
ร่องรอยเงิน...เพื่อนปริศนาแกะรอยฆ่า"อดีตบิ๊กตำรวจ"
คืบหน้าเข้าไปทุกขณะเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มพบเบาะแสคนร้ายที่ฆาตกรรม พล.ต.ต.ชูเกียรติ ภัยลี้ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังจากการชันสูตรพลิกศพพบว่า ตามร่างกายมีร่องรอยการใช้อาวุธมีดแทงแล้วมีการจุดไฟเผาบ้านอำพรางคดี
ด้วยสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของนายตำรวจคนดัง แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 69 ปีแล้วก็ตาม นายตำรวจรุ่นน้องในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และสภ.บางใหญ่ ที่ควบคุมคดีเข้าไปดูจุดเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 47/131 หมู่บ้านกฤษดานคร โครงการ 10 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ไม่น่าเชื่อว่า พล.ต.ต.ชูเกียรติจะไม่สามารถหนีออกจากบ้าน นี่คือที่มาของการตรวจพิสูจน์อย่างถี่ยิบก่อนพบว่าแท้จริงคือ การฆ่าชิงทรัพย์ ไม่ใช่อุบัติเหตุตามข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้
“พี่เขาเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง ไปไหนมาไหนได้ตามปกติ พี่น้องเพื่อนฝูงชวนไปเที่ยวพี่เขาก็ไป หากเกิดเพลิงไหม้เพียงแค่ชั้นสองของบ้านที่ลุกไหม้ไม่มากเท่าไหร่ พี่เขาต้องเอาตัวรอดได้ แต่น่าแปลกใจเกิดไฟคลอกแล้วเสียชีวิต“ นายตำรวจรุ่นน้องคนหนึ่งกล่าว
ความแปลกใจดังกล่าวไปสอดคล้องกับผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ที่ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากฆาตกรรม
“หากมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เพลิงไหม้ แพทย์ผู้ตรวจเบื้องต้นไม่สามารถระบุได้ว่า เหยื่อเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด หรือแม้กระทั่งตรวจในที่เกิดเหตุเบื้องต้นหากพบบาดแผล ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฆาตกรรม เพราะบาดแผลอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมภายในที่เกิดเหตุก็เป็นได้ แต่กรณีนี้การชันสูตรอย่างละเอียดเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนของตำรวจ พบว่า สภาพร่างกายของนายตำรวจท่านนี้แข็งแรง มีบาดแผลบริเวณด้านหน้าและด้านหลังจากการถูกมีดไม่ทราบชนิดหลายแผล แต่ก็ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตเนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นโดนเพียงแค่กล้ามเนื้อ นั่นหมายความว่าอาจมีการต่อสู้ แต่สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากคนร้ายใช้มีดแทงเข้าบริเวณหลอดลม ทำให้หลอดลมขาดแล้วเสียชีวิต เพราะภายในปอดหรือหลอดลมช่องคอไม่พบคราบของเขม่าควันที่เกิดจากการสูดดมแล้วทำให้หมดสติก่อนเสียชีวิต“ แหล่งข่าวระดับสูงของสถาบันนิติเวชระบุ
แม้ก่อนหน้านี้ผลการชันสูตรยังไม่ออกมาเป็นทางการ แต่ชุดสืบสวนสอบสวนนำโดย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรงค์ ผบก.ภ.จ.นนทบุรี, พ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.1, พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 ป., พ.ต.อ.ธานี เกษจุโลม ผกก.สภ.บางใหญ่ ก็พอทราบผลคร่าวๆ ก่อนแล้วจึงประชุมวางแนวทางการสืบสวน
แหล่งข่าวในชุดสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า ฆาตกรรมอำพรางนายตำรวจท่านนี้ สาเหตุน่าจะเกิดจากการประสงค์ต่อทรัพย์ มีการต่อสู้แล้วฆ่าเพื่ออำพรางคดี เพราะญาติของอดีตนายตำรวจให้ข้อมูลว่าเงินสด 1 แสนบาทที่ให้นายหนุ่ม (ขอสงวนชื่อนามสกุล) สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เลี่ยมทอง 1 องค์ อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก หายไป
“แนวทางการสืบสวนสอบสวนค่อนข้างชัดเจนว่าก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า นายปื๊ด ซึ่งมีความสนิทสนมกับอดีตนายตำรวจท่านนี้มาก ถูกวานให้ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มจำนวนหนึ่งแสนบาทแล้วนำมามอบให้ จากนั้นท่านก็ออกไปข้างนอกก่อนเที่ยงเพื่อไปพบกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้สอบสวนแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี หลังจากที่นัดพบกับเพื่อนคนดังกล่าว เหยื่อก็กลับมาที่บ้านช่วงหลังเที่ยง แวะสั่งอาหารประเภทพล่ากุ้ง แกงป่า หมูทอดกระเทียม และข้าวเปล่า จากร้านประจำใกล้บ้าน กระทั่งเกือบบ่ายสองโมงเด็กร้านอาหารนำอาหารมาส่งและลงมาจ่ายเงินด้วยตนเอง หลังจากนั้นไม่มีพยานแวดล้อมเห็นเหตุการณ์อีก จนเกิดเหตุเพลิงไหม้“ แหล่งข่าวชุดสืบสวนกล่าว
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ตอนนี้พอทราบแล้วว่าบัตรเอทีเอ็มจำนวน 2 ใบที่มีความเคลื่อนไหวหลังเกิดเหตุเพียง 1 วัน มีการใช้บริการสามจุดของตู้เอทีเอ็มในกรุงเทพฯ กำลังตามร่องรอยอยู่
พล.ต.ต.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 เปิดเผยแก่ “คม ชัด ลึก“ ว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีกี่คน แต่คนร้ายที่เป็นวัยรุ่นชายได้นำบัตรเอทีเอ็ม 1 ใน 2 ใบของ พล.ต.ต.ชูเกียรติ ไปกดเงิน อย่างน้อยน่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิต แนวทางการสืบสวนสันนิษฐานว่า หลังจากที่ พล.ต.ต.ชูเกียรติ สั่งอาหารเข้าไปรับประทาน คนร้ายซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักอาจเข้ามาก่อนหรือมาทีหลัง เพราะโดยปกติแล้ว พล.ต.ต.ชูเกียรติ หากไม่สนิทสนม จะไม่ให้ใครเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ แล้วเกิดการต่อสู้ ตั้งแต่ช่วงประมาณบ่ายสองโมงเป็นต้นไป เพราะช่วงเวลาประมาณห้าโมงเย็น พยานแวดล้อมใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้กลิ่นเหม็นไหม้ออกมาจากบ้านของ พล.ต.ต.ชูเกียรติ แต่ก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเกิดเพลิงไหม้
เมื่อ ผบช.ภ.1 ได้รับรายงานความคืบหน้าทางคดี น่าเชื่อว่าคนร้ายคงเป็นคนใกล้ชิดกับเหยื่อ จากนี้ไปคงเหลือแต่กระบวนการรวบรวมหลักฐานมัดมือสังหาร อีกไม่นานคงรู้ !!