
ปูนบำเหน็จ-เลื่อนยศ9นายทหารเสียชีวิตฮ.ตก
18 พ.ย. 2557
"พล.อ.อุดมเดช" พร้อมคณะ เดินทางร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดคูหาสวรรค์ จ.พิษณุโลก และทาง "ทบ."ปูนบำเหน็จพิเศษ 7ขั้น พร้อมเลื่อนยศให้ 9 นายทหาร
วันที่ 18 พ.ย.57 นายต่วน บุญปลอด อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ 10 ถนนะเยา-ป่าแดด ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ผู้เห็นเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของคณะ พล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตก ส่งผลให้เสียชีวิตยกลำ 9 รายว่าขณะที่ตนกำลังเลี้ยงวัวอยู่นั้น ได้ยินเสียงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ มีเสียงแปลกๆ เหมือนเครื่องจะดับๆ ติดๆ ทำท่าจะลงใกล้ๆ ที่ตนยืนอยู่จึงวิ่งลงนาข้าว แต่ปรากฎว่าเครื่องกลับเสียการทรงตัวพุ่งหนีห่างออกจากตน จากนั้นก็มีเศษอะไรบางอย่างกระเด็นจากเฮลิคอปเตอร์แล้วเครื่องก็ตกกระแทกพื้นระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีไฟลุกสว่างและร้อนมาก
"ผมจะเข้าไปช่วยแต่ไฟร้อนมากและมีเสียงระเบิดจึงได้แต่ยืนดูเหตุการณ์จนกระทั่งมีชาวบ้านที่มีโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ"นายต่วน กล่าว
ส่วนสถานการณ์ในช่วงเช้า กองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากต่างลงพื้นที่เพื่อรายงายเหตุดังกล่าว ตลอดจนรอเพื่อสัมภาษณ์พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อหาสาเหตุการตกและการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนายทหารทั้ง 9 นาย แต่ล่าสุด ได้ส่งพล.ต.กู้ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาคที่ 3 มาแทน ขณะที่ชาวบ้านก็เริ่มมามุงดูกองทัพสื่อมวลชนในการทำงาน
ขณะเดียวกัน ทหารเริ่มปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านเข้าที่เกิดเหตุเนื่องจากมีเศษซากเครื่องตกกระจัดกระจายอยู่เป็นวงกว้างรัศมีกว่า 50 เมตร เพื่อรอผู้ชำนาญจากศูนย์การบินลพบุรีมาพิสูจน์ทราบร่วมกับคณะพล.ต.กู้ชีพ เลิศหงิม
สำหรับกำหนดการรับและส่งร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย เริ่มจากพล.ต.กู้ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางไปค่ายขุนเจืองธรรมิกราช รับการกล่าวรายงานในเวลา 10.30 น. มีทหารกองเกียรติยศรอรับ จากนั้นจะเดินทางไปที่เกิดเหตุ แล้วจะเดินทางไปรับศพจากโรงพยาบาลพะเยา มาทำพิธีส่งกลับที่ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช เพื่อส่งไป จ.พิษณุโลกพิสูจน์อัตลักษณ์และทำพิธีต่อไป
ทภ.3เตรียมสถานที่วัดคูหาสวรรค์ทำพิธีรับนายทหารอย่างสมเกียรติ
ที่วัดคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กองกำลังกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าเตรียมสถานที่ศาลา 1 และพื้นที่ภายในวัดคูหาสวรรค์ เพื่อทำพิธีรับศพกำลังพลทั้ง 9 นาย ที่เสียชีวิตตากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่อ.เมือง จ.พะเยา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกำลังพลของกองทัพภาคที่ 3 ได้เตรียมสถานที่ศาลา 1 วัดคูหาสวรรค์ สำหรับประกอบพิธีรดน้ำศพและพิธีการอาบน้ำ ( พระราชทาน ) น้ำหลวงอาบศพ ที่มีพลโทสาธิต พิธัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีในช่วงเย็นนี้ พร้อมกับเตรียมทำความสะอาดสถานที่โดยรอบ การซักซ้อมแถวการตั้งกองทหารเกียรติยศรับศพกำลังพลทั้ง 9 นาย การลำดับพิธีการต่างๆ ให้การประกอบพิธีวันนี้อย่างสมเกียรติ
