
พังทองดีช้างไทยในซิดนีย์ตกลูกเตรียมประกวดตั้งชื่อ
พังทองดี ช้างไทยในซิดนีย์ตกลูกแล้ว แม่ลูกปลอดภัยดี สวนสัตว์ทารองก้าจับมือกงสุลไทย จัดกิจกรรมส่งประกวดตั้งชื่อลูกช้างน้อย รับขวัญทายาทช้างเอเชียเชือกแรกบนแผ่นดินออสซี่ สั่งอายัดช้างสีดอนำโชคหวั่นซ้ำรอยพังกาญจนา
นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ กงสุลใหญ่ไทย ณ นครซิดนีย์ ให้สัมภาษณ์จากนครซิดนีย์ว่า ในช่วงเช้าของวานนี้ (4 ก.ค.) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ได้รับรายงานจากสวนสัตว์ทารองก้าในนครซิดนีย์ ว่าช้างทองดี ซึ่งเป็นช้างไทยที่ได้มอบให้กับออสเตรเลีย ภายใต้ MOA เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนในการอนุรักษ์สัตว์ป่า การดูแลความเป็นอยู่ของช้างและการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างสวนสัตว์ไทยกับสวนสัตว์ออสเตรเลีย ซึ่งช้างทองดีตั้งท้องอยู่นั้น ได้คลอดลูกช้างเพศผู้เมื่อเวลาประมาณ 3.30 น.ของวันที่ 4 กรกฎาคม และพบว่าลูกช้างมีสุขภาพแข็งแรงดี ขณะนี้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับแม่และช้างไทยเพศเมียอีก 3 เชือก
นายเกียรติคุณ กล่าวอีกว่า สถานกงสุลใหญ่ ได้หารือกับสวนสัตว์เกี่ยวกับการกิจกรรมที่จะจัดร่วมกันในโอกาสที่ลูกช้างเกิดในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับไทยและออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นลูกช้างเอเชียเชือกแรกที่เกิดบนแผ่นดินของทวีปออสเตรเลีย โดยได้เตรียมกิจกรรมไว้ด้วยกัน 2 กิจกรรม ประกอบด้วย การแข่งขันประกวดตั้งชื่อลูกช้าง ซึ่งจะมีรางวัลสำหรับผู้ชนะเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับซิดนีย์ กรุงเทพ เชียงใหม่ รวมทั้งแพ็คเก็จเที่ยวเชียงใหม่และกรุงเทพ พร้อมที่พัก และที่พิเศษสุดคือแพ็คเก็จค้างคืนแบบ home stay ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยที่จังหวัดลำปาง พร้อมเข้าหลักสูตรสองวันฝึกเป็นควานช้างด้วย รางวัลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากบริษัทการบินไทยและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ และสวนสัตว์ได้เตรียมจัดพิธีทำบุญรับขวัญลูกช้าง โดยจะนิมนต์พระสงฆ์ไทยในซิดนีย์มาสวดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับลูกช้าง โดยจะใช้พื้นที่ในบริเวณศาลาไทยซึ่งรัฐบาลไทยได้สร้างให้สวนสัตว์
ทารองก้าเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ฯ มีนัดหมายที่จะเข้าพบกับผู้อำนวยการสวนสัตว์ในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เพื่อแสดงความยินดี และหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดกิจกรรม Thai Festival ในบริเวณสวนสัตว์ ซึ่งอาจจัดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 กรกฎาคม นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางเยือนนครซิดนีย์ เพื่อพบปะและสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยกับนักธุรกิจที่สนใจทำการค้าและลงทุนในประเทศไทย นายกษิตจะเข้าเยี่ยมชมสวนสัตว์ทารองก้า เพื่อเยี่ยมช้างไทยและลูกช้างแรกเกิดด้วย
มีรายงานว่า ในขณะนี้ ทางสวนสัตว์ยังไม่เปิดให้ประชาชนเข้าชมลูกช้าง เนื่องจากต้องการให้แม่ช้างและช้างเชือกอื่น ได้ปรับตัวเข้ากับลูกช้างซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติก่อน จากนั้นจึงจะเปิดให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าชมต่อไป
