โจ๋คะนอง!โยนระเบิดไข่ก๊องใส่เต็นท์ตร.-ทหาร | คมชัดลึก

 

 

          วันที่ 7 พ.ย.57  ขณะที่ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.  พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รรท.ผบก.น.8 เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองอำนวยการร่วม “สะพานพุทธ” รักษาความสงบเรียบร้อยงานลอยกระทง ถนนพญาไม้ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. ซึ่งเป็นเต๊นท์กองอำนวยการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาลอยกระทงบริเวณใต้สะพานพุทธ จู่ๆ ได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นตกลงมาจากด้านบนสะพานสู่หลังคาเต๊นท์กองอำนวยการ จำนวน 1 ครั้ง สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอย่างมาก 

 

          จากนั้น พ.ต.ท.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส.สน.บุปผาราม พร้อมด้วย ร.ต.อ.อนันต์ สว่างอัมพร รอง สว.สส.สน.บุปผาราม ร.ต.อ.เสกสรรค์ ปะเทสังข์ รอง สว.สส.สน.บุปผาราม และเจ้าหน้าที่ทหารร้อย รส.ป.พัน.19 ซึ่งวางกำลังไว้โดยรอบอยู่แล้ว จึงได้ตรวจหาที่มาของเสียงด้านบนสะพาน พบชายวัยรุ่น 3 คน กำลังวิ่งหนีมุ่งหน้าไปทางตลาดพระเครื่องพญาไม้ ซึ่งอยู่ห่างไป 500 เมตร หลังจากโยนประทัดลงใส่เต็นท์กองอำนวยการ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถไล่กวดจับกุมไว้ได้ จำนวน 2 ราย ชื่อ นายธนวัฒน์ รัศมี อายุ 20 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาแผนกศิลปกรรม วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร

และ นายสุรศักดิ์ นาคสุริยะแสง อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้าง พร้อมของกลางกระเป๋าสะพายภายในบรรจุระเบิดไข่ก๊อง จำนวน 17 ลูก และไฟแช็ค 1 อัน จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่เต็นท์กองอำนวยการ 

 

          จากการสอบสวน นายธนวัฒน์ ให้การว่า ตนพร้อม นายสุรศักดิ์ และเพื่อนที่หลบหนีไปได้อีก 1 คน ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายกรณ์ อายุ 20 ปี ซื้อระเบิดไข่ก๊อง มาจากร้านขายประทัดย่านภูเขาทอง ก่อนจะเดินทางมาเที่ยวงานลอยกระทงที่สะพานพุทธ โดยระหว่างที่เดินเล่นอยู่บนสะพานนั้น จู่ๆ นายกรณ์ ก็จุดระเบิดไข่ก๊อง ลงมาสู่หลังคาเต็นท์ของตำรวจและทหาร จำนวน 1 ลูก จากนั้นชวนตนและ นายสุรศักดิ์ วิ่งหนีลงบันไดสวนกันกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารชุดแรกที่วิ่งขึ้นมาตรวจสอบหาตัวผู้ก่อเหตุ โดยระหว่างนั้น นายกรณ์ ยังแสดงความห้าวหาญและเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ว่า คนจุดอยู่ข้างบนวิ่งหนีไปอีกทาง โดยไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่อีกชุดอยู่ด้านล่างเห็นพฤติกรรมของพวกตนทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นตนและนายสุรศักดิ์ วิ่งไม่ไหวจึงหยุดยอมให้จับกุมแต่โดยดี แต่นายกรณ์  ซึ่งชำนาญพื้นที่และวิ่งเร็วมากเลยสามารถหนีการจับกุมไปได้แบบหวุดหวิด 

 

          ด้าน พ.ต.ท.ปราโมทย์ กล่าวว่า การก่อเหตุเย้ยกฎหมายของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ถือเป็นความผิดข้อหาจุดประทัดส่งเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ มีโทษถึงจำคุกเพราะไม่สามารถเปรียบเทียบปรับหรือประกันตัวในชั้นสอบสวนได้ เบื้องต้นจึงมอบตัว 2 ผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ก่อนพาตัวไปขึ้นศาลแขวงธนบุรีในช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ย.  นอกจากนั้นในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่กองอำนวยการร่วมยังสามารถคุมตัวผู้ต้องหาต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 8 คน เป็นชาย 4 คน และหญิง 4 คน ซึ่งไม่มีหนังสือเดินทางแฝงตัวมาเที่ยวงานลอยกระทงปะปนกับคนไทยจึงถูกส่งตัวดำเนินการตามกฎหมายด้วยเช่นกัน