ว่ายน้ำสร้างแรงบันดาลใจ‘หนึ่ง’สุริยน | คมชัดลึก

 

                 "ทุกครั้งที่ลงสระทำให้ได้อยู่กับตัวเอง ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้มีไอเดียในการคิดงาน"

 

                 ในแวดวงสังคมไฮโซบ้านเราหากเอ่ยถึงเจ้าพ่อเพชรพันล้านของเมืองไทย ทุกคนคงพร้อมใจกันยกตำแหน่งนี้ให้กับ "หนึ่ง" สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด เป็นแน่ ด้วยเป็นเครื่องประดับที่มีรูปแบบโดดเด่น ดีไซน์สวยงาม เก๋ไก๋ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำเอาบรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนัก สมัครเป็นลูกค้าประจำกันแน่นขนัด แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดความโด่งดังไว้แค่ในเมืองไทยเท่านั้น เพราะธุรกิจจิวเวลรี่ภายใต้แบรนด์ "บิวตี้ เจมส์" ยังเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับการกล่าวขานถึงไปในหลายประเทศทั่วโลก

 

                 ถึงแม้จะโดดเด่นที่สุดในเรื่องของเครื่องประดับจิวเวลรี่ แต่ทั้งนี้บริษัทในเครือ บิวตี้ เจมส์ มีมากถึง 33 บริษัท โดยเน้นไปที่กลุ่มอัญมณีเป็นหลัก นอกจากนั้นเป็นกิจการสนามกอล์ฟ ธุรกิจประกันภัย รวมไปถึงกลุ่มบันเทิง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ และภัตตาคาร เรียกว่างานหนักทีเดียวสำหรับการดูแลธุรกิจของครอบครัวที่แตกแขนงออกไปมากมาย ทั้งยังต้องรับหน้าที่หัวหน้าครอบครัว เป็นสามีสุดเลิฟของศรีภรรยาคนเก่ง เมก้า ศรีอรทัยกุล และคุณพ่อของ "น้องพูม" ภานุกร - "น้องพรู้ฟ" ธนกร วัย 16 ปี และ 14 ปีตามลำดับ รวมถึงงานพิธีกรทางช่องฟรีทีวีอีก 2 รายการด้วย

 

                 "หลังจบไฮสคูลจากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ผมไปเรียนต่อระดับไฮสคูล และระดับมหาวิทยาลัย ผมเลือกเรียนด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเปปเปอร์ไดน์ ตั้งอยู่ในเมืองมาลิบู ประเทศสหรัฐอเมริกา จนจบระดับปริญญาตรี แล้วก็ไปต่อสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งอเมริกา หรือ จีไอเอ อีก 1 ปี เป็นคอร์สเรื่องการดูเพชร พลอยต่างๆ หลังจากเรียนจบก็กลับมาช่วยที่บ้านอย่างจริงจัง ตอนนั้นก็อายุประมาณ 22 ผ่านมาถึงตอนนี้ย่าง 42 ก็เกือบ 20 ปีแล้ว" ลูกชายคนกลางของคุณแม่ ดร.สุณี กับคุณพ่อพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล เล่าประวัติการทำงานคร่าวๆ ในวันที่ปลีกตัวจากงานมาผ่อนคลายร่างกาย ด้วยการกระโดดลงสระแหวกว่ายน้ำ ภายใน เดอะ รอยัล เจมส์ กอล์ฟ รีสอร์ท ศาลายา หนึ่งในธุรกิจที่ดูแลอยู่นั่นเอง

 

                 เจ้าตัวเล่าว่า คุณพ่อเป็นคนสอนให้ว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก ด้วยการจับทุ่มลงสระน้ำที่บ้าน เลยว่ายเป็นตั้งแต่นั้นเลย และก็ชอบว่ายน้ำมาตลอด แต่พักหลังมานี้งานค่อนข้างเยอะ จึงห่างหายไปบ้าง แต่ก็พยายามหาเวลาว่างให้ตัวเองได้รีแลกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงดึกราว 5 ทุ่มถึง 5 ทุ่มครึ่ง หลังจากเสร็จงานกลับบ้าน

 

