ข่าว

'ภาพสะท้อนธรรม' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต

'ภาพสะท้อนธรรม' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต

09 พ.ย. 2557

คุยนอกกรอบ : 'ภาพสะท้อนธรรม' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต : โดย...มนสิกุล โอวาทเภสัชช์

 
 
 
\'ภาพสะท้อนธรรม\' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต
 
 
 
                            "ในระหว่างบวช มีการปฏิบัติธรรมด้วยจนเกิดสภาวะธรรม ก็ตั้งใจว่าบวช 7 ปี แล้วก็ลาสิกขาออกมาทำงานวาดภาพประกอบหนังสือที่ตัวเองรัก"
 
 
                            อรรถนิติ ลาภากรณ์ หรือ "บิ๊ก" นักวาดภาพประกอบหนังสือ ที่หันมาสนใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จนปวารณาตัววาดภาพเรื่องราวของพระพุทธเจ้า รับใช้พระธรรมในบทบาทหน้าที่ที่ตนทำได้ มีแรงบันดาลใจและเบื้องหลังที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ 
 
                            บิ๊กเล่าว่า เป็นเพราะเรียนมาทางจิตรกรรมไทยโดยตรง และส่วนใหญ่ภาพจิตรกรรมไทยจะเป็นงานที่รับใช้พระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ประกอบกับที่เคยบวชมาประมาณ 7 พรรษา ก็เลยชอบที่จะวาดภาพประกอบทางนี้ 
 
                            7 พรรษาไม่น้อยเลย บวชตั้งแต่เมื่อไร และทำไมลาสิกขา คำถามถูกส่งไปด้วยความคาดหวังว่า แหม ไม่น่าสึกเลย และคำตอบก็ปรากฏตามมา ทำให้เข้าใจว่า แต่ละคนก็มีหนทางของตัวเอง
 
                            "ผมบวชตั้งแต่อายุ 22 ปี ตั้งใจปฏิบัติ และทำหนังสือที่จะทำ ในระหว่างบวชมีการปฏิบัติธรรมด้วยจนเกิดสภาวะธรรม ก็ตั้งใจว่า 7 ปี ที่เราปฏิบัติ และตั้งใจทำหนังสือ 'ชัยชนะแห่งพุทธะ' แจก ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำเอง ออกแบบปก และวาดภาพประกอบ ซึ่งมีผลงานของเพื่อนๆ และครูบาอาจารย์อยู่ในนั้นด้วย"
 
                            ฉันจึงถามต่อไปว่า ช่วง 7 ปีที่ไปบวช แล้วเกิดสภาวะธรรมเป็นอย่างไรบ้าง 
 
                            บิ๊กตอบว่า ได้ฝึกสติปัฏฐาน 4 เต็มๆ  
 
                            "คือผมเป็นลูกศิษย์พระปลัดชัชวาล ชินสโภ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมจักร จ.นครนายก และได้ฝึกปฏิบัติกับท่านมาตลอด ท่านก็แนะนำเกี่ยวกับวิถีจิต และการฝึกอิริยาบถย่อย การเดินจงกรม นั่งสมาธิที่ละเอียดอ่อนมาก คือสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ ก็ตั้งใจว่าบวช 7 ปี แล้วก็ลาสิกขาออกมาทำงานวาดภาพประกอบหนังสือที่ตัวเองรัก" 
 
                            นอกจากวาดภาพแล้วทำอะไรอีกคะ
 
                            "ผมทำสำนักพิมพ์เองกับกลุ่มญาติธรรมที่เป็นพี่ๆ ที่ชอบทำหนังสือกัน ทำหนังสือออกมาจำหน่ายในราคาไม่แพง นอกจากเนื้อหาแล้ว ก็เน้นความสวยงามด้วย งานในช่วงหลังๆ ก็ใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยด้วยทำให้งานเร็วขึ้น นอกจากเขียนด้วยมือแล้ว "
 
                            แล้วการตอบรับเป็นอย่างไรบ้างคะ ในยุคที่สื่อออนไลน์มาแรง เมื่อทุกอย่างสามารถดูและอ่านผ่านมือถือได้แล้ว 
 
