
น้ำท่วมสุราษฎร์ฯส่อเค้าหนักอีกระลอก
15 ต.ค. 2557
น้ำท่วมสุราษฎร์ฯส่อเค้าหนักอีกระลอก หลังฝนตกเพิ่ม จังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติ 6 ตำบล
15 ต.ค.57 ความคืบหน้าน้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะที่ อ.พระแสง หลายพื้นที่ระดับ น้ำเริ่มท่วมสูงอีกระลอก เนื่องจากมีปริมาณฝนตกเพิ่มตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนถึงช่วงเช้า ทำให้ชาวบ้านยังต้องประสบภาวะน้ำท่วมเพิ่มอีกหลายวัน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านบางหยด ม.8 ต.อิปัน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ชาวบ้าน 120 ครัวเรือน ยังใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก น้ำท่วมสูงบางพื้นที่ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตรชาวบ้าน ชาวบ้านบางส่วนยังต้องอพยพมาอาศัยศาลาอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้านชั่วคราวกว่า 1 สัปดาห์ แล้ว
โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่าขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มบางพื้นที่เพิ่มขึ้นรวม 2 อำเภอ 7 ตำบล 35 หมู่บ้าน 517 ครัวเรือนประกอบด้วย อ.พระแสง 6 ตำบล 32 หมู่บ้าน 382 ครัวเรือน และ อ.ชัยบุรี 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน 25 ครัวเรือน มีถนนเสียหาย 19 สาย สะพาน 1 แห่ง พืชไร่ 600 ไร่ พืชสวน 10,850 ไร่ บ่อปลา 60 บ่อ
สำหรับการช่วยเหลือ มีหน่วยงานราชการเข้าช่วยเหลือประกอบด้วยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี กำลังทหารพัฒนา หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ (นพค.46) พร้อมเรือท้องแบน18 ลำ และกำลังพลได้ร่วมกันแจกจ่ายน้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน ข้าวสารอาหารแห้ง 360 ชุด และช่วยยกของไว้ในที่สูง ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ ขณะนี้ในหลายพื้นที่ มีฝนตกเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีกส่วนบริเวณ ด้านปลายน้ำพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำตาปี ที่น้ำไหลผ่าน อ.บ้านนาเดิม อ.เคียนซา และ อ.พุนพิน ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานีได้ย้ำเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมในการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย
ด้านนายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ด้วยได้เกิดเหตุภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน โดยเกิดเหตุอุทกภัย เนื่องจากมีร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ ขณะที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงเป็นช่วงๆ โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2557 จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่อำเภอพระแสง ได้แก่ หมู่ที่ 1 , 2 , 5 , 7 , 8 และหมู่ที่ 10 ต.อิปัน หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 ,5 , 6 และหมู่ที่ 10 ต.ไทรขึง หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 และหมู่ที่ 7 ต.ไทรโสภา หมู่ที่ 1, 3 , 4 , 5, 6 , 7 , 8 และหมู่ที่ 10 ต.สินปุน หมู่ที่ 1, 2 , 3 , 4 , 5 และหมู่ที่ 6 ต.บางสวรรค์ หมู่ที่ 1, 2 และหมู่ที่ 4 ต.สาคู ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน พื้นที่ทางการเกษตร และสิ่งสาธารณประโยชน์ และภัยพิบัติดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลง
"ดังนั้น อาศัยอำนาจตามข้อ 10 วรรคท้าย ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556 ทางจังหวัดฯ จึงประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วน " นายวงศศิริ กล่าว
สงขลา - เรือประมงเล็ก-ใหญ่กลับเข้าฝั่ง หลังคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง
วันนี้ 15 ต.ค. ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้ออกประกาศเตือนเรื่องฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงในอ่าวไทย เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเกือบทั่วไป และมีฝนหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที เสียงภัยของจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและปริมาณฝนตกสะสมในระหว่างวันที 15 -16 ตุลาคม 2557 สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ในขณะเดียวกัน บริเวณท่าเทียบเรือประมงใหม่ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา เรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมทั้งเรือขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำเดินทาง กลับเข้าฝั่งเทียบท่าเรือที่จังหวัดสงขลา หลังจากมีประกาศเตือนจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก และขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำส่งแพปลาและส่งโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ พร้อมหยุดทำการประมงและนำเรือเข้าจอดที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่สงขลา ไม่กล้าเสี่ยงกับคลื่นที่สูง 2-3 เมตร เกรงว่าจะเกิดอันตรายถูกคลื่นซัดเรือจมได้
น.ส.พะเยาว์ เมืองงาม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศเตือนในเรื่องสภาพอากาศฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในอ่าวไทยวันนี้เป็นฉบับที่ 7 เพื่อให้ชาวประมงได้ระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงนี้ คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง เนื่องจากภาคใต้ฝั่งตะวันออกเข้าสู่ฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว
เลย - เลยแล้งหนักพืชไร่นาข้าวแห้งตาย
เมื่อวันที่ 15 ต.ค.57 สภาวะลมฟ้าอากาศในพื้นที่ จ.เลย ในช่วงนี้ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนได้บางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และจะมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า จึงขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ไว้ด้วย ด้วยเหตุจากกฝนหยุดตกหรือหากตกลงมาก็มีปริมาณเพียงเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นบริเวณกว้างหลายอำเภอ หลายตำบลและหมู่บ้าน จึงส่งผลให้อากาศเริ่มเย็นและหนาวลงแล้วและมาเร็วกว่าทุกปี นั้นคืออาจจะหนาวเย็นมากและหนาวยาวนานเหมือนปีที่ผ่านมา แต่พืชไร่ พืชสวน พืชการเกษตรต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลระบบชลประทาน บริเวณที่พอมีเพียงบ่อ สระ หนองน้ำ ลำห้วยก็เริ่มแห้งและลดระดับลงเรื่อยและลดเร็วกว่าทุกปี พื้นที่ที่ยังมีแหล่งน้ำหรืออยู่ใกล้ระบบชลประทาน ก็ช่วยกันสูบน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังออกรวง แต่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ และแปลงไร่อ้อยที่กำลังจะแห้งตายไว้ ส่วนที่แห้งตายก็ปล่อยทิ้งไป
สถานีอุตุนิยมวิทยาเลยได้รายงานปริมาณน้ำฝนว่า สถิติปริมาณน้ำฝนจังหวัดเลยในคาบ 60 ปีหรือปี 2497-2557 ปี 2557 ณ วันที่ 15 ต.ค.2557 วัดได้ 867.9 มม. และฝนน้อยที่สุดในรอบ 57 ปีคือ ปี 2536 วัดได้ 862.3 มม.สำปรับค่าปานกลางของจังหวัดเลยได้แก่ 1,200 มม./ปี และฝนมากที่สุด คือ ปี 2554 วัดได้รวม 1,972.0 มม.
เดือนตุลาคมนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลง โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยได้ สำหรับสภาพอากาศแห้งในตอนกลางวัน เอื้อให้เกิดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในข้าวนาปีที่อยู่ในระยะออกรวง ชาวนาควรหมั่นสำรวจแปลงนา หากพบควรรีบกำจัดก่อนแพร่ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
------------------------------------------
(ภาพแฟ้มข่าว)