ข่าว

'ท้องไม่พร้อม' ประเด็นร้อนของสาวเกาหลี

'ท้องไม่พร้อม' ประเด็นร้อนของสาวเกาหลี

17 ส.ค. 2557

เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'ท้องไม่พร้อม' ประเด็นร้อนของสาวเกาหลี : โดย...รัชดา ธราภาค

 
                           อุปกรณ์ไอที อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี รวมถึงเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่โดนใจสาวไทยและสาวอีกหลายชาติ ล้วนเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของประเทศเกาหลีใต้ ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และสะท้อนวัฒนธรรมการแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศที่อยู่ในสายเลือดของคนเกาหลีไปพร้อมกัน
 
                           ไม่น่าแปลกใจที่เกาหลีใต้จะขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 15 ของโลก และเป็นสมาชิกในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ที่จัดเป็นประเทศพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีชาติเอเชียรวมอยู่ด้วยไม่มากนัก
 
                           ด้านเศรษฐกิจ เกาหลีเป็นประเทศที่เติบโตก้าวหน้า ทว่า ในทางสังคม เกาหลีเป็นประเทศอนุรักษนิยมอย่างชัดเจน ผลการสำรวจของ เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม เกาหลีถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 111 จาก 136 ประเทศที่มีปัญหาเรื่องความเสมอภาคทางเพศ โดยพิจารณาจากโอกาสในการเข้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ
 
                           วันนี้ เกาหลี ยังเผชิญกับอีกปัญหาใหญ่คือเรื่องการท้องไม่พร้อมของวัยรุ่น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสาเหตุเป็นเรื่องเดียวกันกับโอกาสทางเศรษฐกิจที่อ่อนด้อยของผู้หญิงชาตินี้ นั่นก็คือมรดกทางวัฒนธรรมความคิดแบบขงจื๊อที่คาดหวังบทบาทความเป็นเมียและแม่จากพวกเธอ ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่การงานที่เติบโตก้าวหน้า สถาบันครอบครัวมีความสำคัญ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ดังนั้น เด็กผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเพศศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการคุมกำเนิด
 
                           การขาดความรู้ที่นำไปสู่ความพลั้งพลาดตั้งท้องทั้งที่ยังไม่พร้อม สร้างปัญหาในชีวิตให้แก่ผู้หญิงเกาหลี พวกเธอจะถูกสังคมกีดกันรังเกียจ ถูกตัดขาดญาติมิตร โดนไล่ออกจากบ้าน จากที่ทำงาน ถ้าประกอบการร้านค้าก็จะโดนลูกค้าบอยคอตไม่ซื้อหา ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการอีกต่อไปได้
 
                           ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงหาทางออกด้วยการทำแท้ง ทั้งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และขัดต่อหลักจริยธรรมที่เหล่าคริสต์ศาสนิกชนพากันยึดมั่น ในรอบ 10 ปี อัตราการทำแท้งในประเทศเกาหลีสูงขึ้นเกือบร้อยละ 20 จากจำนวนการทำแท้งที่ 239,000 รายในปี 1996 เพิ่มเป็น 342,000 รายในปี 2005
 
 
 
โจทย์ท้าทายสังคมเกาหลี
 
 
                           ท่ามกลางสถานการณ์ปัญหาท้องไม่พร้อม ประเทศเกาหลีก็เหมือนกับประเทศที่พัฒนาทางเศรษฐกิจอีกหลายประเทศ คือจำนวนประชากรมีแนวโน้มลดลง สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอัตราการเกิดต่ำ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราทารกแรกคลอดของเกาหลีลดลงจากร้อยละ 2 เหลือเพียงร้อยละ 0.2
 
                           ปัญหาประชากรและสังคมท้าทายรัฐบาลเกาหลี ที่ได้ชื่อว่าบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพจนสามารถสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีการประกาศใช้นโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ โดยแนวคิดหลักได้แก่การสนับสนุนการมีบุตรของครัวเรือนเกาหลี โดยการสร้างแรงจูงใจในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้พ่อแม่ พร้อมกันนั้นก็ส่งเสริมในทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อจะเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในอนาคต
 
                           ขณะเดียวกัน เกาหลีได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยทางตรง โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการเรียกร้องทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมสูง ภาคประชาสังคมเกาหลีจึงมีบทบาทไม่น้อยในการผลักดันเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการรับมือกับปัญหาท้องไม่พร้อม ที่มีหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างกระตือรือร้น
 
 
 
“ท้อง” ต้องได้เรียน
 
 
                           ศูนย์เพศศึกษาและให้คำปรึกษาเรื่องเพศ “อะฮา” (AHA Sexuality Education and Counseling Center) เป็นหน่วยงานเอกชนที่เปิดดำเนินการมากว่า 15 ปี ภารกิจหลักคือการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศแก่เด็ก เยาวชน ครอบครัว ครู รวมทั้งวิทยากร เพื่อเผยแพร่ความรู้ตามหน่วยงานต่างๆ 
 