                 "ด้วยความที่บ้านผมมีสระว่ายน้ำ และผมก็ชอบเล่นน้ำ ตอนเด็กก็จะชอบชวนเพื่อนๆ มาว่ายด้วยกันหลังเลิกเรียน ว่ายเป็นแบบฟรีสไตล์ ไม่ได้มีท่าทางตายตัว แต่อย่าเรียกว่าว่ายน้ำเลยเรียกว่าเล่นน้ำน่าจะเหมาะกว่า เพราะบางทีก็เอาลูกบอลมาโยนเล่นกันในสระด้วย แต่พอโตขึ้นก็ห่างๆ ไป ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่ละวันกว่าผมจะเลิกงานก็ดึก และยังต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาได้ลงสระถี่เหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อเราทำงานหนักก็ต้องพยายามหาเวลาให้ร่างกายได้รีแลกซ์บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่กลับถึงบ้านประมาณ 5 ทุ่ม ในหนึ่งสัปดาห์ก็จะต้องหาเวลาให้ได้ 1-2 ครั้ง ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 45 นาที เพราะคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป หรือบางครั้งก็ตั้งใจไว้เลยว่าจะว่ายไปกลับให้ครบ 15 รอบถึงจะขึ้นจากสระ" เงือกหนุ่มเผยก่อนขอตัวกระโดดลงสระ พร้อมแหวกว่ายอย่างเพลิดเพลิน

 

                 ผ่านไปพักใหญ่คุณพ่อลูกสองก้าวขึ้นจากสระ พร้อมเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ในเรื่องของสุขภาพการว่ายน้ำช่วยได้มาก ช่วยให้หัวใจสูบฉีด กระปรี้กระเปร่า และยังช่วยให้ระบบในร่างกายหมุนเวียนดีขึ้นด้วย ส่งผลให้หลับสบาย ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่พร้อมที่จะทำงานในวันต่อไป อีกอย่างที่เห็นผลชัดๆ คือ ว่ายน้ำช่วยฟิตหน้าท้อง เพราะขณะว่ายจะต้องเกร็งบริเวณหน้าท้อง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รักษาหน้าท้องแบนราบไว้ได้

 

                 "เวลาเข้าสังคมจะมีบ้างที่ต้องดื่มส่วนใหญ่ผมจะดื่มไวน์ ซึ่งมันทำให้มีหน้าท้อง พอพุงเริ่มออกนิดๆ ผมจะต้องหาเวลาว่ายน้ำทันที มันช่วยลดได้จริง ผมมองว่าเราอายุเริ่มเยอะขึ้นถ้ามีพุงมันจะดูไม่ดี ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ไม่สวย เลยอยากดูแลตรงนี้ไว้ ก็ได้การว่ายน้ำนี่แหละเป็นตัวช่วยที่ดีมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลเรื่องอาหารควบคู่กันไปด้วย และถ้ามีเวลาจะไปนวดผ่อนคลาย หรือทำเฟซเชียล เพื่อให้ร่างกายได้พักบ้าง" หนุ่มรักรูปร่างเผย

 

                 นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว นักธุรกิจหนุ่มยังบอกอีกว่า เรื่องงานหลายๆ อย่าง ก็เป็นผลพลอยได้จากการว่ายน้ำเช่นกัน ด้วยทุกครั้งที่ลงสระทำให้ได้อยู่กับตัวเอง ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้มีไอเดียในการคิดงาน เพราะสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราสามารถนำมาเป็นแรงใจในงานออกแบบอัญมณีได้ทั้งหมด เป็นเหมือนงานศิลปะที่ไม่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว

 

                 "ส่วนใหญ่ผมว่ายน้ำช่วงกลางคืน ซึ่งคนอื่นในบ้านหลับหมดแล้ว รอบข้างก็จะเงียบสงัด ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อย่างบางครั้งผมได้พลอยมายังไม่ได้คิดว่าจะออกแบบอย่างไร พอโผล่ขึ้นจากน้ำแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ส่องสว่าง มันทำให้เราเกิดไอเดียผุดขึ้นในสมองทันที เราก็จะรีบจดจำไว้ หรืออย่างตอนนี้ที่เห็นสไลเดอร์อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่ามันต้องเป็นต่างหู หรืออย่างหลังคาที่แหลมๆ ผมก็จะออกแบบให้เป็นสร้อยคอเก๋ๆ ได้" หนุ่มเจ้าความคิดเผยข้อดีที่ได้จากการว่ายน้ำเป็นการทิ้งท้าย ก่อนขอตัวกระโจนลงสระ ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบอีกครั้ง