ข่าว

เคาะลีฟะฮ์ : โลกมุสลิม

เคาะลีฟะฮ์ : โลกมุสลิม

31 ต.ค. 2557

เคาะลีฟะฮ์ : โลกมุสลิม โดยศราวุฒิ อารีย์

               การประกาศตนเป็น ‘เคาะลีฟะฮ์’ ของนายอบูบักร อัล-บัฆดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรียเมื่อหลายเดือนก่อน ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกมุสลิมไม่น้อย เพราะในทางหนึ่งถือเป็นการท้าทายอำนาจของเหล่าผู้นำมุสลิมโลกทั้งหลาย ขณะที่ในอีกทางหนึ่งก็ทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างหลากหลายของชาวมุสลิมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

               หลายคนที่ไม่ใช่มุสลิมหรือไม่มีความรู้ในประวัติศาสตร์อิสลามก็เกิดข้อสงสัยว่า อะไรคือความหมายของคำว่า ‘เคาะลีฟะฮ์’ มันมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีนัยต่อสถานการณ์ในโลกมุสลิมอย่างไร?

               เรียนรับใช้อย่างนี้ครับว่า คำนี้เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง ‘ตัวแทน’ หรือ ‘ผู้มีอำนาจปกครอง’ ถ้าเราไปตรวจดูในอัล-กุรอาน ซึ่งเป็นธรรมนูญชีวิตของมุสลิม ก็จะพบคำนี้อยู่ แต่ถูกอธิบายในบริบทของการสร้างศาสดาอาดำ ผู้เป็นมนุษย์คนแรกของโลก โองการในอัล-กุรอานกล่าวว่า “และจงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าได้กล่าวแก่บรรดามลาอิกะฮ์ว่า แท้จริง ฉันจะให้มีเคาะลีฟะฮ์ขึ้นมาบนหน้าแผ่นดิน” (กุรอาน 2:30)

               จากเรื่องราวการสร้างศาสดาอาดำ ทำให้ชาวมุสลิมศรัทธาว่ามนุษย์ไม่ได้กำเนิดขึ้นมาอย่างไร้สาระ หรือไม่มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต แต่มนุษย์ถูกกำหนดให้เป็น ‘ตัวแทน’ (เคาะลีฟะฮ์) ของพระเจ้าบนหน้าแผ่นดิน การเป็นตัวแทนนี้ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะเป็นพระเจ้าแทนพระองค์ แต่หมายถึงการเป็นตัวแทนของพระเจ้าเพื่อทำหน้าที่ดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตามความสามารถในด้านต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้แต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้มนุษย์ได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

               ขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า มนุษย์ก็จะต้องใช้อำนาจและความสามารถ ตลอดจนทรัพยากรต่างๆ ตามขอบเขตกฎหมายที่พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดเอาไว้ ไม่ใช่เอาไปใช้จนเกินเลยขอบเขต ละเมิดสิทธิสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

               อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากนัยทางการเมืองของโลกมุสลิม คำว่า ‘เคาะลีฟะฮ์’ ก็อาจหมายถึงประมุขหรือหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนในการนำกฎหมายของพระผู้เป็นเจ้ามาปฏิบัติใช้ เช่น กฎหมายอิสลามให้อำนาจเคาะลีฟะฮ์แต่เพียงผู้เดียวในการประกาศญิฮาด (การทำสงครามต่อต้านการรุกรานประชาคมมุสลิม) เป็นต้น

               ยุคหลังศาสดามุฮัมมัด คำว่าเคาะลีฟะฮ์ถูกนำไปใช้เป็นตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประชาชาติอิสลาม ผู้นำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขว้างในโลกมุสลิม ซึ่งถือเป็นเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรมคือ เคาะลีฟะฮ์อบูบักร (ค.ศ. 632-634) เคาะลีฟะฮ์อุมัร 634-644 เคาะลีฟะฮ์อุสมาน (644-656) และเคาะลีฟะฮ์อาลี (656-661) ทั้งหมดนี้ถือเป็นผู้นำต้นแบบที่มีคุณลักษณะที่เป็นคนมีศรัทธามั่น จิตใจโอบอ้อมอารี และมีความยุติธรรมในการปกครอง

               แม้จะพ้นยุคเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรมทั้ง 4 ไปแล้ว โลกมุสลิมในยุคอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ราชวงศ์อับบาสิยะฮ์ ราชวงศ์ฟาติมียะฮ์ ฯลฯ ก็ยังคงใช้คำว่าเคาะลีฟะฮ์สำหรับตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดต่อมาอีกเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งถึงการล่มสลายของอาณาจักรออตโตมานในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ที่ทำให้ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ต้องถูกยุบเลิกตามไปด้วย

               นับจากนั้นมา โลกมุสลิมในภาคส่วนต่างๆ ก็พยายามฟื้นฟูระบอบเคาะลีฟะฮ์ขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จ และยังไม่เคยมีใครกล้าเรียกตนเองว่าเป็นเคาะลีฟะฮ์อีกเลย จนกระทั่งเกิดกลุ่มที่เรียกว่ารัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรียขึ้นมา

               แต่เคาะลีฟะฮ์ในศตวรรษ 21 ที่เกิดขึ้นใหม่นี้ กลับกลายเป็นตัวแทนของความโหดร้ายรุนแรง ที่โลกมุสลิมส่วนใหญ่ต่างไม่ยอมรับ ถือเป็นการอ้างตนที่ไม่สอดคล้องกับหลักการอิสลาม แตกต่างห่างไกลกับเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรมรุ่นแรกที่โลกมุสลิมต่างโหยหา