ข่าว

ยกย่อง!ครอบครัว‘โจโกวี’สมถะ

ยกย่อง!ครอบครัว‘โจโกวี’สมถะ

04 พ.ย. 2557

ครอบครัว ‘โจโกวี’ ได้รับการยกย่องให้เป็นครอบครัวผู้นำที่สมถะที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
              4 พ.ย.57 ครอบครัววิโดโด้ หรือ ครอบครัวหมายเลข 1 ของอินโดนีเซีย ได้กลายเป็นครอบครัวของผู้นำที่เจียมเนื้อเจียมตัวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการที่นางไอเรียน่า วัย 51 ปี ไม่สนใจที่จะสวมเสื้อผ้าหรือใช้กระเป๋าของดีไซเนอร์ดัง ที่เป็นที่นิยมในหมู่สุภาพสตรีหมายเลข 1 จำนวนมาก และเลือกสวมแต่เสื้อสีพื้นกับกางเกงขายาวเท่านั้น ส่วนคาฮิยัง อายู ลูกสาววัย 23 ปี ก็ไปเข้าคิวใช้บริการของสถานพยาบาลของรัฐ ทำให้พวกเขากลายเป็นแบบอย่างของครอบครัวผู้นำที่สมถะในภูมิภาคที่ได้ชื่อว่า เต็มไปด้วยผู้นำและเครือญาตที่ละโมบและคอรัปชั่น
  
              บรรดาตระกูลที่ได้ปกครองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างไม่ยอมใช้ชีวิตแบบสมถะกันเลย ตั้งแต่ลูกๆ ของอดีตผู้นำเผด็จการซูฮาร์โต ไปจนถึงภรรยาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ไปจนถึงสมาชิกพระราชวงศ์บรูไน ในทางกลับกันภรรยากับลูกสาวและลูกชาย 2 คน ของประธานาธิบดีวิโดโด หรือที่รู้จักกันในชื่อ โจโกวี ต่างทำตัวเรียบง่ายและติดดิน และเป็นตัวแทนของคนชั้นกลางที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แทนที่จะไปอยู่กลุ่มชนชั้นที่ประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึง 
 
              เพื่อนของโจโกวี ที่ช่วยเขาหาเสียงเลือกตั้งและรู้จักครอบครัวนี้มานานนับสิบปี บอกว่า แม้ว่าเขาจะเป็นประธานาธิบดีแล้ว แต่พวกเขายังคงใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป ประธานาธิบดีวัย 53 ปีคนนี้ ยังคงทำตัวเหมือนเดิม เขาเป็นคนแรกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกอภิสิทธิ์ชนในวงการการเมืองและกองทัพ แต่มีภูมิหลังที่เรียบง่าย และให้คำมั่นว่าจะปกครองประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดอย่างขาวสะอาด
 
              บรรดาลูกๆ ของอดีตประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ก็เคยตกอยู่ในกระแสความขัดแย้งเช่นกัน จากการที่ลูกชายคนหนึ่งของเขา ต้องปกป้องตนเองให้พ้นจากข้อกล่าวหาคอรัปชั่น แต่ดูเหมือน ลูกๆ ของอดีตจอมเผด็จการซูฮาร์โต จะปลุกกระแสความไม่พอใจของสาธารณชนได้มากที่สุด ลูกทั้ง 6 คน ของซูฮาร์โต ถูกกล่าวหาว่ากอบโกยความมั่งคั่ง จากการได้สิทธิพิเศษในการเข้าถึงธุรกิจที่มีผลกำไร ในช่วง 3 ทศวรรษที่เขาปกครองประเทศ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ก่อนจะถูกโค่นอำนาจเพราะวิกฤติการเงินในเอเชีย เมื่อปี 2541 ส่วนลูกที่สร้างกระแสขัดแย้งมากที่สุดคือ ฮูโตโม มันดาลา ปุตรา หรือ ทอมมี่ บุตรชายคนเล็กที่ได้รับฉายาว่า เพลย์บอย ชอบรถหรู และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ในความผิดฐานจ้างนักเลงไปฆ่าผู้พิพากษาที่ตัดสินจำคุกเขาในคดีคอรัปชั่น ก่อนจะได้รับอิสรภาพในปี 2549
 
              แต่สำหรับลูกชายคนโตของโจโกวี เขามีธุรกิจจัดอาหารในงานเลี้ยง ที่บ้านเกิดของครอบครัวในเมืองโซโล บนเกาะชวา และขับรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า ตอนที่ครอบตัวต้องย้ายไปพักที่กรุงจาการ์ตาล่วงหน้าหลายวัน ก่อนที่โจโกวี่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ตุลาคม เขาไม่ได้ตามไปด้วย เพราะติดงานและตามไปในหนึ่งวันก่อนถึงพิธีสาบานตนของบิดา เขาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ว่า เขาจะสามารถออกจากเมืองได้ ก็ต่อเมื่อเสร็จงานแล้วเท่านั้น
 
              ส่วนลูกสาวคือ คาฮิยัง อายู มีรายงานว่า เธอได้รับบาดเจ็บที่มือ แต่ยืนยันว่าจะไปใช้บริการของศูนย์อนามัยชุมชน แทนที่จะไปคลีนิคเอกชนที่ราคาแพง และอดทนรอจนได้พบแพทย์ ส่วนบุตรชายคนเล็กวัย 17 ปี คือ แคซัง ปันกาเรป เป็นคนที่เปิดเผยชีวิตส่วนตัวของครอบครัว ด้วยการบอกเล่าเรื่องที่บิดาของเขาชอบทำเรื่องตลก และความวิตกว่าจะสวมชุดอะไรไปโรงเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตธรรมดาสามัญแบบชนชั้นกลาง
 
              ครอบครัวของโจโกวี ไม่ได้ยากจน เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่แสดงให้เห็นก็คือเรื่องการศึกษาของลูกๆ ลูกชายสองคนถูกส่งไปเรียนโรงเรียนไฮสกูลในสิงคโปร์ ขณะที่ลูกชายคนโตได้ศึกษาบิสสิเนสส์ คอร์ส ทั้งที่สิงคโปร์และออสเตรเลีย แต่แม้ว่าจะส่งไปเรียนถึงสิงคโปร์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สปอยล์ลูกๆ แต่อย่างใด
 
              ลูกชายคนเล็ก เขียนเล่าในบล็อกตอนที่อยู่สิงคโปร์ว่า ไม่ค่อยใช้บริการรถไฟใต้ดิน หรือ MRT เนื่องจากราคาแพงกว่ารถประจำทาง และแม่ก็ไม่ยอมเพิ่มเงินให้ โดยบอกว่า ไม่ควรมีเงินติดตัวมากเกินไป จะได้เข้าใจถึงความลำบากในการใช้ชีวิตในประเทศอื่น
 
              ในขณะที่ครอบครัวของโจโกวี ได้รับการยกย่องจากสาธารณชนและสื่อมวลชนส่วนใหญ่ แต่ยังคงเร็วเกินไป และมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นไปเสียหมด เพราะลูกชายคนโต เพิ่งโดนวิพากษ์วิจารณ์ที่ตอบคำถามแบบใส่อารมณ์ต่อผู้สื่อข่าวในประเด็นที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ไปช่วยหาบิดาหาเสียง ซึ่งผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่ง บอกว่า ผู้ชายคนนี้อ่อนไหวเกินไป ไม่เหมือนบิดาของเขา
 
 
 
 
-----------------------------------------
 
 
(ภาพ : AFP)