ข่าว

วัดเวฬุวันยะลาสร้างเรือยอดร่วมชักพระ

วัดเวฬุวันยะลาสร้างเรือยอดร่วมชักพระ

08 ต.ค. 2557

วัดเวฬุวันยะลาสร้างเรือยอดร่วมชักพระ อุตรดิตถ์ทำบั้งไฟไม้ไผ่ถักหวายวันออกพรรษา ขณะที่เชียงใหม่ตักบาตรเที่ยงคืนบนดอยสูง

                เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประกอบสร้างเรือพระของวัดเวฬุวัน อ.เมือง จ.ยะลา พระปลัดวิศาล  วิสารโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน พร้อมด้วยสามเณร และช่างฝีมือ ได้ช่วยกันเร่งติดลายที่เรือพระ พร้อมประกอบตัวเรือ เพื่อที่จะเตรียมไปใช้ในงานลากพระ ที่ทางเทศบาลนครยะลา จัดขึ้นในวันที่ 9 ตค 57 ซึ่งเป็นประเพณีที่กระทำติดต่อกันมาทุกปีในพื้นที่           

                พระปลัดวิศาลเปิดเผยว่า สำหรับเรือพระที่ทางวัดเวฬุวันสร้างขึ้นในปีนี้ เรียกว่าเรือยอด เพราะเรือยอดเป็นประเพณีวัฒนธรรมของภาคใต้ ถ้าเป็นเรือโฟม ก็จะเป็นของทางจังหวัดสงขลา เรือยอดส่วนมากจะเป็นของในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับกิจกรรมในทุกปี ก็จะนำเรือพระไปแห่รอบเมือง ก่อนที่จะไปจอดที่ศูนย์เยาวชน เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมทำบุญ และร่วมสมโภชเรือพระ ซึ่งพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ก็เข้ามาร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคักทุกปี การที่ทางวัดเวฬุวันทำเรือยอด เนื่องจากต้องการอนุรักษ์เอาไว้ ไม่อยากให้สูญหาย รวมทั้งการแกะลายต่างๆ ที่จะต้องใช้ฝีมือละเอียด ไม่ว่าจะเป็นลายดอกบัว หรือลายต่างๆ ที่เป็นลายแบบดั้งเดิมทั้งหมด ที่มีครูบาอาจารย์สอนมา และก็ได้มีการถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลังทุกรุ่น เพื่อเป็นการอนุรักษ์เอาไว้ด้วย แต่ปัจจุบันช่างที่ทำ ค่อนข้างหายากไม่มีใครเรียนกัน นายช่างที่มาทำเรือ ก็จะพยายามสอนให้กับชาวบ้าน หรือสามเณร ที่มาช่วยกันทำเรือ
           
                “ปัจจุบันในพื้นที่มีการทำเรือ ที่เป็นเรือยอดประมาณ 10 กว่าวัด ส่วนเรือยอด ของวัดเวฬุวันแห่งนี้ ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปี และในปีนี้ก็หวังว่าจะได้รับรางวัลอีกครั้ง โดยเรือยอดของทางวัดปีนี้มีจุดเด่นคือสีสัน ที่สวยงาม และความสูงของยอด ที่สูงถึง 14 เมตร จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยพุทธ เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 9 ตค 57 ที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลาด้วย” พระปลัดวิศาล  กล่าว