                            "ไม่ค่อยเจอปัญหา เพราะกลุ่มที่อ่านหนังสือผม เป็นกลุ่มที่ชอบหนังสือธรรมะอยู่แล้ว เขาบอกว่า อ่านจากหนังสือ สบายตากว่าอ่านในแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ หนังสือธรรมะที่ผมทำ บางเล่มก็เป็น อี-บุ๊ก  แล้ว ซึ่งกำลังทำอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือจริงๆ เพราะความที่เราตั้งใจออกแบบ เขาก็ซื้อไปเป็นของขวัญ ก็จะสวยด้วย เป็นหนังสือที่มีเป็นคุณค่า ตามโอกาสด้วย"
 
                            "บิ๊ก" ยังมีผลงานภาพประกอบอีกหลายเล่มที่ผ่านมา อาทิ "อานาปานสติ ลึกแต่ไม่ลับ" เขียนโดยท่าน ส.ชิโนรส ชัยชนะแห่งพุทธะ ของวัดอัมพวัน และอื่นๆ อีกมากมาย 
 
                            หนึ่งในหนังสือที่อรรถนิติ ลาภากรณ์ วาดให้คือ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เขียนโดย สุรีย์ มีผลกิจ เล่มนี้ 
 
                            บิ๊ก เล่าว่า ป้าสุรีย์เพิ่งคืนสู่ธรรมชาติไปเมื่อวันวิสาขบูชา 13 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เวลา 6 โมงเช้า 9 นาที 
 
                            "ป้าสุรีย์เป็นคนที่มีเมตตา และน่ารักมากๆ คุณป้าทำงานหนังสือละเอียดอ่อนมาก และเรียบร้อยมาก เวลาป้าจะให้ผมวาดภาพประกอบจะมีลำดับมาเลยว่า วาดตรงไหนบ้าง แล้วจะส่งเนื้อหามาให้อ่านก่อน หน้านี้จะเป็นรูปอะไร แต่ท่านจะให้อิสระในการออกแบบและการวาดนะครับ และแทบไม่มีแก้เลยครับ น้อยมาก"
 
                            "งานของป้าสุรีย์ทุกเล่มมีคุณค่ามาก ผมวาดภาพประกอบให้คุณป้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไร เพราะได้ปวารณาไว้ตอนที่ได้พบกับคุณป้าตอนบวช เรียกว่า เป็นความเคารพท่าน และได้อ่านงานของท่านก่อนที่จะพบกับท่านด้วยซ้ำ"
 
                            นี่คืองานทางธรรมที่มีค่ามหาศาลยิ่งกว่าเงินจะมากำหนดได้ จากแสงเทียนแห่งธรรมที่ส่งต่อกันมาอย่างไม่ขาดสายที่อาจทำให้ชีวิตของใครบางเปลี่ยนไปในทางที่สงบเย็นเป็นประโยชน์มากขึ้นกับตนเองและสังคม   
 
 
-----------------------------
 
 
'พระพุทธศาสนา' กุญแจสำคัญในการถอดรหัสชีวิต!
 
 
 
\'ภาพสะท้อนธรรม\' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต
 
 
 
                            สุรีย์ มีผลกิจ เจ้าของผลงานหนังสือ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เล่มนี้ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ อรรถนิติ ลาภากรณ์ นักวาดภาพประกอบหนังสือปวารณาตัวช่วยงานโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ จากจิตที่ยิ่งใหญ่ของสุรีย์ มีที่มาอย่างไร  
 
                            ก่อนที่ท่านจะคืนสู่ธรรมชาติ ฉันได้มีโอกาสพบท่านครั้งหนึ่ง สุรีย์เล่าว่า จากจุดเริ่มต้นที่ลูกถามว่า คุณแม่พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ อะไรอีกหลายเรื่องที่ตอบไม่ได้เลย เพราะตอนนั้นยังไม่ได้สนใจพระพุทธศาสนา ก็คิดว่าต้องหาข้อมูลมาตอบลูกให้ได้ 
 
                            นี้เป็นจุดแรกที่ทำให้สุรีย์เริ่มค้นหาประวัติพระพุทธเจ้ามาตอบลูก จนกระทั่งกลายเป็นหนังสือเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า พุทธประวัติ ชาดก และหลักธรรมสำคัญจากพระไตรปิฎกที่ย่อยออกมาอ่านเข้าใจง่ายถึง 12 เล่ม  
 
