ข่าว

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง'ปึ้ง'หมิ่น'รสนา'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "สุรพงษ์"ไม่ผิดหมิ่น"รสนา-สามี" ชี้ติชมสุจริต อดีตส.ว.พาสามีเข้าห้องประชุมสภาปี 51

 
          วันที่ 2 ก.ย.57 ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.4617/2551 ที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และนายสันติสุข  โสภณศิริ กรรมการมูลนิธิเสถียรโกเศศ-นาคะประทีป สามี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2551 จำเลยให้สัมภาษณ์กล่าวหาโจทก์ทั้งสองทำนองว่ามีพฤติกรรมชั่วอย่างร้ายแรง นำเอาบุคคลภายนอกเข้าร่วมประชุมรัฐสภา สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 น.ส.รสนาไม่มาเข้าร่วมการประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา แต่ภายหลังกลับเข้ามาในห้องประชุมโดยไม่ได้ลงชื่อ และนายสันติสุข ซึ่งเป็นสามี ได้เดินเข้ามาในห้องประชุมรัฐสภาด้วย
       
          คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 ก.ค.56 ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากเห็นว่า เป็นการติชมโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) ซึ่งถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์
 
          ขณะที่ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมพิจารณาแล้ว เห็นว่าการที่จำเลยให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่า ระหว่างที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 น.ส.รสนาโจทก์ที่ 1 ยืนขึ้นประท้วงขอให้เลื่อนการแถลงนโยบายออกไป เนื่องจากมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นด้านหน้ารัฐสภา ต่อมานายสันติสุข โจทก์ที่ 2 ได้เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พฤติการณ์ของโจทก์ทำให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจ การให้ข่าวจึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยที่ประชาชนหรือวิญญูชนพึงกระทำได้ 
 
          ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยข้อความที่จำเลยให้ข่าวว่า สมควรไล่นายสันติ โจทก์ที่ 2 ออกหรือไม่ เพราะรัฐสภาต้องจ่ายเงินให้โจทก์ที่ 2 ด้วยนั้น เห็นว่า ที่จำเลยให้ข่าวเป็นการติเตียนโจทก์ที่ 2 แม้จะเกินเลยไปบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้ความหมายของถ้อยคำเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งโจทก์ยอมรับว่าจำเลยให้ข่าวนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นของจำเลยเอง จึงสามารถทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนยกฟ้อง
 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ นายสุรพงษ์ ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ ขณะที่ น.ส.รสนา และสามี ซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดี ไม่ได้เดินทางมาศาลแต่ได้ส่งผู้แทน มาฟังคำพิพากษาแทน 
 
          ภายหลังนายสุรพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากที่ตนเห็นว่าระหว่างที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและมีการประท้วงกันวุ่นวาย แต่ปรากฏว่าสามีของน.ส.รสนา ซึ่งเป็นผู้ติดตามได้เข้าไปในห้องประชุมรัฐสภาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามระเบียบการประชุมดังกล่าว ตนจึงได้ยื่นหนังสือขอให้รองประธานวุฒิสภาฯ ตรวจสอบวินัย และน.ส.รสนาได้ยื่นฟ้องตนฐานหมิ่นประมาทที่ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนในกรณีดังกล่าว โดยที่สุดแล้วศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องเห็นว่าไม่หมิ่นประมาท 
 
          เมื่อถามถึงการแต่งตั้ง พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็น รมว.ต่างประเทศคนใหม่นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รมว.ต่างประเทศคนใหม่ต้องชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจถึงการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเท่าที่ติดตามข่าว สื่อต่างชาติส่วนใหญ่เป็นห่วงว่ารัฐบาลชุดนี้มีนายทหารเข้าไปดำรงตำแหน่ง 1 ใน 3 ของคณะรัฐมนตรี โดยช่วงเดือนก.ย.นี้จะมีการประชุมสหประชาชาติ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่รมว.ต่างประเทศจะได้ใช้เวทีนี้ชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ถ้าสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเขาเชื่อก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเขาไม่เชื่อก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป แต่เชื่อว่ารมว.ต่างประเทศและรมช.ต่างประเทศ จะชี้แจงยืนยันให้สังคมโลกเข้าใจได้ว่าประเทศไทยจะกลับมาสู่การเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงและมีรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้ ที่สำคัญที่สุดนายกรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการต่างๆ ให้เกิดความโปร่งใส ซื่อตรง ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ตนขอเอาใจช่วยให้รัฐบาลทำงานได้ ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจดำเนินไปได้ และสนับสนุนให้รัฐบาลทำให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วง เพราะพวกตนเป็นนักการเมือง ตอนนี้ก็ได้หยุดดำเนินงานทางการเมืองแล้ว สิ่งไหนที่รัฐบาลทำไม่ได้ รัฐมนตรีคนไหนทำไม่ถูกต้อง พวกตนจะช่วยตรวจสอบให้อีกแรงหนึ่งให้ประเทศไทยปลอดการทุจริตคอร์รัปชั่น
 
          “ในฐานะอดีตนักการเมืองก็ให้โอกาสรัฐบาลทุกรัฐบาลทำงานให้เต็มที่ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้อาวุโส เท่าที่ฟังดูอายุน้อยที่ที่สุดก็ 53 อายุสูงสุดก็ 70 ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างอายุมาก ประสบการณ์น่าจะมาก ควรจะทำงานให้ได้มากๆ แต่อย่าทำงานแล้วเหนื่อย หรือเจ็บไข้ได้ป่วยก่อน”นายสุรพงษ์ กล่าว
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