                           อาคารสำนักงานของ “อะฮา” ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องเพศ มีการจัดกิจกรรมและสื่อเพื่อการเรียนรู้ได้อย่างน่าสนใจ โดยเนื้อหาเรื่องเพศถูกนำเสนอผ่านมุมมองทางศิลปะ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่คนกลุ่มต่างๆ
 
                           อะฮายังร่วมกับวายเอ็มซีเอ จัดบริการให้คำแนะนำปรึกษาแก่ผู้ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม เพื่อให้ผู้หญิงรับรู้ถึงทางเลือกต่างๆ เพื่อให้พวกเธอสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ทั้งในระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอด โดยเฉพาะด้านการศึกษาสำหรับคนวัยเรียนที่ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ
 
                           ในเกาหลีเคยมีกรณีนักเรียนมัธยมตั้งครรภ์ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เมื่อเธอยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งต่อมามีคำตัดสินว่าการศึกษาถือเป็นสิทธิของเยาวชน เรื่องนี้กลายเป็นแนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ต้องจัดการศึกษาให้แก่เยาวชนทุกคน ไม่เว้นแม้ผู้ที่ประสบปัญหาท้องในวัยเรียน
 
                           งบประมาณส่วนใหญ่ของ “อะฮา” ได้จากเทศบาลกรุงโซล รวมถึงรายได้จากการจัดฝึกอบรม การเป็นสถานที่ดูงานและทัศนศึกษา กระทรวงศึกษาธิการของเกาหลี ยังมีนโยบายให้ทุกโรงเรียนต้องสอนเพศศึกษาอย่างน้อย 10 ชั่วโมงต่อปี เมื่อคุณครูส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมทั้งด้านความรู้และทักษะที่จะสอนเด็กๆ โรงเรียนสามารถเทียบโอนชั่วโมงเรียนเพื่อให้เด็กๆ มาร่วมกิจกรรมที่ศูนย์อะฮาแห่งนี้
 
                           ปัจจุบัน อะฮามีการขยายสาขาการทำงานเพื่อให้บริการออกไปถึง 50 แห่งทั่วประเทศเกาหลี
 
 
 
“แม่โสด” สร้างอนาคต
 
 
                           เกาหลีใช้คำว่า unwed mother เพื่อสื่อความหมายถึงผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม และต้องรับภาระในการเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง Doorihome สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนและบ้านพักสำหรับแม่โสด จึงเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้หญิงในยามที่ประสบปัญหาในช่วงหนึ่งของชีวิต โดยพวกเธอสามารถแจ้งขอเข้ารับบริการในพื้นที่เขต เพื่อมาพักในบ้านพักแห่งนี้ระหว่างรอคลอด ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับ
 
                           บริการสำหรับผู้หญิงท้องไม่พร้อม ยังรวมไปถึงการดูแลช่วยเหลือในเรื่องการงานอาชีพหลังคลอด ซึ่งพวกเธอจำเป็นต้องพึ่งตัวเองทางเศรษฐกิจ โดยมีการทำงานในลักษณะเครือข่ายกับ Angel’s Story ร้านเสื้อผ้ามือสอง และ Red Mama ร้านกาแฟและเบเกอรี่ ซึ่งเป็นกิจการสำหรับแม่โสดให้ได้ฝึกอาชีพ พร้อมไปกับการทำงานหารายได้ ขณะเดียวกันก็สามารถฝากลูกเล็กให้บ้านพักฉุกเฉินช่วยดูแลในช่วงกลางวัน จนกว่าพวกเธอจะมีความพร้อมที่จะดูแลครอบครัวอย่างแท้จริง เครือข่ายยังมีงบบางส่วนที่สนับสนุนให้แม่โสดที่ต้องการริเริ่มกิจการเล็กๆ ของตัวเองอีกด้วย
 
 
 
“แม่โสด” กับสิทธิเลี้ยงลูก
 
 
                           Korean Unwed Mothers Support Network (KUMSN) ได้รับการจัดตั้งโดยชาวอเมริกันชื่อ Richard Boas ซึ่งรับเด็กผู้หญิงเกาหลีเป็นลูกบุญธรรมเมื่อปี 1988 โดยนโยบายในยุคนั้น รัฐบาลเกาหลีสนับสนุนให้ผู้หญิงท้องไม่พร้อมยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรม ปี 1985 เป็นปีที่มีครอบครัวรับเด็กเกาหลีไป
 
                           เลี้ยงมากที่สุด ถึง 8,837 คน และคนที่รับเด็กเป็นลูกบุญธรรมมากที่สุดก็คือพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกัน อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
 
