภาพ มีเพียง "นพพร" นักธุรกิจหมื่นล้านที่หลบหนีการจับกุมอยู่ต่างประเทศ ยังยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มเคลียร์หนี้ทุกประการ
หลังการออกหมายจับขบวนการอุ้มรีดเพียงไม่กี่วัน ต่อมาสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง ถอดสกุล "อัครพงศ์ปรีชา" โดยให้ผู้ที่ใช้นามสกุลดังกล่าวกลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ "สุวะดี" ทันที
จากนั้นได้มีคำสั่งถอดยศทหารของณัฐพล ตามด้วยการออกหมายจับกุมณัฐพล และชนากานต์ เพิ่มเติมในข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อให้มีสิทธิสอบระดับปริญญาโทของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า
เหมือน "น้ำลดตอผุด" ยิ่งจับกุมผู้ต้องหามากเท่าใด "ตัวละครในเครือข่ายพงศ์พัฒน์" กลับเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อตำรวจออกหมายจับ สุดาทิพย์ สุวะดี หรือ สุดาทิพย์ ม่วงนวล ภรรยาของ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล และเป็นพี่สาวของ ณัฐพล และณรงค์ ในข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจกับกองกิจการในพระองค์ฯ เกี่ยวกับเครื่องเสวย โดยสุดาทิพย์ยังเป็นเจ้าของ "สวนผึ้งรีสอร์ท" หนึ่งในรีสอร์ทดังใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่มีปัญหารุกป่ามาตลอด เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ จากนั้น ปปง.ได้อายัด 4 บัญชีของผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งยึดเงินในบัญชี "ปณิดา สุวะดี" จำนวน 61,644,020.94 บาท
ไม่เพียงแค่คดีหมิ่นเบื้องสูง, เรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน, บ่อนพนันพระราม 9, อุ้มรีดเคลียร์หนี้, อ้างเบื้องสูงเพื่อให้มีสิทธิสอบปริญญาโท และแอบอ้างประมูลเครื่องเสวย เท่านั้น
ต่อมาตำรวจออกหมายจับ 9 นายตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามในคดีเรียกรับส่วยบ่อนพนันฟุตบอลออนไลน์คดี อาบูบาก้า ได้แก่ พ.ต.อ.เอกวัชรพล ทองล้วน พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล พ.ต.อ.สุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ เมฆประยูร พ.ต.ต.จักรพันธ์ ลีลานันทวงศ์ พ.ต.ท.พิพัฒน์ เฉวงราษฎร์ ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ กังรวมบุ และร.ต.อ.ศักรินทร์ เกษรเทียน ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้ออกหมายจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ พ.ต.อ.เอกวรพจน์ พืชผล พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี และพลเรือนอีก 1 คน คือ นายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ ไปแล้ว
ดูเหมือนจะไม่จบสิ้น เพราะต่อมา สตช.มีคำสั่งเห็นพร้อมตามมติคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยให้ไล่ออก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์ พร้อมพิจารณาถอดยศอย่างเร่งด่วน
ทั้งหมดนี้คือคดีที่เกิดขึ้นของเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และจนถึงวันนี้การสอบสวนยังคงไม่สิ้นสุด ซึ่งไม่รู้ว่า "มหากาพย์ของอดีตนายพลผู้เคยยิ่งใหญ่" จะไปจบลงตรงไหน และที่ใด...?
-----------------------
(10 ข่าวเด่น 2557 : จากขาวสู่ดำ 'พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์' นายพลผู้สั่นสะเทือนวงการสีกากี)