ข่าว

มหากาพย์คดี‘พงศ์พัฒน์-สุวะดี’30ผู้ต้องหาอายัด560ล.

มหากาพย์คดี‘พงศ์พัฒน์-สุวะดี’30ผู้ต้องหาอายัด560ล.

25 ธ.ค. 2557

มหากาพย์คดี‘พงศ์พัฒน์-สุวะดี’ 3กลุ่ม30ผู้ต้องหาอายัด560ล้าน(ตอน1)

             นับตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งฟ้าผ่าย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมนายตำรวจระดับสูงใน บช.ก. และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับจับกุมดำเนินคดีด้วยข้อหาร้ายแรงหลายข้อหา เป็นต้นมา

             คดีนี้ได้ขยายผลการสอบสวนไปยังกลุ่มผู้เกี่ยวข้องอีกหลายกลุ่ม หลายคดี และจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยและอายัดทรัพย์มาตรวจสอบอย่างมโหฬาร

             จากการประมวลคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำเสนอให้เห็นภาพรวมของผู้ต้องหากลุ่มต่างๆ ในคดีประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่าใคร กลุ่มใด ถูกกล่าวหาว่าไปพัวพันกับการกระทำผิดในเรื่องใดบ้าง

             สำหรับคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมกับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายที่เกี่ยวโยงกันนั้น สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับตำรวจใกล้ชิด 2.กลุ่ม "สุวะดี" หรืออดีตนามสกุลอัครพงศ์ปรีชากับพวก และ 3.กลุ่มนางสุดาทิพย์ และพ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล

             "กลุ่มแรก" มีผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คน ประกอบด้วย

             1.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกดำเนินคดีข้อหา หมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 112 ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 148, 149, 157 และฟอกเงิน

             พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา คือ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554-18 กรกฎาคม 2557 ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ (เสียชีวิตไปแล้ว) อดีต ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 บก.ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ลูกน้องคนสนิท และด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง คนขับรถ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. หมิ่นเบื้องสูง และพัวพันกับการซื้อขายตำแหน่งตำรวจระดับสูงใน บช.ก. สินบนจากธุรกิจน้ำมันเถื่อน และบ่อนการพนันย่านพระราม 9 โดยได้รับผลประโยชน์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งในชั้นสอบสวน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ให้การรับสารภาพ

             2.พล.ต.ต.โกวิทย์ ถูกดำเนินคดีข้อหา หมิ่นเบื้องสูง ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 148, 149, 157 จัดให้เล่นการพนัน (ถั่วครอบ) ตามมาตรา 12 (1) พ.ร.บ.การพนัน และฟอกเงิน

             พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาคือ ระหว่างปี 2553-2557 พล.ต.ต.โกวิทย์ เข้าไปพัวพันกับ 1.ผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจสังกัด บช.ก. ตำแหน่งละ 3-5 ล้านบาท 2.บ่อนการพนัน ได้มีการเช่าสถานบริการอาบ อบ นวด ย่านพระราม 9 เปิดบ่อนการพนันถั่วครอบ โดยจะได้ส่วนแบ่ง 40 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 6 เดือนเศษ รวมเงินที่ได้ประมาณ 110 ล้านบาท และ 3.ส่วยน้ำมันเถื่อน โดยเป็นคนกลางระหว่าง พ.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) 

             3.พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ข้อหา หมิ่นเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ป.อาญา มาตรา 149 และ 157) และฟอกเงิน

             คดีนี้กล่าวหาว่า พล.ต.ต.บุญสืบ เรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจน้ำมันเถื่อนจากนักธุรกิจใน จ.ปัตตานี จากนั้นส่งต่อให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ ก่อนจะส่งต่อให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เหตุเกิดเมื่อเดือนตุลาคม 2553-11 พฤศจิกายน 2557 

             พฤติการณ์คือ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554-18 กรกฎาคม 2557 ขณะที่ผู้ต้องหาดำรงตำแหน่ง ผบก.รน.มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแอบอ้างเรียกเก็บเงินค่าส่วยน้ำมันเดือนละ 1-2 ล้านบาท ส่งเงินให้แก่ พล.ต.ต.โกวิทย์ จำนวน 35 ล้านบาท และส่งเงินให้แก่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นเงินจำนวน 118 ล้านบาท

             4.พ.ต.อ.วุฒิชาติ ถูกดำเนินคดีข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 148, 149, 157 โดยถูกกล่าวหาว่า พัวพันกับการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจระดับสูงในสังกัด บช.ก. 

             5.พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ (เสียชีวิตไปแล้ว) ถูกกล่าวหาว่า พัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์จากการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจระดับสูงในสังกัด บช.ก.

             เฉพาะกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจระดับสูงใน บช.ก.นั้น คำร้องขอฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2553-11 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ได้สมรู้ร่วมคิดกับ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ และ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เรียกรับเงินจากข้าราชการตำรวจที่ประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ รายละ 3-5 ล้านบาท โดยจะส่งเงินให้แก่กลุ่มผู้ต้องหารายเดือนรวมกว่า 50 ล้านบาท

             6.ด.ต.ฉัตรินทร์ และ7.ด.ต.สุรศักดิ์ ทั้งสองถูกดำเนินคดีข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา148, 149, 157 โดยถูกกล่าวหาว่า เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยคดีของทั้งสองคนอยู่ในสำนวนคดีอาญาที่ 100/2557 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2557

             8.นายชอบ ชินนะประภา และ 9.นางปิยพรรณ ชินนะประภา สองสามีภรรยา น้องเขย และน้องสาว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน ทั้งสองได้เป็นนอมินีให้แก่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการแปลงทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

             10.นางสวงค์ มุ่งเที่ยง 11.นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช เจ้าของร้านค้าของเก่า และโกดังเก็บของเก่าหลายแห่งใน จ.นนทบุรี ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต  โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันครอบครองงาช้างแกะสลัก เขากวาง เขากระทิง ซากเต่า

             12.พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป. และ13.นายทรงพล ทองสิน ปลัดอำเภอแห่งหนึ่ง และคนขับรถ พล.ต.ต.โกวิทย์ ทั้งสองถูกดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน 

             ขณะที่การตรวจสอบของกลางในคดีที่ตรวจยึดมาได้ซึ่งมีด้วยกัน 2 ส่วนหลัก คือ โบราณวัตถุ และ โฉนดที่ดิน โดยในส่วนของโบราณวัตถุตรวจยึดมารตรวจสอบกว่า 3 หมื่นชิ้น จากการตรวจสอบของกรมศิลปากรพบว่า เป็นของจริงกว่า 50 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

             ส่วนร้านค้าของเก่า ไม่มีใบอนุญาตในการค้าวัตถุโบราณเเละศิลปวัตถุ มีความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535

             ด้านการตรวจสอบในส่วนของโฉนดที่ดินนั้น พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ระบุว่า คณะกรรมการมีมติให้อายัดทรัพย์ชุดแรก คือโฉนดที่ดินจำนวน 136 รายการ ในจำนวนนี้มี 32 รายการที่ได้มาก่อนที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จะเข้ารับตำแหน่ง ผบช.ก. ดังนั้นจึงอายัดโฉนดที่ดินไว้เพียง 104 แปลง มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท!

             อย่างไรก็ดีโฉนดที่ดินที่อายัดไว้มีชื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้ครอบครองเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ถือครองโดยเครือญาติ  ทั้งนี้ที่ดินบางแปลงถือครองร่วมกันถึง 5 คน และที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ซึ่งพื้นที่นนทบุรีมีมากที่สุด

             ส่วน "บัญชีเงินฝากธนาคาร" ปปง.ได้อายัดบัญชีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก รวม 111 รายการ รวมมูลค่า 100 ล้านบาท

             หากรวมกับการอายัดโฉนดที่ดิน 104 รายการ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาทก่อนหน้านี้จะมีทรัพย์สินที่ถูกอายัดทั้งสิ้น 215 รายการ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

             สำหรับบัญชีเงินฝากเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวน 107 บัญชี พบเงินฝากทั้งสิ้น 37.9 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่า บัญชีเงินฝากในชื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แค่ 3 บัญชี มีเงินรวม 7 หมื่นบาท โดยมีการเคลื่อนไหวของเงินน้อยมาก อีกทั้งไม่มีความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นยกเว้นนายชอบ และนางปิยพรรณ

             ส่วน พล.ต.ต.โกวิทย์ พบเงินฝาก จำนวน 7 บัญชี เป็นเงิน 3,187,475.37 บาท พ.ต.อ.อัครวุฒิ (เสียชีวิตไปแล้ว) จำนวน 15 บัญชี เป็นเงิน 2,404,798.98 บาท พ.ต.อ.วุฒิชาติ จำนวน 2 บัญชี เป็นเงิน 5,300,000 บาท

             นายทรงพล คนขับรถอีกคนของ พล.ต.ท.โกวิทย์ มี 53 บัญชี เป็นเงิน 3,096,777.80 บาท ด.ต.สุรศักดิ์ จำนวน 8 บัญชี เป็นเงิน 500,513.25 บาท ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง จำนวน 2 บัญชี เป็นเงิน 10,828 บาท และน.ส.ชื่นกมล รุ่งธีรพงศ์ จำนวน 16 บัญชี เป็นเงิน 28,655,506.42 บาท

             ทั้งนี้ น.ส.ชื่นกมลเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายทรงพลทั้งคู่เกี่ยวโยงกับทรัพย์สินของ พล.ต.ต.โกวิทย์ โดยเป็นผู้มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยง เข้าข่ายความผิดกฎหมายฟอกเงิน

             ขณะที่ พล.ต.ต.บุญสืบ พบกระแสเงินเคลื่อนไหว 31 ล้านบาท แต่ขณะนี้ไม่มีเงินในบัญชีแล้ว! 

             ส่วนการโอนเงินไปต่างประเทศพบว่า กลุ่มของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีการโอนไปที่สถานศึกษาในประเทศอังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 16 ครั้ง เป็นเงิน 5.2 ล้านบาท คาดว่าเป็นการเงินที่ส่งบุตรหลานไปเรียนในต่างประเทศ ซึ่งจะเร่งตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง