ข่าว

‘โจโกวี’สาบานตนเป็นปธน.คนที่7ของอินโดฯ

‘โจโกวี’สาบานตนเป็นปธน.คนที่7ของอินโดฯ

20 ต.ค. 2557

"โจโก วิโดโด้" หรือ "โจโกวี" สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียแล้วในเที่ยงวันนี้ หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งที่ดุเดือดและสูสีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือ

 
 
          นายโจโกวี วัย 53 ปี อดีตผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา สาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 7  แล้วที่อาคารรัฐสภาเมื่อเวลา 10.12 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 12.12 ตามเวลาไทยโดยมีผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน เช่น นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ของออสเตรเลีย และนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ  
 
          เขากล่าวหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนว่า การสร้างชาติให้มั่งคั่งและสันติสุขได้ เราจะต้องรักษาจิตวิญญาณของมหาสมุทร และในฐานะผู้นำรัฐนาวา เขาขอให้ชาวอินโดนีเซียร่วมลงเรือลำเดียวกับเขา เพื่อเดินทางสู่ความมั่งคั่งของชาติ โดยเขากล่าวย้ำถึงความสำคัญของทรัพยกรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศ และเตรียมตั้งตำแหน่งใหม่ในรัฐบาล คือ รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 
          นอกจากนี้เขาและรองประธานาธิบดียูซุฟ คัลลา มีกำหนดร่วมขบวนแห่ด้วยรถม้าไปยังอนุสาวรีย์เพื่อร่วมงานฉลอง ที่จะมีการแสดงดนตรีในช่วงค่ำวันนี้ และโจโกวีจะไปปรากฏตัวบนเวทีคอนเสิร์ตด้วย
 
          ก่อนหน้านั้นโจโกวี กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงเช้าก่อนเดินทางไปที่อาคารรัฐสภาว่า เขาจะเริ่มทำงานทันทีในวันพรุ่งนี้ โดยจะพบกับผู้นำต่างชาติและผู้นำเหล่าทัพ นอกจากนี้เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามถึงการเตรียมความพร้อมเข้ารับตำแหน่ง เขาบอกว่า ได้เข้าพบประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ที่ทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวาน และประธานาธิบดีได้พาเข้าชมห้องพักที่จัดเตรียมไว้สำหรับเขาและครอบครัว 
 
          โจโกวีชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค. หลังเผชิญการเลือกตั้งที่ดุเดือดสูสีที่สุดจนถึงขั้นคู่แข่งฟ้องร้องในศาลเรื่องการโกงคะแนนเลือกตั้ง ทำให้เกิดความวิตกว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการดำรงตำแหน่งของเขา แต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายพล ปราโบโว่ สุเบียนโต้ คู่แข่งที่ผิดหวัง ได้พบกับโจโกวี่เป็นครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง พร้อมกับแสดงความยินดีและขอให้พรรคและผู้สนับสนุนของเขาสนับสนุนโจโกวี่ด้วย ซึ่งสร้างความยินดีให้กับทุกฝ่าย 
 
          โจโกวีเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางทหารและการเมือง และมาจากครอบครัวชนชั้นรากหญ้า รวมทั้งเป็นความหวังให้กับชาวอินโดนีเซียที่อยากเห็นการปฏิรูปประเทศ