สำหรับกำหนดการโดยประมาณ คาดว่าในช่วงเวลาประมาณ 12.30 -13.00 น. จะทำการเคลื่อนย้ายศพนายทหารทั้ง 9 นาย จากจังหวัดพะเยา โดยขบวนรถยนต์ มีกำหนดถึงวัดคูหาสวรรค์ อ.เมืองพิษณุโลกในช่วงเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. กองดุริยางศ์ กองทหารกองเกียรติยศ และผู้ร่วมพิธีตั้งแถวรอรับในเวลา 16.00 น. มีพลโทสาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับศพกำลังพล จากนั้นกองทหารเกียรติยศจะเชิญร่างนายทหารทั้ง 9 นาย ไปบนศาลา 1 วัดคูหาสวรรค์ เพื่อประกอบพิธีสงฆ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและพิธีการอาบน้ำ ( พระราชทาน ) น้ำหลวงอาบศพ เวลา 20.00 น.มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ วันที่ 18-24 พฤ.ย.2557 มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพทุกคืน วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11.00 น. ถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เวลา 16.00 น.พิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดคูหาสวรรค์ อ.เมืองพิษณุโลก
บรรยากาศรับศพทหาร เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ที่หน้าห้องดับจิต บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลพะเยา พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วยพล.ต.กู้ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาคที่ 3 และคณะได้เข้ามาตรวจสอบการจัดขบวนขนศพพล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาคที่ 3 และคณะ รวม 9 ศพที่ประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เพื่อจะได้นำไปประกอบพิธี ยัง จ.พิษณุโลก ขณะที่บรรดาญาติของนายทหารทั้ง 9 ก็ได้เดินทางมาถึงเพื่อรอรับศพเช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีเสียงร่ำไห้ระงมทั่วบริเวณ
ทั้งนี้ มีญาติคนหนึ่งเป็นหญิงอายุราว 30 ปีที่ร่ำไห้ จนถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น กระทั่งเหล่าพยาบาลต้องรีบเข้าพยุงตัว ขณะเดียวกันได้มีเหล่าไทยมุงเข้ามารุมล้อมรอบบริเวณเพื่อสังเกตการณ์กว่า 200 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและนางพยาบาล กว่า 50 คน ซึ่งเบื้องต้นบรรดาเจ้าหน้าที่ สห.ยังคงกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวและชาวบ้านเข้าใกล้ในระยะ 50 เมตร ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ทหารระดมกำลังเตรียมยกโลงศพขึ้นยังรถบรรทุกทหาร FTS จำนวน3 คัน
ทบ.ยันไม่มีคำสั่งระงับใช้ ฮ.แบบเบลล์212 หลังประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวานนี้
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกองทัพบก กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์212 ประสบอุบัติเหตุตก ที่ จังหวัดพะเยา จนทำให้มีกำลังพลเสียชีวิต 9 นาย รวมทั้ง พล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาคที่3 ว่า กองทัพบกดูแลสิทธิกำลังพลและปูนบำเหน็จตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ เนื่องจากเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ในเวลา 12.00 น.ของวันนี้จะเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 นายไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคูหาสวรรค์ จังหวัดพิษณุโลก และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในเวลาประมาณ16.00 น. พร้อมทั้งสวดพระอภิธรรมศพในเวลา 20.00 น. และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 25 พ.ย.นี้
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการตรวจสอบสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยคณะกรรมการนิรภัยการบิน ของศูนย์การบินทหารบก ร่วมกับกองทัพภาคที่3 โดยในวันนี้ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบพร้อมทั้งกู้อากาศยานดังกล่าวในพื้นที่เกิดเหตุแล้วทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพบกยังคงใช้เฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์212 ปฏิบัติภารกิจตามปกติ และไม่ได้มีคำสั่งระงับการใช้แต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาศูนย์การบินทหารบก จะจัดส่งอากาศยานแต่แบบไปปฏิบัติงานในทุกกองทัพภาคตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ทบ.ปูนบำเหน็จพิเศษ 7ขั้น พร้อมเลื่อนยศให้ 9 นายทหาร ฮ.ตก