สำหรับการแลกเปลี่ยนช้างไทยดังกล่าว เป็นการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงสิ่งแวดล้อมและมรดกด้านทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของออสเตรเลียได้จัดทำ MOA เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนในการอนุรักษ์สัตว์ป่า การดูแลความเป็นอยู่ของช้างและการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างสวนสัตว์ไทยกับสวนสัตว์ออสเตรเลีย รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ บุคลากร การส่งเสริมความรู้และการให้การศึกษาเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่าและวัฒนธรรม วิทยาการในการเลี้ยงดูและการดูแลความเป็นอยู่ของสัตว์ในกรงเลี้ยง ซึ่งภายใต้ MOA ดังกล่าว ฝ่ายไทยได้จัดส่งช้างให้ออสเตรเลีย 8 เชือก โดยอยู่ที่สวนสัตว์ทารองก้าในนครซิดนีย์ 5 เชือก เป็นช้างเพศผู้ 1 เชือก และช้างเพศเมีย 4 เชือก โดยได้เริ่มเปิดให้ประชาชนเข้าชมช้างไทยมาตั้งแต่ต้นปี 2549
สถานกงสุลใหญ่ฯ มีความร่วมมือและประสานงานกับสวนสัตว์ทารองก้าอย่างใกล้ชิด และได้ตรวจเยี่ยมสภาพความเป็นอยู่ของช้างไทยอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาช้างไทยทั้ง 5 เชือก ได้แก่กุ้ง แตงโม ทองดี ผักบุ้ง และพรทิพย์ มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง โดยสวนสัตว์ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบถ้วนเพื่อให้ช้างมีสภาพความเป็นอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกับประเทศไทยมากที่สุด อาทิ การสร้างโรงช้างที่มีหลังคาและเครื่องทำความร้อน การสร้างน้ำตกและสระน้ำที่มีการปรับอุณหภูมิให้อุ่นอยู่ตลอดเวลา มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มีการอาบน้ำให้ช้างทุกวัน รวมทั้งมีการสั่งซื้อพืชและผลไม้ที่เป็นอาหารตามธรรมชาติของช้างมาจากรัฐอื่นๆ ด้วย โดยในแต่ละปีสวนสัตว์ต้องใช้งบประมาณในการดูแลเลี้ยงดูช้างถึง 100,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เชือก หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.8 ล้านบาท/เชือก/ปี
การขยายพันธุ์ช้างถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าซึ่งสวนสัตว์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการผสมพันธุ์ช้างไทยจนคลอดลูกช้างสำเร็จตามที่เป็นข่าว ช้างเพศเมียที่คลอดลูกในครั้งนี้คือช้างพัง “ทองดี” ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสวนสัตว์ได้ตรวจดูอาการของช้างทองดีมากอย่างใกล้ชิดมาตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์
สั่งอายัดช้างสีดอนำโชคหวั่นซ้ำรอยพังกาญจนา
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ก.ค. 2552 นายทัศเนศวร์ เพชรคง หน.เขตรักษ์ษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พร้อมคณะ ได้รับมอบหมายจาก นายเอิบ เชิงสะอาด ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 (บ้านโป่ง) จ.ราชบุรี ให้เดินทางไปที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี บ้านพัก ช.ช้างชรา บ้านหนองหอย หมู่ 4 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อทำการอายัดช้าง สีดอนำโชค เพศผู้ อายุ 9 ปี คาดเป็นช้างป่าถูกสวมตัวรูปพรรณ
นายทัศเนศวร์ เพชรคง หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ กรมปศุสัตว์ นายแดนชัย นุใหม่ สัตวแพทย์ชำนาญการ ให้อายัดช้าง สีดอนำโชค เพศผู้ อายุ 9 ปี ซึ่งช้างตัวดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ กรมปศุสัตว์เข้าดำเนินการจับกุมช้างเร่ร่อนในเขต กทม. เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งช้างตัวดังกล่าว มาทำการตรวจโรคที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี บ้านพัก ช.ช้างชรา เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้ดำเนินคดีกับเจ้าของช้างในข้อหา เคลื่อนย้ายเข้ามาในเขต กทม.โดยได้รับอนุญาต
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติของช้างสีดอนำโชคจากเจ้าของช้าง คือนาย หลอด มะลิหวล เป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ ปรากฏว่า ไม่สามารถนำเอกสารและหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับบัตรตั๋วพิมพ์รูปพรรณ และไม่มีประวัติของพ่อและแม่ช้างตัวดังกล่าวมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ได้ พบเพียงไมโครชิพ ที่ฝังไว้ที่ใบหูด้านซ้ายของช้าง ซึ่งเป็นฐานข้อมูลของกรมปศุสัตว์เท่านั้น
ทั้งนี้ นายหลอด ได้อ้างเพียงว่า ได้ซื้อช้างตัวดังกล่าวมาจากเจ้าของเดิมในราคา 575,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารใบซื้อขาย พบว่า ซื้อมาในราคา 200,000 บาท ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกเพื่ออายัดช้างตัวดังกล่าวไว้ตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล หน.กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกายจนบุรี กล่าวว่า ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี หรือ บ้านพัก ช.ช้างชรา ขณะนี้ มีช้างอยู่ทั้งหมด 6 เชือก คือ พังคำมูล อายุ 58 ปี พังมาลี อายุ 38 ปี พังสมบูรญ์ อายุ 54 ปี พังสงกรานต์ อายุ 48 ปี พังอรอนงค์ อายุ 57 ปี และ สีดอนำโชค อายุ 9 ปี ส่วน สีดอ นำโชค ได้ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษ์ษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อายัดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ ว่าเป็นช้างป่าหรือช้างบ้าน เนื่องจากเจ้าของช้างไม่สามารถนำหลักฐานหรือเอกสารใดๆมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นช้างป่าที่เจ้าของช้าง นำมาสวมตั๋วบัตรรูปพรรณ เพื่อตบตาการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็เป็นได้
สำหรับบทลงโทษ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นช้างป่า ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท และทางปศุสัตว์ที่มีหน้าที่รักษาและดูแลสุขภาพช้างให้มีสุขภาพแข็งแรง ก็สามารถดูแลได้ไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นก็จะต้องส่งคืนเจ้าของเดิม แต่ถ้าหากพบว่าช้างตัวไหนเจ้าหน้าที่สงสัยว่าอาจจะเป็นช้างป่า เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็จะแจ้งไปยัง ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 (บ้านโป่ง) จ.ราชบุรี ให้มาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในการดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค.2552 ที่ผ่านมานั้น นายบุญธรรม ศาลางาม อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้ไปซื้อช้างป่ามาจากขบวนการค้าช้างป่า ชื่อ พังกาญจนา ซึ่งเป็นช้างตัวเมีย และถูกขบวนการค้าช้างทรมานด้วยการทุบตี จนได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ขาซ้ายด้านหลังหักงอ ตามลำตัวถูกตี มีบาดแผลฉกรรจ์ไปทั่วร่างกาย จากนั้น นายบุญธรรม ได้นำช้างตัวดังกล่าวมารักษาอาการบาดเจ็บที่ โรงพยาบาลสัตว์และสัตว์ป่า อ.ไทรโยค แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายบุญธรรม เนื่องจากช้างตัวดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่า เป็นช้างป่าจริง ซึ่งปัจจุบัน ช้างพังกาญจนา ตั้งท้องได้ประมาณ 7-8 เดือน และยังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่ โรงพยาบาลสัตว์และสัตว์ป่า อ.ไทรโยค จนอาการเกือบหายเป็นปกติแล้ว