                สำหรับประเพณีชักพระ บางท้องถิ่นเรียกว่า "ประเพณีลากพระ " เป็นประเพณีพื้นเมืองของชาวภาคใต้ ได้มีการสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย โดยสันนิษฐานว่าได้เกิดมีขึ้นครั้งแรกในประเทศอินเดีย มีพุทธตำนานเล่าขานสืบทอดกันมาว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงผนวชได้ 7 พรรษา และ พรรษาที่ 7 นั้นได้เสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้นออกพรรษาแล้ว ยามเช้าของแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ได้เสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ ในการนี้พุทธบริษัททั้ง 4 ประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และ อุบาสิกา ซึ่งรอคอยพระพุทธองค์มาเป็นเวลานานถึง 3 เดือน ครั้นทราบว่า พระพุทธเจ้าเสด็จกลับ จึงได้รับเสด็จและได้นำภัตตาหารคาวหวานไปถวายด้วย ผู้ไปทีหลังนั่งไกล ไม่สามารถเข้าไปถวายภัตตาหารด้วยตัวเองได้ จึงใช้ใบไม้ห่ออาหารและส่งผ่านชุมชนต่อๆกันไป เพื่อขอความอนุเคราะห์ต่อผู้นั่งใกล้ๆ ถวายแทน บุญประเพณีลากพระ จึงมีขนมต้มหรือที่เรียกตามภาษาถิ่นว่า "ต้ม" เป็นขนมประจำประเพณีทำด้วยข้าวเหนียว ห่อด้วยใบไม้อ่อนๆ เช่น ใบจาก ใบลาน ใบตาล ใบมะพร้าว หรือ ใบกะพ้อ เป็นต้น


วัดจังหวัดตรังเร่งตกแต่งเรือพระ

                วัดต่างๆในจังหวัดตรังต่างเร่งมือในการตกแต่งเรือพระ เพื่อชักลากเข้าร่วมงานประเพณีลากพระจังหวัดตรัง ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ร่วมกับเทศบาลนครตรังและสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีติดต่อกันเป็นปีที่ 14 แล้ว โดยปีนี้กำหนดจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 9 -16 ตุลาคม 2557 หรือจำนวน 8 วัน 8 คืน (ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ ถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 )
          
                เช่น บรรยากาศที่วัดแจ้ง อ.เมือง ได้มีการเตรียมเรือพระขนาดใหญ่ เพื่อไปโชว์ในงานประเพณีลากพระ เพราะหลายปีที่ผ่านมานั้น เรือพระจากวัดแจ้ง ได้รับรางวัลชนะเลิศหลายปีติดต่อกัน ในปีนี้จึงไม่เข้าประกวด แต่จะนำเรือพระไปแสดงโชว์ให้ญาติโยมได้เห็นความสวยงามเท่านั้น ซึ่งเรือพระขนาดใหญ่ของวัดแจ้งนั้นใช้เงินหลายแสนบาทกว่าจะตกแต่งแล้วเสร็จ โดยมีการสรรหาช่างฝีมือดีมาตกแต่งเรือพระเป็นเวลาหลายเดือน
          
                ส่วนที่วัดควนธานี อ.กันตัง ทางวัดพร้อมด้วยญาติโยม ช่างฝีมือ และพระต่างระดมกำลังเข้าทำการตกแต่งเรือพระ เพื่อให้มีความสวยงามและตรงกับตามหลักเกณฑ์ที่ คณะกรรมการกำหนดมาว่าในเรือพระที่เข้าประกวดแต่ละลำนั้นจะต้องรายละเอียดอะไรบ้าง ซึ่งทางเจ้าอาวาสวัดควนธานี ยืนยันว่าเรือพระจะเสร็จทันวัดลากพระซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 9 ตุลาคมอย่างแน่นอน และปีนี้ทุกคนก็ตั้งใจเต็มที่จะส่งเข้าประกวดชิงรางวัล เพราะที่ผ่านมาวัดควนธานียังไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดเรือพระ
              