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 212 ของ ตกที่ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ทีผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิต 9 นายว่า นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่ายิ่งของกองทัพบก ที่ได้เสียสละ มุ่งมั่น ทุ่มเท ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เหตุการณ์ในครั้งนี้นำมาซึ่งความเสียใจอย่างสุดซึ้งของผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ครอบครัว ตลอดจนประชาชนที่ทราบข่าว
ทั้งนี้กองทัพบกได้ดำเนินการเกี่ยวกับพิธีศพอย่างสมเกียรติ โดยวันที่ 18 พ.ย. เวลา 18.30 น.จะมี พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดย พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก จะเดินทางไปร่วมในพิธีด้วย โดยในขั้นต้นศพของนายทหารทั้ง 9 ท่านจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ กำหนดในวันที่ 18-24 พ.ย. 57 เวลา 20.00 น.และ พิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 25 พ.ย.57 เวลา 16.00 น. ณ วัดคูหาสวรรค์
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่าปัจจุบันกองทัพภาคที่3 ได้เข้าดูแลและอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ กองทัพบกได้ดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิกำลังพล การมอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการ ได้แก่ เงินค่าทดแทน, เงินบำเหน็จตกทอด, เงินสินไหมทดแทนจากการประกันชีวิตของกองทัพบก, เงินบำรุงขวัญจากหน่วยงานต่างๆ และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ เป็นต้น โดยจะได้รับประมาณ 2-6 ล้านบาท ตามสิทธิของแต่ละบุคคล พร้อมกันนี้กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งจะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นดังนี้
พลตรีทรงพล ทองจีน ,พันเอกกิตติ สุวรรณเจริญ ,พันเอกยุทธพงษ์ เพื่อนฝูง, พันโทวุฒิศักดิ์ สุนทรสุข และ พันโทมานิต สุระเสนา ทั้ง 5 ท่านจะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นเป็น " พลเอก" สำหรับ ร้อยเอกวรพงศ์ ช่างสลัก ได้รับพระราชทานยศเป็น "พันเอก" , จ่าสิบเอก อนันต์ ชมเชียงคำ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พลโท" ,จ่าสิบเอก อภิรุณ แสนดอนดู่ ได้รับพระราชทานยศเป็น “พลตรี” และ จ่าสิบโท สมภพ มาลัยวงศ์ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พันโท"
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า กองทัพบกขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้นหาและช่วยเหลือในเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนี้ และขอขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ได้ส่งข้อความแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัว ตามช่องทางต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กองทัพบกจะให้การดูแดครอบครัวของผู้เสียชีวิตในทุกด้านอย่างดีที่สุด ส่วนการใช้อากาศยานในทุกประเภทของกองทัพบกนั้น ขณะนี้ยังคงเป็นไปตามภารกิจของหน่วยที่ได้รับมอบหมาย ส่วนการปรนนิบัติบำรุงเป็นไปตามวงรอบและระเบียบปฏิบัติ ภายใต้มาตรฐานในการดูแลอากาศยานและนิรภัยการบิน ทั้งนี้ในวันนี้คณะกรรมการนิรภัยการบินของกองทัพบก ได้เดินทางถึงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว โดยได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพพื้นที่ เก็บข้อมูล รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การสอบสวนและสรุปเหตุการณ์รวมถึงสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป