ข่าว

ประหารชีวิต‘ครรชิต’คดีฆ่านายกอบจ.สมุทรสาคร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประหารชีวิต‘ครรชิต’ อดีตส.ส. ปชป. คดีฆ่านายกอบจ.สมุทรสาคร

             เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้นัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดี โดยมี นายอุดม มีแสง ผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษาใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยสรุปจากการพินิจพิเคราะห์หลักฐานของการสืบสวนพยานบุคคลทั่วไป และประจักษ์พยานในเชิงหลักวิทยาศาสตร์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ ใช้ประกอบสำนวนประกอบน้ำหนักเพื่อการตัดสินในคดี เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว จึงมีคำตัดสินลงโทษประหารชีวิต นายครรชิต ทับสุวรรณ ในฐานความผิด ได้แก่ มาตรา 289 (4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มาตรา 390 ข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความกลัว มาตรา 392 ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควรในที่สาธารณะและมาตรา 371 พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะหรือหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
    
             นอกจากนี้ ยังระบุฝ่ายโจทก์สามารถฟ้องเรียกค่าชดเชยและสินไหมชดเชยค่าเสียหายจากเหตุการณ์นี้ได้ตามกฎหมาย ในกรณีนางพอใจ ไกรวัตนุสสรณ์ มารดาผู้เสียชีวิต และนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ บิดาผู้เสียชีวิต รวมทั้งมีภรรยาและบุตร ธิดา ของผู้เสียชีวิตร่วมเป็นโจทก์ได้ต่อไป
    
             มีรายงานแจ้งว่า สำหรับประเด็นการให้น้ำหนักของการพิจารณาที่ประกอบการตัดสินคดีดังกล่าวในครั้งนี้จากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรวบรวมหลักฐานในสำนวนคาดว่าน้ำหนักชี้บทลงโทษในข้อหาหนักสูงสุดของวัตถุพยานคือประจักษ์พยานเชิงวิทยาศาสตร์และเครื่องใช้ใกล้ตัวมากที่สุดในวันเกิดเหตุ
    
             ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการตัดสินคดีว่า พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร ได้สั่งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร กระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อย เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยนายครรชิต ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ จำเลย เดินทางมาที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยลงจากรถยนต์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และแวะพบปะพูดคุยเล็กน้อยกับกลุ่มมวลชนที่มารอให้กำลังใจกว่า 50 คน โดยบอกว่า "คำตัดสินหากไม่ยกคำร้องก็ต้องถูกดำเนินคดีแน่ แต่ขอให้ไม่ต้องตกใจเพราะยังมีศาลชั้นอื่นอีกสู้คดีกันต่อไป"
    
             ขณะที่ครอบครัวไกรวัตนุสสรณ์ มีนายมณฑลไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร คนปัจจุบัน และนางพอใจ ไกรวัตนุสสรณ์ บิดาและมารดาของผู้เสียชีวิต และนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตเลขาฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชายผู้เสียชีวิต ตลอดจนกลุ่มประชาชนเกือบ 100 คน มาให้กำลังใจ
    
             ด้านนายอุดมให้สัมภาษณ์สั้นๆ ภายหลังมีคำพิพากษาว่า วันนี้ทางครอบครัวได้รับความยุติธรรมและการเยียวยาในสิ่งที่สูญเสียไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วผู้กระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพนายอุดร หรือ "นายก ตุ่น" ยังคงตั้งไว้ที่วัดเจษฎาราม ในปีหน้าจะประกอบพิธีทางศาสนาให้เสร็จสิ้น
    
             ขณะที่ นางทัศนีย์ ทับสุวรรณ มารดาของนายครรชิต จำเลยในคดี หลังจากที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ได้มอบหมายให้ทนายยื่นหลักทรัพย์ 1.4 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวนายครรชิต โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาขอศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
    
             สำหรับคดีนี้เป็นคดีดังเมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา เกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2554 โดยนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อายุ 49 ปี ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สมุทรสาคร นั่งรถฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน กก 2424 สมุทรสาคร พร้อมคนขับรถ แวะเข้าจอดรถเพื่อทำภารกิจส่วนตัวภายในห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน ปตท. ย่านถนนเศรษฐกิจ-คลองครุ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน .40 ยิง 8 นัดเสียชีวิตในปั๊มน้ำมันดังกล่าว
    
             การสอบสวนเบื้องต้นมีพยานหลักฐานพบว่า ผู้ก่อเหตุคือ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ได้ขับรถเข้ามาจอดไล่หลังในปั๊มน้ำมันห่างกันไม่นาน ก่อนมีการพูดคุยกับผู้ตายที่หน้าห้องน้ำและใช้อาวุธปืนสังหาร แต่จากการสอบสวน นายทองพูล พนาราบ คนขับรถวัย 38 ปี ของนายอุดร ได้ให้การว่า ขับรถพาเจ้านายไปร่วมงานต่างๆ ในพื้นที่ตั้งแต่เช้า กระทั่งเตรียมที่จะไปงานศพในพื้นที่กระทุ่มแบน แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เจ้านายให้แวะเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน และเจ้านายลงรถไปเพียงคนเดียว ระหว่างนั้นสังเกตเห็นรถกระบะ สีบรอนซ์ทอง 4 ประตู เข้ามาจอดติดกัน อีกพักเดียวจึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อหันไปมองที่หน้าห้องน้ำเห็นคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่งชุดดำ รองเท้าหนัง วิ่งขึ้นรถปิกอัพคันดังกล่าวขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
    
             ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้อนุมัติหมายจับ นายครรชิต ทับสุวรรณ ตามหมายจับเลขที่ จ.454/2554 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2554 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งแนวทางสืบสวนทราบว่ามูลเหตุลงมือมาจากการที่นายอุดร และนายครรชิต พบกันโดยบังเอิญที่ห้องน้ำปั๊มน้ำมัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหากันอยู่ก่อนแล้ว เป็นเรื่องกินใจและพูดจาถากถางกันไปมาหลายครั้งเกี่ยวพันกับหญิงสาวรายหนึ่ง จนทำให้เกิดความไม่พอใจจนถึงขั้นใช้อาวุธ
    
             จากนั้นวันที่ 27 ธันวาคม 2554 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทีมกฎหมายและทนายความ ได้พานายครรชิตเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายครรชิตให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน ได้แจ้งให้นายครรชิตนำอาวุธปืนยี่ห้อกล็อก  .40 ทะเบียน กท 54222747 ที่มีอยู่ในความครอบครองมาให้ตรวจสอบแต่ได้รับการปฏิเสธ จึงทำให้คดีนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถติดตามอาวุธปืนของกลางมาประกอบหลักฐานในคดีได้
    
             สำหรับนายอุดร เป็นบุตรชายของนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ "เฮียม้อ" อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.สมุทรสาครหลายสมัย เป็นพี่ชายของนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตผู้ช่วย รมว.แรงงาน และเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเมื่อปี 2550 นอกจากนี้ตระกูล "ไกรวัตนุสสรณ์" ยังเป็นที่รู้จักของคนบ้านแพ้ว-มหาชัยทั้งจังหวัด นอกจากจะดำรงตำแหน่งอดีตนายก อบจ.สมุทรสาคร 2 สมัยติดต่อกันแล้ว ยังดำรงตำแหน่งอดีตนายกสมาคมกีฬา จ.สมุทรสาคร อดีตประธานสมาพันธ์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคกลาง และอดีตประธานสโมสรฟุตบอลสมุทรสาครเอฟซี หรือทีมสำเภาผยองด้วย    
 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