
หลากมุมมองผ่านศาสตร์แห่งพระราชา
20 ต.ค. 2557
หลากมุมมองผ่านศาสตร์แห่งพระราชา : ไลฟ์สไตล์
บางครั้งระยะทางและการสื่อสารอาจเป็นอุปสรรคให้ผู้ที่อยู่จุดหนึ่งไม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจคนอีกฟากได้อย่างถ่องแท้ นั่นเองสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงร่วมมือกับบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด และเครือข่ายนิเทศศาสตร์ จัดโครงการจิตอาสาพัฒนาเต่างอย จ.สกลนคร พาตัวแทนนักศึกษาจาก 9 สถาบัน ไปทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริ ตลอดจนเยี่ยมชมโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ และทราบถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แล้วถ่ายทอดเรื่องราวให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้ในวงกว้างผ่านกิจกรรมประกวดภาพถ่าย และจัดทำหนังสือรูปภาพ "ศาสตร์แห่งพระราชา : โรงงานหลวงฯ เพื่อปวงชน" โดยแถลงข่าวเปิดตัวไปแล้วที่อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน บ่ายวันก่อน
โอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก เชาวน์ ณศีลวันต์ องคมนตรี ไปเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ โดยมี พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้แทนพิเศษสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวรายงานและเล่าถึงที่มาของแนวคิด "ศาสตร์แห่งพระราชา" และ "การนำมาขยายผลในโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย)" ว่า ในช่วงปี 2516 มีการพยายามแก้ปัญหาลัทธิความเชื่อการเมือง โรงงานนี้ตั้งขึ้นในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของคนที่มีความเชื่อทางการเมืองฝ่ายหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างโรงงานเพื่อให้เกษตรกรนำผลผลิตมาขาย ทำให้มีรายได้ไปจุนเจือครอบครัวยามว่างเว้นจากการทำนา นับเป็นอาวุธอย่างหนึ่งในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยมีรับสั่งว่า ตอนทรงสำเร็จการศึกษาใหม่ๆ ในหลวงได้ส่งไปทำงานที่นี่เป็นที่แรก...นับจากนั้นเราจึงมีการปรับปรุงโรงงานโดยสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกมะเขือเทศ เพราะเป็นพืชทนแล้ง นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับโครงการศาสตร์แห่งพระราชานี้ เป็นการนำเสนอแง่มุมการถ่ายภาพ มีการหารือกันว่าจะเอาเด็กจากกรุงเทพฯ ไปเรียนรู้สังคมต่างจังหวัด อยากสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ประกอบกับมีการคุยกับศิลปินแห่งชาติด้านการถ่ายภาพ ขอว่าให้เด็กๆ สมัครใจไปเอง ไปคลุกคลีกับชาวบ้าน นำเสนอความเป็นเต่างอย ให้ความคิดของคนใน 2 ระดับการศึกษาและความเป็นอยู่มองร่วมกันผ่านภาพถ่าย" โตโผจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เผย
สำหรับภาพถ่ายแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อได้แก่ ธรรมชาติและการท่องเที่ยว, โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย), วัฒนธรรมและวิถีเกษตร และวิถีชีวิตชุมชน ให้น้องๆ จาก ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร, ม.เชียงใหม่, ม.สยาม, ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ,ม.ราชภัฏสกลนคร, ม.เกษมบัณฑิต, ม.ศรีปทุม, ม.ธุรกิจบัณฑิต และ ม.รังสิต ได้ขับคิดแล้วสร้างสรรค์เป็นภาพสวยๆ ซึ่ง เกษนภา แสนมงคล นักศึกษาปี 3 คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ เจ้าของรางวัลชนะเลิศจากภาพชื่อ "หนทาง" ประเภทวัฒนธรรมและวิถีเกษตร เล่าแรงบันดาลใจว่า เห็นคุณยายวัย 72 ปีกำลังหอบกล้าไปดำนำจึงเกิดความรู้สึกว่าคนชนบทมีความขยันและอดทนสูงทั้งที่วัยขนาดนี้ควรได้พักผ่อน แต่คุณยายก็ไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อนเลย กลับกันดูมีความสุขด้วยซ้ำ และเมื่อมองภาพรวมของชุนชนรอบโรงงานก็พบว่าครอบครัวอบอุ่นดีเพราะมีงานทำที่บ้าน ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานเข้าเมืองหลวง
ด้าน สมชาติ แจ้งจิต นักศึกษาปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ ม.ศรีปทุม ตัวแทนทีมเพื่อนๆ อีก 2 คน คว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) จากภาพชื่อ "ประคับประคอง" เล่าว่า ภาพนี้ถ่ายขึ้นขณะเห็นชาวบ้านคัดแยกต้นกล้ามะเขือเทศเพื่อนำไปปลูก ต้นกล้าในมือคือความตั้งใจที่มาพร้อมองค์ความรู้และงานวิจัย นอกจากนี้ตลอด 5 วันที่เข้าแคมป์ได้เรียนรู้วิถีชีวิต การกินอยู่อย่างพอเพียง ถ้าทิ้งโลกวัตถุแล้วมาอยู่ที่นี่ก็อยู่ได้สบายๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรีชาสามารถและมองการณ์ไกล ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ โดยจะจัดยาวไปจนถึง 31 ตุลาคมนี้