                สำหรับงานประเพณีลากพระจังหวัดตรังในปีนี้ ก็จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา โดยปีนี้มีวัดที่จัดส่งเรือพระเข้าร่วมงานประเพณีลากพระ จำนวนทั้งสิ้น 89 วัด ประกอบด้วย เรือพระขนาดใหญ่ 68 วัด (ร่วมประกวด 67 วัดที่เหลือแสดงโชว์) และเรือพระขนาดเล็ก 21 วัด (ร่วมประกวด 19 วัด ที่เหลือแสดงโชว์ ) กิจกรรมมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9-16 ต.ค. 2557 โดยวัดต่างๆจะลากเรือพระสู่ลานเรือพระทุ่งแจ้ง และสมโภชเรือพระในวันที่ 9 ต.ค.2557 ในงานมีกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น การแสดงพระธรรมเทศนาทุกคืน การทำบุญเรือพระ การประกวดเรือพระ ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ การประกวดกลองยาว การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านชนิดต่างๆ กิจกรรมอนุรักษ์ภาษาถิ่นใต้ และการแสดงกิจกรรมบนเวทีเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นต้น


กำแพงเพชรพุทธศาสนิกชนแห่เข้าวัดทำบุญวันออกพรรษา

                ที่วัดเสด็จกลางเมืองกำแพงเพชร ประชาชนชาวพุทธต่างทยอยเดินทางมากันที่วัดตั้งแต่เช้า เพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตร วันออกพรรษา โดยมีนายชัยวัฒน์ ศุภอรรถพานิช นายกเทศมนตรีเมืองกำแพงเพชร เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย หลังจากนั้นพระสงฆ์ได้เจริญพุทธมนต์ เสร็จสิ้น ก่อนที่ประชาชนชาวเมืองกำแพงเพชรจะถวายภัตตราหาร พระภิกษุสงฆ์ ทั้งสามวัด วัดบาง วัดคูยาง และวัดเสด็จ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา ทำให้ประชาชนต่างพากันนำอาหารคาวหวาน  พร้อมทั้งเครื่องสังฆภัณฑ์  ไปทำบุญตักบาตร  ถวายพระภิกษุสงฆ์อย่างพร้อมเพรียง  จนทำให้บริเวณศาลากาลเปรียญตามวัดที่ได้จัดไว้  ไม่เพียงพอต่อประชาชนที่ไปร่วมทำบุญตักบาตร จนล้นออกมานอกศาลา  ต่างไปนั่งตามโคน ต้นไม้และเก้าอี้นั่งที่ทางวัดได้จัดเตรียมเสริมไว้ให้นั่ง ก็ยังไม่เพียงพอ นับว่าในปีนี้ ประชาชนต่างเข้าวัดร่วมพิธีงานบุญกันเนืองแน่นแหมือนเช่นทุกปี

                นอกจากนี้ภายในศาลาวิศาลอนุสรณ์ ยังประดับไปด้วย ต้นกล้วย กระดาษสี กล้วยไข่ กระยาสารท น้ำดื่ม เครื่องใช้ ต่างๆ รวมทั้งขันกันเทศน์ ประดับดา ติดกันเทศน์ด้วยธนบัตร อย่างสวยงามเป็นประเพณีเทศน์มหาชาติ หลัง วันออกพรรษา ของวัดเสด็จ ที่นิยมทำกันหลัง วันออกพรรษา โดยการเทศน์มหาชาตินั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 กัณฑ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และออกบวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


อุตรดิตถ์สืบสานประเพณี"บั้งไฟไม้ไผ่ถักหวาย"

                ประชาชนจาก 8 หมู่บ้านของตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมใจนำรถไทยแลนด์ที่ใช้ในภาคการเกษตร ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อและสร้างรายได้ คือ สับปะรดห้วยมุ่น โดยแต่ละขบวนร่วมแห่ "บั้งไฟไม้ไผ่ถักหวาย" พร้อมข้าวสาร อาหารแห้ง ปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ที่วัดห้วยมุ่นในวันออกพรรษา

                โดยประเพณี "บั้งไฟไม้ไผ่ถักหวาย" เป็นบุญใหญ่ที่ชาวตำบลห้วยมุ่นสืบทอดกันมาในวันออกพรรษา โดยบั้งไฟจะทำจากกระบอกไม้ไผ่ ลำไม่ใหญ่มาก อัดดินปืนในกระบอกไม้ไผ่ที่ถักด้วยหวาย เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ จุดวิถีจะไม่ไกล ไม่เป็นอันตราย เชื่อว่าหลังถวายข้าวสาร อาหารแห้ง ปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ที่วัด เพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่ตั้งใจจำพรรษา และตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบพรรษา หรือ 3 เดือน และเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เพื่อความเป็นสิริมงคล

