ข่าว

วัฒนธรรมข้าวราดแกง

วัฒนธรรมข้าวราดแกง

17 ธ.ค. 2557

วัฒนธรรมข้าวราดแกง : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล


                ผมเติบโตมากับวัฒนธรรมข้าวราดแกง จากโรงอาหารในโรงเรียน หาบข้าวแกงข้างถนน แม้กระทั่งห้องอาหารที่ที่ทำงาน

                ข้าวแกงเป็นอาหารที่ย่อส่วนลงมาจากสำรับ ที่ประกอบด้วยกับข้าวหลายอย่าง เหลือเพียงข้าวเปล่าราดด้วยแกง ซึ่งโดยทั่วไปก็ไม่พ้น ไข่พะโล้ ผัดพะแนง แกงไก่ แกงเนื้อ แกงปลาไหล แกงปลาดุก ฯลฯ ในสมัยก่อนแม่ค้าจะตั้งหาบข้างถนน หรือปากตรอก ในหาบก็จะประกอบด้วยข้าวหนึ่งหม้อ และหม้อใส่แกงต่างๆ ที่เอ่ยมาแล้ว คนกินก็นั่งยองๆ บนม้าเตี้ยรอบหาบ มีน้ำปลาพริกถ้วยใหญ่ไว้เพิ่มรสชาติ มีกระติกน้ำกับถ้วยใบเล็กๆ ให้ดื่ม ซึ่งตอนนั้นๆ ใครๆ ก็ใช้ถ้วยใบเดียวกันจ้วงน้ำจากกระติกเดียวกัน โดยไม่มีใครคำนึงเรื่องสุขอนามัย ถ้าข้าวแกงจานเดียวไม่อิ่ม จะขอต่ออีกสักครึ่งจาน แม่ค้าก็ยินดีขายให้ เป็นการกินแบบอะลุ่มอล่วยระหว่างแม้ค้ากับลูกค้า

                ผมไม่แน่ใจว่า คนไทยเริ่มกินข้าวแกงกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีบางคนบอกว่า น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีการพูดถึงหญิงไทยที่ทำการค้าไว้ว่า “ยายฟักขายข้าวแกง ยายแฟงขาย....ยายมีขายเหล้า” ซึ่งไม่ทราบเรื่องราวของยายฟักกับยายมี แต่ยายแฟงนั้นเป็นแม่เล้าตั้งซ่องนางคณิกา ภายหลังได้รวบรวมเงินทองจากการค้าดังกล่าวมาสร้างวัด เรียกกันว่า วัดใหม่ยายแฟง หรือชื่อทางราชการว่า วัดคณิกาผล ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพักพลับพลาไชย 2 ตามประวัติของวัดคณิกาฯ กล่าวว่า ยายแฟงเป็นเจ้าของสำนักโสเภณีชื่อ “โรงยายแฟง” ตั้งอยู่ตรอกเต๋า เยาวราช และสร้างวัดขึ้นใน ปี พ.ศ.2376 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ากันว่าในงานสมโภชวัด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีสมณศักดิ์ รับนิมนต์มาเทศนา ยายแฟงถามสมเด็จโตว่า อย่างดิฉันจะได้บุญสักเท่าไหร่ สมเด็จท่านก็ตอบว่า “สลึงเฟื้อง” เท่ากับอัตราบริการของโสเภณียายแฟง

                กลับมาเรื่องข้าวแกง ทุกวันนี้หาบข้าวแกงข้างถนนในตัวเมืองแทบไม่หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว อาหารในโรงอาหารก็ผสมปนเปด้วยอาหารจานเดียวของจีน เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยว บะหมี่ ฯลฯ ที่หนักกว่านั้นก็คือ การรุกคืบของวัฒนธรรมอาหารทั้งจากซีกโลกตะวันตก เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด พิซซ่า และจากซีกโลกตะวันออกของอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี จนบางพื้นที่ถูกทำให้มีบรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่น หรือกรุงโซล ขณะที่พื้นที่ของข้าวแกงและอาหารไทยหดหายลงไปทุกวัน ทั้งๆ ที่อาหารไทยในต่างประเทศได้รับความนิยมทั่วโลก อาหารบางอย่างเช่น ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ผัดไทย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

                การหายไปของข้าวแกงก็ดี การสูญเสียพื้นที่ของร้านอาหารไทยแก่อาหารต่างชาติก็ดี ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ เพราะเรากำลังสูญสิ้นวัฒนธรรมอาหารของไทย ซึ่งในปัจจุบันนี้ อาหารไทยหลายชนิดก็เริ่มได้ยินกันแต่ชื่อ ไม่มีใครได้กิน ได้เห็นอีกแล้ว หากยังปล่อยไปเรื่อยๆ คนรุ่นใหม่ก็คงคุ้นเคยกับอาหารต่างชาติ จนละทิ้งอาหารไทยไปในที่สุด

                เราถูกต่างชาติรุกรานทางวัฒนธรรม ทั้งจากการแต่งกาย ภาพยนตร์ ดนตรี การแสดง ศิลปะ วรรณกรรม ฯลฯ จนจะไม่เหลือเค้าของความเป็นไทยอยู่แล้ว หากถูกเล่นงานกันถึงก้นครัวอีก เราก็คงตกเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมเต็มตัว