
แกะรอยจากรถจยย. จับมือยิงเจ้าของโรงแรม
17 ส.ค. 2557
แกะรอยจากรถจยย. จับมือยิงเจ้าของโรงแรม : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ มาเกือบ 20 นาที บริเวณลานจอดรถโรงแรมฟีราเทล ย่านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เกิดความโกลาหลขึ้น เมื่อมีคนร้ายบุกยิง นายวิชัย หงส์อัครพันธ์ วัย 59 ปี เจ้าของโรงแรมบาดเจ็บสาหัส
โดยคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้ามิดชิด ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพใหม่เอี่ยม เป็นพาหนะ ขี่ตามประกบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กล 3633 ซึ่งนายวิชัยขับเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของโรงแรม และเมื่อได้โอกาสคนซ้อนท้ายได้ชักปืนขนาด .38 ขึ้นมายิงใส่นายวิชัยหลายนัด กระสุนทะลุกระจกรถถูกนายวิชัยเข้าที่ลำคอ 1 นัด และที่หน้าอกอีก 1 นัด
ระหว่างคนร้ายหลบหนีนายวิชัยแข็งใจขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายจนล้มคว่ำ ทำให้คนร้ายทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ในที่เกิดเหตุ แล้ววิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีขาว ซึ่งมีผู้ขี่มารอรับหลบหนีไป ส่วนนายวิชัยบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.สะเดา ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุล้มอยู่ที่ลานจอดรถ สภาพพังเสียหาย เนื่องจากถูกรถยนต์ของผู้บาดเจ็บพุ่งชน ใกล้กันพบปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ตกอยู่ 1 กระบอก หมวกแก๊ป 1 ใบ นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน พวงกุญแจ และถุงกระดาษที่มีซองปืนอยู่ภายใน คาดว่าเป็นของคนร้าย ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่พบปลอกหรือหัวกระสุนปืนที่คนร้ายยิงแต่อย่างใด
ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของคนร้าย พบหนังสือสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จากร้านตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งในเขต อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีใบเสร็จรับเงิน 4.7 หมื่นบาท ซึ่งนั่นกลายเป็นเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การติดตามจับกุมคนร้าย
ตำรวจชุดคลี่คลายคดีเดินทางไปยังร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์แห่งนี้ เพื่อสอบถามเจ้าของร้าน และพนักงานขายรถ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 สัปดาห์ มีชาย 2 คน และหญิงอีก 1 คน ซื้อรถจักรยานยนต์คันนี้ไปด้วยเงินสด โดยชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองเป็นของ น.ส.พาดีลา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี มีบ้านพักอยู่ในหมู่บ้านพรุเตียว ห่างจากด่านนอกประมาณ 4 กิโลเมตร
น.ส.พาดีลา ถูกเชิญตัวมาให้ปากคำหลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งเธออ้างว่า ในคืนวันเกิดเหตุ นายอานันต์ หิมมะ อายุ 25 ปี ชาว อ.มายอ จ.ปัตตานี ขอยืมไปใช้ ตำรวจขยายผลทราบว่า นายอานันต์มีเพื่อนสาวคนสนิทชื่อ นูรไอนี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี จึงเชิญตัวมาสอบถาม โดยหญิงสาวรายนี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะยืนยันว่า นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน หมวกแก๊ป 1 ใบ กระเป๋าผ้าบรรจุเสื้อและกางเกง 1 ชุด ที่พบอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นของนายอานันต์
ตำรวจตรวจสอบประวัติข้อมูลในทะเบียนราษฎรของนายอานันต์ และนำภาพที่ได้มาให้ผู้หญิง 2 คนนี้ยืนยัน และได้นำภาพถ่ายดังกล่าวไปเทียบเคียงกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ขณะคนร้ายลงมือลั่นไกหวังสังหารผู้บาดเจ็บ ซึ่งภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดปรากฏภาพมือปืน เมื่อเทียบเคียงกับภาพถ่ายในทะเบียนราษฎรที่ได้ พบว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ตำรวจจึงมั่นใจว่า มือปืนที่ลงมือลั่นไกหวังปลิดชีพเจ้าของโรงแรมฟีราเทลคือ "นายอานันต์" และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า เคยต้องคดีฆ่าผู้อื่นมาก่อน
ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจหานิ้วมือแฝงที่ปรากฏอยู่บนรถจักรยานยนต์ ซึ่งพบลายพิมพ์นิ้วมือเปื้อนอยู่จำนวนหนึ่ง ก่อนจะนำไปเทียบกับลายพิมพ์นิ้วมือในทะเบียนราษฎร พบว่าตรงกันกับของ นายปิยกุล พุ่มประดิษฐ์ ชาว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อนำภาพถ่ายในทะเบียนราษฎรมาเทียบกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบว่าน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน
ตำรวจจึงเสนอขออำนาจศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง สถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังจากศาลพิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานมีน้ำหนักฟังได้ว่า ทั้งสองน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบยิงนายวิชัย จึงออกหมายจับ ตำรวจใช้เวลาในการติดตามหาตัว 2 คนร้ายอยู่นานสัปดาห์เศษ ก็สามารถติดตามจับกุมนายอานันต์ได้ ขณะหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต
ภายหลังถูกจับกุม นายอานันต์อ้างว่า สาเหตุที่ต้องลงมือสังหารเสี่ยนักธุรกิจเจ้าของโรงแรม เป็นเพราะความโกรธแค้นที่ถูกนายวิชัยขับรถปาดหน้าในคืนวันเกิดเหตุ จึงโมโหและติดตามยิงเพื่อระบายแค้น โดยใช้ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงก่อน 1 นัด แล้วใช้ปืนลูกโม่ยิงอีก 6 นัด คิดว่านายวิชัยน่าจะเสียชีวิต แต่ผิดคาด เนื่องจากผู้บาดเจ็บตัดสินใจขับรถพุ่งชน ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุล้มคว่ำ เสียหาย ไม่สามารถนำออกจากที่เกิดเหตุได้ จนกลายเป็นเบาะแสสำคัญที่สาวไปถึงตัว
ตำรวจชุดคลี่คลายคดีไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของมือปืนรายนี้ เนื่องจากมีหลักฐานอื่น โดยเฉพาะประวัติการใช้โทรศัพท์ของมือปืนรายนี้ ที่มีการติดต่อกับคู่กรณีของผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุไม่นาน ขณะที่ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุยังพบว่า มือปืนรายนี้ตามประกบนายวิชัยมาตั้งแต่ "ไนน์ตี้ ซุปเปอร์มาร์เก็ต" ซึ่งห่างจากโรงแรมที่เกิดเหตุ 2 ซอย
เมื่อผู้บาดเจ็บขับรถมาถึงลานจอดรถของโรงแรม คนร้ายจึงขี่รถจักรยานยนต์แซงไปจอดด้านหน้ารถยนต์ของผู้บาดเจ็บแล้วใช้ปืนกระหน่ำยิงรวม 7 นัด คือปืนลูกซอง 1 นัด และปืนขนาด .38 อีก 6 นัด แต่พลาดถูกนายวิชัยขับรถยนต์พุ่งชนรถจักรยานยนต์ของมือปืนจนไปติดรั้วประตูลานจอดรถ จนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายพังเสียหาย และมือปืนได้รับบาดเจ็บที่ขา วิ่งกะเผลกๆ ออกจากที่เกิดเหตุ โดยถือปืนขู่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ ระหว่างนั้นพนักงานโรงแรมมาเห็นเหตุการณ์ จึงพยายามวิ่งตามคนร้ายแต่ไม่ทัน
จากภาพถ่ายจากวงจรปิด และการสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมถึงวัตถุพยานอื่นๆ ตำรวจเชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่น่าจะลงมือเพราะเรื่องโกรธระหว่างการขับรถบนท้องถนน โดยให้น้ำหนักไปเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจซื้อขายที่ดินที่ผู้บาดเจ็บทำอยู่มากกว่า
คดีดังกล่าวยังปิดไม่สนิท เนื่องจากตำรวจยังอยู่ระหว่างติดตามคนร้ายอีกคน รวมถึงยังต้องขยายผลหาตัวผู้บงการ แต่ด้วยหลักฐานสำคัญคือพาหนะที่คนร้ายใช้ลงมือก่อเหตุ ถูกผู้บาดเจ็บพุ่งชนจนเสียหายมากเกินกว่าที่คนร้ายจะนำออกจากสถานที่เกิดเหตุได้ กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่นำมาสู่การติดตามจับกุมมือปืน
-----------------------
(แกะรอยจากรถจยย. จับมือยิงเจ้าของโรงแรม : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)