งามไส้....เวทีขาอ่อนเมืองไทย
งามไส้....เวทีขาอ่อนเมืองไทย
เห็นสวยๆ เรียบๆ แต่ตลอดปีที่ผ่านมา เรื่องราวในแวดวงการประกวดสาวงามในบ้านเราไม่เงียบเลยนะคะ โดยเฉพาะเรื่องราวชวนปวดหัวต่างๆ มากมาย....
งานเข้าอย่างแรงสำหรับเวทีประชันขาอ่อน "มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2014" ของโต้โผใหญ่ "แดง" สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เห็นชื่อผู้จัดแล้วทั้งสื่อทั้งแฟนประจำขาอ่อนไทย ต่างพากันสบายใจ ว่ามือระดับพระกาฬแล้ว เอาอยู่แน่ๆ แต่เมื่อพิธีกรประกาศรายชื่อให้สาวงามม้านอกสายตา (บรรดาแฟนคลับนางงาม) "น้องฝ้าย" เวฬุรีย์ ดิษยบุตร ขึ้นแท่นรับมงกุฎและรางวัลอีกกว่า 1 ล้านบาท แทนที่จะเป็นสาวร่างสูงโปร่งอิมพอร์ตจากเมืองนอก.....นี่หาใช่เฉพาะแค่เสียงคัดค้าน ทว่ายังไม่ทันข้ามคืน ก็มีการขุดคุ้ยประวัติ แฉพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกมากดดัน ยังไม่นับเรื่องรูปร่างก็โดนสับเละจนไม่เหลือชิ้นดีในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำเอาประชาชนทั่วไปมองว่าเวทีการประกวดครั้งนี้มี “เด็กเส้น” ไปแล้ว ด้วยว่า "น้องฝ้าย" นั้นเป็นดาราในสังกัดช่องน้อยสีนั่นเอง...ทำเอา "กองประกวด" อยู่ไม่ติด ต้องยกทีม "เจ้าของมงกุฎ MTUคนล่าสุด" และเพื่อนๆ รองนางงามทั้ง 4 มานั่งแถลงข่าวแก้เก้อ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะหน่วยเจาะหน่วยขุดคุ้ยประวัติก็ยังทำงานไม่หยุดหย่อน ในที่สุด "ฝ้าย" เวฬุรีย์ ตัดสินใจประกาศสละตำแหน่งทั้งน้ำตา โดยมี "น้องแอลลี่" พิมบงกช จันทร์แก้ว รองอันดับ 1 ก้าวขยับเข้ามารับบทเป็นตัวแทน (ด้วยความเต็มอกเต็มใจ) ตามกฎของกองประกวด ส่วนเหตุผลของการมือลามงกุฎคราวนี้ น้องฝ่ายให้เหตุผลไว้สวยๆ ว่า เพราะกระแสต่างๆ ทำให้พ่อแม่ของเธอเครียด และเธอคิดว่าความสุขของพ่อแม่สำคัญกว่าตำแหน่งดังกล่าว...แต่ แต๊ แต่ ก็ยังมีเสียงเม้าท์ ยังมีเสียงเล่าขานว่า การถอนตัวครั้งนี้มีค่าซับน้ำตาอยู่บ้าง ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ จึงยังคงเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างให้ชาวบ้านพูดเคยไปเรื่อยๆ
...... "ความวัวยังไม่ทันความควายเข้ามาแทรก" มหากาพย์ความฉาวของนางงามจากเวที "มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2014 " ยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อกระแสต่อต้านรองนางงามอันดับ 2 "น้องน้ำเพชร" สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ บังเกิดขึ้นอีกคำรบ หลังจากถูกมือดี (แต่ประสงค์ร้าย) ขุดภาพหวิวภาพลับและประวัติโพสต์ลงในอินสตาแกรม พร้อมตั้งคำถามว่า ผู้หญิงที่เคยมีพฤติกรรมหรือถ่ายภาพแบบไม่เหมาะสมเช่นนี้มาก่อน สมควรได้รับรางวัลจากเวทีนี้หรือไม่ สุดท้ายกองประกวดไม่อาจต้านกระแสสังคมได้ เดินเครื่องสั่งปลดออกจากตำแหน่ง แต่กรณีนี้ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะ "สาวงามเจ้าของท่าฉีกทุเรียน" เกิดแรงฮึดหรือได้แรงหนุน (จากใครบางคน) ถึงขั้นเปิดศึกประกาศดับเครื่องชนกับกองประกวด ยอมคืนตำแหน่งและสายสะพาย แต่ "มง...หนูไม่ให้" กว่าจะลงเอยกันได้ ต้องใช้เวลาเคลียร์กันนานพอดู....แต่ก็ยังมิวายมีเสียงเล็ดรอดออกมาให้บรรดาขาเม้าท์ช่วยกันเขย่าบัลลังก์ "ผู้จัดการประกวด" อีก มงกุฎสองอันที่เรียกคืนมาจากอดีตสาวงามนั้นกลับไปอยู่ที่ผู้ใด???... เพราะฝ่ายสปอนเซอร์ใหญ่ให้การว่า ไม่ได้คิดเอาคืน ให้แล้วให้เลยคร้าบผม...หุ หุ หุ
ข้ามฟากมาเวที "มิสแกรนด์ ไทยแลนด์" กันบ้าง เมื่อจู่ๆ งานก็เข้าผู้อำนวยการกองประกวดฯ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล อย่างจัง เมื่อ กัลช์ฎาภรณ์ ศิริเยี่ยม กรรมการบริษัท ออกาไนเซอร์ ไอคิว จำกัด บริษัทที่ได้รับสิทธิจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ประจำปี 2556-2560 (Miss Earth Final) พร้อมทนายความ ออกโรงยื่นฟ้อง ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 48 ล้านบาท จากการใช้สิทธิจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 โดยไม่สุจริต ทำให้โจทก์ซึ่งปัจจุบันได้รับสิทธิจัดประกวดแต่เพียงผู้เดียวได้รับความเสียหาย
