
ปนัดดาพี่ภูมิใจที่เป็นข้าราชการประจำ
ปนัดดาพี่ภูมิใจที่เป็นข้าราชการประจำ : สัมภาษณ์พิเศษ โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง สำนักข่าวเนชั่น
"คุณเหลน" ชื่อเล่นของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หลังจากนั่งเก้าอี้ "ปลัดสำนักนายกฯ" ได้เพียง 3 เดือน ตามคำสั่งคสช. ที่สั่งย้ายข้ามห้วยจากรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สู่ทำเนียบรัฐบาล
สำนักข่าวเนชั่นมีโอกาสพูดคุยกับ "คุณเหลน" ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของรัฐบาล "ประยุทธ์ 1" และประเด็นปัญหากับ "อปท." รวมทั้ง "ไมค์ราคาแพง"
"...นายกรัฐมนตรีบอกว่าการทำงานมีการแบ่งช่วงเวลาเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 ครอบคลุมถึงตอนนี้ด้วย เป็นเรื่องเร่งรีบที่ควรทำ เพื่อประเมินและสู่ช่วงที่ 2 เหมือนกับเคพีไอ พิจารณาจากเรื่องของเอชอาร์ เรื่องบุคคลที่นำมาร่วมทีมงานเกิดประโยชน์หรือไม่ ทุกจังหวัดทำงานเป็นยังไง ผู้บริหารท้องถิ่นสนองนโยบายของรัฐยังไง ซึ่งช่วงที่ 2 เป็นช่วงของการตรวจสอบตัวเราเอง นายกฯ บอกว่าใครทำอะไรตอนนี้ท่านเห็นตลอด ใครขยัน ใครไม่ขยัน เข้าใจว่าท่านเป็นคนมีความละเอียดรอบคอบมาก
"ช่วงที่ 2 ท่านบอกว่าเป็นการสำรวจตัวเอง งานอะไรที่สำเร็จมากสำเร็จน้อย อะไรที่ทำแล้วไม่เกิดมรรคผลเท่าที่ควรอาจจะเลิกทำแล้วก็หาโครงการอื่นแทน"
ส่วนช่วงที่ 3 คือเตรียมส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ท่านพูดเลยว่าถ้าต้องส่งต่อก็ส่งต่อในสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ในเรื่องที่จะช่วยกันเสริมและช่วยกันสร้างชาติ ไม่ใช่ไปส่งต่อสิ่งที่ไม่ดี แม้ว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม ก็ต้องชอบอกชอบใจในสิ่งที่รัฐบาลเก่าวางเอาไว้ให้ อย่ามาแบ่งกันว่าเป็นรัฐบาลพรรคนั้นพรรคนี้ เราคนไทยด้วยกัน
ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี มีเสียงถามมาว่าทำไมไม่ลาออกจากตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ
คิดว่าประเด็นนี้อาจจะเกิดขึ้นจากบางกรณีของบางกระทรวง มีหลายคนถามเช่นกัน ก็เรียนไปว่าเป็นความไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาที่แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี แต่พี่ยังไม่ได้เกษียณอายุราชการ ยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี และพี่ภูมิใจในตำแหน่งข้าราชการประจำ ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นเกียรติกับพี่และครอบครัวอย่างยิ่ง แต่พี่มีความภูมิใจในความเป็นข้าราชการประจำ
รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดห้ามไว้ ก็เรียกว่าเราไม่ได้ทำตัวผิดกฎหมายนะครับ และเงินเดือนก็ไม่ได้รับสองทาง รับทางเดียวต่างหาก ข้าราชการไม่มีใครรับเงินเดือนสองทาง เพราะเป็นกฎหมายอยู่แล้ว
ทำไมยังนั่งทำงานอยู่ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ไม่ย้ายไปนั่งทำงานที่ตึกบัญชาการ1
เป็นคนไม่ชอบย้ายข้าวของ แม้กระทั่งตอนย้ายจากมหาดไทยมาที่นี่ หลายคนที่รู้จักและทราบความจริงว่าตอนที่เก็บของออกจากกระทรวงริมคลองหลอดใจหายมาก ย้ายจากเชียงใหม่ก็คิดถึงเชียงใหม่ ตอนย้ายจากจ.นครปฐม ก็ใจหายมาก ดังนั้นเรื่องให้ย้ายห้องย้ายหับบ่อยๆ เก็บข้าวเก็บของ อย่างเช่นตอนนี้มีคนมาถามว่าสวมหมวกเป็นรัฐมนตรีน่าจะไปนั่งอยู่ตึกบัญชาการ 1 พี่ไม่ไปหรอก เพราะพี่อยากอยู่ที่นี่ อายุราชการพี่ก็ไม่ได้เหลืออะไรมากมาย
จากกรณีที่มีปัญหากับองค์กรปกครองท้องถิ่นมีคนเปรียบว่าเป็นสายล่อฟ้าของรัฐบาล