                           ต่อมารัฐบาลเกาหลีเริ่มมีแนวคิดให้คนเกาหลีรับเด็กเป็นลูกบุญธรรมมากขึ้น จึงจัดงบอุดหนุนครอบครัวบุญธรรมสูงกว่าที่แม่โสดซึ่งเลี้ยงลูกเองได้รับหลายเท่าตัว (ปัจจุบัน แม่โสดได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูบุตร 7 หมื่นวอนต่อเดือน หรือประมาณ 2,600 บาท)
 
                           ปี 2006 Richard Boas พาลูกบุญธรรมมาเยี่ยมบ้านเกิด และพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ได้อยากยกลูกให้คนอื่น แต่จำใจเพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกเองได้ด้วยแรงกดดันทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เขาจึงจัดตั้ง KUMSN ขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงท้องไม่พร้อมให้เข้าถึงสิทธิในการเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง ถ้าพวกเธอยังเรียนไม่จบ องค์กรจะสนับสนุนพวกเธอให้ได้เรียนจนจบ ฝึกวิชาชีพ เปิดร้านขายของเล็กๆ และสนับสนุนในทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้หญิงเหล่านี้สามารถมีงานการที่มั่นคงและสามารถดูแลครอบครัวได้
 
 
 
แก้ ‘ทัศนคติ’ แก้ท้องไม่พร้อม
 
 
                           การขับเคลื่อนงานแก้ปัญหาท้องไม่พร้อมของผู้หญิงในเกาหลี ยังมีแนวร่วมที่สำคัญเป็นหน่วยงานวิชาการอย่าง สถาบันผู้หญิง (Korean Women’s Institute) ในสังกัดมหาวิทยาลัยสตรีอีวา (Ewha Womans University) ซึ่งมีความเข้มแข็งและมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข้อมูลความรู้เพื่อการจัดทำนโยบายด้านผู้หญิงของประเทศ
 
                           ขาดไม่ได้คือ สหสมาคมผู้หญิงเกาหลี (Korean Women’s Association United - KWAU) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของสมาชิก 28 องค์กรที่มุ่งทำงานเพื่อสร้างความเสมอภาคทางเพศ นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิผู้หญิงในเกาหลีเริ่มทำงานมาตั้งแต่ปี 1970 ประเด็นการต่อสู้ในยุคแรก เน้นเรื่องสิทธิแรงงานผู้หญิง จนถึงปัจจุบัน KWAU มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เรียกร้องให้มีการขจัดอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การมีส่วนร่วมทางการเมือง รวมทั้งการแก้ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง
 
                           แม้จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาท้องไม่พร้อมอย่างคึกคักจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในมุมมองของเจ้าหน้าที่ KWAU สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือทัศนคติแบบเดิมของสังคม เพราะแม้จะมีการผลักดันนโยบายและกฎหมายต่างๆ แต่หากผู้ที่เกี่ยวข้องยังมองปัญหาด้วยทัศนคติแบบเก่า โดยการตีตรา เลือกปฏิบัติด้วยอคติทางเพศ ก็ยากที่นโยบายและกฎหมายเหล่านี้จะนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ผลอย่างแท้จริง
 
 
-------------------------------
 
 
รัฐผนึกเอกชนแก้ท้องไม่พร้อมวัยรุ่นไทย
 
 
 
\'ท้องไม่พร้อม\' ประเด็นร้อนของสาวเกาหลี
 
 
                           ข้อมูลจากงานเขียนครั้งนี้ ได้จากการเดินทางไปยังประเทศเกาหลี ร่วมกับคณะข้าราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อศึกษาดูงานระบบสวัสดิการสำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้องโดยไม่พร้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบช่วยเหลือวัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อม โดยความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
 
                           จิตติมา ภาณุเตชะ ผู้ประสานงานมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง กล่าวถึงโครงการนี้ว่ามีเป้าหมายเพื่อพัฒนาต้นแบบของระบบการให้ความช่วยเหลือวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ในบ้านพักเด็กและครอบครัวจำนวน 5 แห่ง และเครือข่ายการทำงานระดับจังหวัดใน 5 จังหวัดนำร่อง การดูงานในครั้งนี้ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการหนุนเสริมศักยภาพของบุคลากร และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่การทำงานเครือข่าย รวมทั้งการเสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบาย
 
                           “สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือโครงสร้างและนโยบายของประเทศเกาหลีเอื้อให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐกับเอกชน โดยเน้นเป้าหมายที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร สำคัญที่สุด คือพบว่าระบบงานที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นได้ บุคลากรต้องมีมุมมองที่เหมาะสม เข้าใจสภาพปัญหา และทำงานด้วยความละเอียดอ่อน ซึ่งจะทำให้งานบรรลุผลอย่างแท้จริง”
 
 
-------------------------------
 
(เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'ท้องไม่พร้อม' ประเด็นร้อนของสาวเกาหลี : โดย...รัชดา ธราภาค)