                สำหรับการจุดบั้งไฟในวันออกพรรษาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงความเคารพไปยังเทวดาฟ้าดิน โดยเฉพาะ พญาแถน เทพผู้เป็นใหญ่ดูแลเรื่องความอุดมสมบูรณ์  เพื่อให้ผลผลิตสับปะรดห้วยมุ่นที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ผลดี โดยชาวบ้านจะเอาบั้งไฟของแต่ละคุ้มแต่ละหมู่บ้านมาจุดแข่งกัน ถ้าของใครทำมาดีจุดขึ้นได้สูงสุดก็จะชนะแต่ถ้าของใครแตกหรือถือว่าแพ้ ต้องโดนลงโทษโดยการจับโยนลงโคลนหรือตม

                นายวันชัย พิมพ์อูป นายกอบต.ห้วยมุ่น กล่าวว่า ประเพณี “บั้งไฟไม้ไผ่ถักหวาย” ยังเป็นการเสี่ยงทายถึงการทำมาหากินของชาวตำบลห้วยมุ่น ปีนี้บั้งไฟที่จุดขึ้นสู่ฟ้าไม่ค่อยสูง เสี่ยงทายว่าจะเกิดภัยแล้งรุนแรง ขาดน้ำในการเกษตร ภายในงานได้ ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับมือ เก็บกักน้ำตามหัวไร่ปลายนา และลดพื้นที่การเพาะปลูกจะได้ไม่เดือดร้อน


เชียงใหม่ตักบาตรเที่ยงคืนบนดอยสูง

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกิจกรรมตักบาตรวันเที่ยงคืนหรือตักบาตรวันเป็งปุ๊ดมีวัดใหญ่ๆหลายแห่งโดยเฉพาะตัวเมืองเชียงใหม่ และอำเภอใกล้เคียง โดยที่วัดบ้านปง (วัดอรัญญวาส) หมู่ 2 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดหนึ่งที่อยู่ไกลจากเมืองเชียงใหม่ 19 กิโลเมตร และตั้งอยู่บนดอยสูง ก็เป็นอีกแห่งที่จัดการตักบาตรเที่ยงคืนหรือตักบาตรวันเป็งปุ๊ดตามภาษาล้านนา โดยมีพระครูอาชวปรีชา เจ้าอาวาสวัดบ้านปง เป็นประธานฝ่ายฆราวาสประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยมีพุทธศาสนิกชนประชาชนในพื้นที่จำนวนมากนุ่งขาวห่มขาวมาร่วมงาน และได้มีการจุดผางประทีปและปล่อยโคมเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นพระสงฆ์จำนวนกว่า 30 รูป ได้ทำพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจากน้ำ ออกรับบาตรข้าวสารอาหารแห้งต่างๆจากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานจำนวนมาก หลังจากตักบาตรแล้วก็มีการฟังเทศน์ฟังธรรมก่อนเลิกงานตักบาตรเที่ยงคืน

                สำหรับการตักบาตรเที่ยงคืนหรือตักบาตรเป็งปุ๊ด เป็นประเพณีของทางภาคเหนือ ในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ โดยไม่เจาะจงว่าต้องอยู่ในเดือนใด พระภิกษุสามเณรจะออกบิณฑบาตรในตอนเที่ยงคืน ตามตำนานพระอุปคุตซึ่งเป็นภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เสด็จลงไปจำศีลภาวนาอยู่ที่สะดือทะเล และแปลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้วจะประสบแต่ความสุขร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองได้บุญใหญ่หลวงเกิดโชคลาภ