เข้าใจว่าสายล่อฟ้าน่าจะเป็นการนิยามความหมายของการที่บุคลากรผู้นั้นชอบมีเรื่องมีราว และมีเรื่องขัดแย้งอยู่เรื่อย พยายามศึกษาตัวเองก็คิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น แต่ว่าพยายามจะนำเสนอสังคมและเพื่อนข้าราชการว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก ไม่ได้สำคัญตนว่าเราเป็นคนดี เราเป็นคนมีความสามารถ พูดอะไรก็ถูกต้องหมด มันไม่ใช่ พี่เจียมเนื้อเจียมตัว แล้วก็พยายามทำงาน และดูว่าอะไรบ้างที่ข้าราชการจะต้องทำให้เกิดเป็นจริยธรรม ให้ทำงานแล้วประชาชนสุขอกสุขใจ ไม่ใช่พบข้าราชการแล้วเขาเบื่อหน่าย เขามองว่าเย่อหยิ่งจองหอง ไม่เห็นใจเขา พี่มองเช่นนั้นก็เลยพยายามปลูกฝังค่านิยมนี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเองและเพื่อนๆ ข้าราชการในสำนักงานนี้เสียก่อน และระยะหลังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ก็ดีใจหาย ท่านชวนให้พี่ไปเป็นวิทยากร พบปะข้าราชการที่บรรจุใหม่หลายกระทรวง จึงโชคดีที่ได้พบข้าราชการหลายกระทรวงหลายหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และแม้แต่พนักงานราชการก็พยายามนำเรื่องนี้ไปพูดจาว่าอะไรกันบ้างที่จะทำให้ประเทศเกิดความร่มเย็นเป็นสุข
ยืนยันว่าผมไม่ใช่สายล่อฟ้า ส่วนที่มีคนตั้งฉายานี้ให้ก็ไม่ว่าอะไร เป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน ดีซะอีกจะได้เป็นกระจกสะท้อนว่าตัวเราอาจจะมองตัวไม่ถูกต้องซะหมด เราอาจจะมองตัวเราเข้าข้างตัวเราเอง กระจกสะท้อนกลับมาจะได้ปรับปรุงตัว
เรื่องที่วิจารณ์การจัดซื้อไมค์ราคาแพงของห้องประชุมครม.
พี่อยากจะตอบแบบลูกผู้ชาย อยากจะแอ่นอกมาพูดจา แอ่นอกในที่นี้หมายถึงว่า พี่เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ใครต่อใครมองเข้ามาก็จะโอ้โหเรานัมเบอร์วันของฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ที่จริงหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรีก็คือขึ้นตรงต่อท่านนายกฯ เรื่องเครื่องเสียงห้องประชุมครม.เป็นเรื่องที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับกรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลทั้งหมด งบประมาณใช้จ่าย บริหารจัดการ จัดซื้อจัดจ้างพี่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย วันนั้นน้องๆสื่อทำเนียบบอกพี่ว่าอยากขึ้นไปชมห้อง และท่านอธิบดีกรมโยธาฯ ท่านก็มีอัธยาศัยดีก็บอกว่าไปดูกัน
พี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเรื่องที่ไปพูดกัน เรื่องที่เปรียบเทียบระบบกับต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ที่เขาใหญ่โตกว่าเรามาก ที่จริงเราไม่น่าไปเทียบกับเขา เพราะฉะนั้นใครพูดก็ไม่ทราบ ทำไปทำมาเลยกลายเป็นเรื่องเป็นราว และพี่ยังนึกในใจว่าถ้าวันนั้นพี่ไม่ขึ้นไปด้วยก็คงจะดีนะ พี่แค่อยากเห็นบ้าง อยากขึ้นไปดูบ้าง อยากเห็นเครื่องไอที อยากเห็นจอ อยากเห็นการปรับปรุงห้องประชุมครม.ที่ใช้แทนตึกแดง ก็อยากจะเห็น น้องๆ สื่อขึ้นไปเยอะมากช่วยเป็นพยานได้ เราก็มีความสุขกันไปถ่ายรูปกัน เป็นเรื่องของการขึ้นไปเห็นสิ่งใหม่ๆ ด้วยกัน แต่โดยความรับผิดชอบพี่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ขอกราบเรียนว่าพี่มองว่าสำหรับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลบริหารจัดการงบประมาณทั้งหมด กับกรมโยธาธิการและผังเมืองท่านก็มีความมุ่งมั่นปรารถนาดี
โถ!!ใครจะคิดคดทุจริตในยามนี้ คอได้ขาดน่ะสิ ไม่มีใครกล้าโกงหรอก
-------------------------------------
(หมายเหตุ : ปนัดดา‘พี่ภูมิใจที่เป็นข้าราชการประจำ’ : สัมภาษณ์พิเศษ โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง สำนักข่าวเนชั่น)