.......และทันทีที่ได้รับทราบข่าว "พิธีกรหนุ่มชื่อดัง" ก็สวนกลับ ด้วยการหอบหลักฐานสัญญาการจัดการประกวด อันได้แก่ ใบรับรองให้เป็นตัวแทนการจัดประกวดในประเทศไทยจากต้นสังกัดมิสเอิร์ธ ประเทศฟิลิปินส์ พร้อมจดหมายโต้ตอบระหว่างคู่กรณีกับต้นสังกัด เรื่องการขอยกเลิกสัญญาที่ทางต้นสังกัดส่งมาให้เป็นการยืนยันว่าไม่มีการเซ็นสัญญาทับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการโชว์มงกุฎสายสะพายมิสเอิร์ธ ไทยแลนด์อย่างเป็นทางการ พร้อมภาพการประชาสัมพันธ์การประกวดที่ได้ดำเนินการร่วมกับต้นสังกัด ตามเว็บไซต์หลักและโซเชียลมีเดียต่างๆ ของมิสเอิร์ธ พร้อมกับตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันทีทันใด แถมยังตบท้ายจะฟ้องกลับ 100 ล้านบาท!!...ตอนจบผลเป็นอย่างไรไม่ปรากฎ เพราะเรื่องค่อยๆ จางหายไปพร้อมๆ กับเสียงเม้าท์เล็กๆ จากแฟนคลับนางงามขาประจำวันว่า นี่คือแผนโปรโมทการประกวด "มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2014" ตามความถนัดของผู้จัด....
อีกหนึ่งเวทีขาอ่อนเมืองไทย "มิสไทยแลนด์เวิลด์" ขนาดว่าเก็บรายละเอียดได้เรียบร้อยแล้วเชียวนะ ตั้งแต่การตรวจสอบประวัติสาวงาม เช็กการใช้ไอจี เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ และถึงแม้จะได้นางงามผิวสีคนแรกของเมืองไทย "น้องเมญ่า" นนธวรรณ ทองเหล็ง เป็นอันถูกอกถูกใจแฟนคลับนักหนา ทว่าดันมาพลาดตกม้า (เกือบ) ตาย อีตอนเปิดบ้านโชว์ "ชุดประจำชาติ" ที่เตรียมไว้ให้ "น้องเมญ่า" นำไปใส่ประกวดที่มหานครลอนดอนนั้น ดันมีช่องให้นักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์กันถล่มทลาย ไหนจะเรื่องชุดไม่อ่อนช้อยพอจะเป็นชุดประจำชาติที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสมัยรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ว่าเวลา "เมญ่า" ใส่แล้วดูไม่สมส่วน ยังมีเรื่องช่วงตัวเสื้อกับกระโปรงที่บานเป็นสุ่มดูไม่สมดุลกัน เป็นผลให้ไม่สง่างามอย่างที่ควรจะเป็น เห็นว่าที่ฮือฮามากสุด คือ การนำมาเทียบกับชุดของหมอลำคนดัง ที่มีลักษณะเป็นกระโปรงทรงเดียวกันนั่นแหละ จวบจนนาทีสุดท้ายก่อน "มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด" จะโบยบินไปทำหน้าที่พิชิตตำแหน่งมิสเวิลด์ ทางกองประกวดถึงได้เปิดเผยให้เห็นชุดประจำชาติ (ใหม่) อีกครั้ง และแน่นอนว่าคราวนี้ตีตื้นเรียกเสียงชื่นชมกลับมาได้อีกครั้ง....เกือบไปแล้วไหมล่ะ!!!
มาถึง "เวทีนางงาม" ที่มีเรื่องงามไส้ล่า นั่นคือ เวที "นางสาวไทย" ถึงจะมีประสบการณ์จัดการประกวดมาเนิ่นนานกว่าการประชันขาอ่อนเวทีไหนๆ ด้วยระยะเวลาการันตีที่ 80 ปี เรียกได้ว่า เป็นตำนานแห่งการค้นหาสาวงามแห่งแรกของเมืองไทยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงน่าจะไม่มีเรื่องให้ปวดหัว(ใจ)....แต่ก็พลาดอีกจนได้ เมื่อฝ่ายจัดงาน มีธีมเก๋ๆ ด้วยการส่งเทียบเชิญให้บรรดาสาวงามเจ้าของมงกุฎรุ่นพี่ 8 คนมาร่วมขึ้นเวทีอันทรงเกียรติให้กำลังใจรุ่นน้อง งานนี้คล้ายๆ ว่าจะจบลงด้วยความชื่นมื่นของทุกฝ่ายเช่นเดียวกับค่ำคืนของทุกๆ ปีที่ผ่านมา....ทว่า "รุ่นพี่" บางคนกลับรู้สึกน้อยใจ โดยมี "บุ๋ม" ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง บ่นดังๆ ฝากไปถึงคณะผู้จัดว่า ไหนๆ ก็เป็นค่ำคืนแห่งเกียรติยศทั้งที น่าจะได้ร่วมแสดงความสามารถมากกว่า แค่พากันเดินชักแถวออกมายืนยิ้มและโบกมือสวยๆ ในช่วงเวลา 8 คน 2 นาที ทำเช่นนี้เหมือนไม่ให้เกียรติกัน ที่สำคัญบางคนตั้งใจมาช่วยตั้งแต่บ่าย ข้าวปลาก็ไม่มีให้กิน... นี่ล่ะมั้ง ถึงมีคำพูดว่า "เป็นนางงามต้องอดทน"....รู้ยัง????