                            ประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่สุรีย์เพียรทำงานหนักอันเกี่ยวเนื่องกับการค้นคว้าพระไตรปิฎกในช่วง 20 ปีให้หลังก็เพราะท่านพบว่า พระพุทธศาสนานี่แหละนอกจากประเด็นหลักคือ พาออกจากความทุกข์ทางใจแล้ว ยังเป็นหนทางที่จะออกทุกข์ทางกายด้วย ซึ่งในขณะนั้นท่านป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว 
 
                            สำหรับหนังสือ "พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า" เล่มนี้ ออกมาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตด้วยวัย 86 ปี เมื่อกลางปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ท่านทำหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายฝากไว้กับโลก ก็เพราะเพื่อยังประโยชน์แก่เด็กรุ่นหลัง เขาจะได้รู้ถูก เข้าใจถูก และทำถูกต่อไป เพราะเรื่องราวในพระพุทธศาสนานั้นไม่ใช่เป็นเพียงวรรณกรรมอ่านเล่น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการถอดรหัสชีวิต แก้ไขปัญหาชีวิต ที่สำคัญคือ แก้ปัญหาเรื่องจิตใจ ไปจนถึงพาใจให้พ้นทุกข์ได้ด้วย แม้ว่ากายจะเจ็บป่วยก็ตาม 
 
                            ดังที่สุรีย์กล่าวไว้ในคำปรารภของหนังสือ "สังสารวัฏ" ตอนหนึ่งว่า 
 
                            "ครั้งเมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นโค กระบือ แพะ แกะ เป็นเนื้อ เป็นสุกร เป็นไก่ เพราะวิบากกรรมของเธอผู้ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ มากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4...ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวที่พวกเธอจะเบื่อหน่ายในสังขาร พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะใคร่หลุดพ้นจากสังสารวัฏหรือไม่?"
 
                            สุรีย์บอกว่า พระพุทธโอวาทที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ยังความสลดใจให้บังเกิดขึ้นแก่ท่านเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อความชราแห่งสังขารมาเยือนให้ปรากฏในวัย 82 ปี ในขณะที่ทำหนังสือเล่มนี้ ก็ยิ่งทำให้ท่านเร่งรีบขวนขวายหาทางออก เพื่อให้พ้นจากสังสารวัฏมากขึ้น เพียรแสวงหาข้อมูลอันเป็นข้อปฏิบัติให้หลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะ แม้จะเป็นไม้ใกล้ฝั่งก็ตามที 
 
                            หลังจาก "สังสารวัฏ" ออกมาในปี 2553 อีก 4 ปีให้หลังท่านก็คืนสู่ธรรมชาติ ฝากผลงานเล่มสุดท้ายคือ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ที่ย่อยไว้อย่างงดงามไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ และเรื่องราวพุทธประวัติที่อ่านแล้วยิ่งเกิดความศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น อันจะเป็นกำลังในภาคปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่คลอนแคลน 
 
                            ก่อนที่ท่านจะสิ้น ฉันได้มีโอกาสพบท่าน ใบหน้าของป้าผ่องใสมาก ยังนึกถึงคำกล่าวที่ท่านได้พูดในวันนั้นว่า อายุขนาดนี้ ทำงานเพื่อประโยชน์ท่าน 20 กว่าปีแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาทำประโยชน์ตนบ้าง
 
                            "ประโยชน์ท่านก็คือ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลัง พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้รู้ถูก เข้าใจถูก และทำถูก เพราะข้อมูลที่นำมาเรียงร้อยเป็นหนังสือนี้ มาจากพระไตรปิฎกทั้งนั้น โดยที่ไม่ได้คัดลอกจากที่อื่นเลย ส่วนประโยชน์ตนก็คือ เขียนแล้วก็ทำมาปฏิบัติ ให้คิดดี ทำดี และพูดดี"
 
                            เพราะการศึกษาพระพุทธศาสนานั้น สุรีย์บอกว่ามีความสำคัญมากที่สุด และคนไทยควรศึกษามากที่สุด จะได้ไม่เป็นคนไทยแต่ในสำมะโนครัว แต่จะสามารถทำให้ คิดดี ทำดี พูดดี และผลที่ดีที่สุดในพระพุทธศาสนาคือ ทำให้พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏได้ด้วยพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า นั่นเอง
 
 
 
 
 
-----------------------------
 
(คุยนอกกรอบ : 'ภาพสะท้อนธรรม' แรงบันดาลใจแห่งชีวิต : โดย...มนสิกุล โอวาทเภสัชช์)