ข่าว

'เขื่อนโมซุล'ในอุ้งมือกลุ่มไอเอส

'เขื่อนโมซุล'ในอุ้งมือกลุ่มไอเอส

13 ส.ค. 2557

'เขื่อนโมซุล'ในอุ้งมือกลุ่มไอเอส

               หลังจากที่กองกำลังกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ยึดเขื่อนโมซุล เขื่อนใหญ่สุดของอิรักได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดความวิตกว่ากองกำลังที่พร้อมด้วยอาวุธและอุดมการณ์สุดโต่ง จะใช้เป็นไพ่ใบสำคัญในสงครามขยายพื้นที่ยึดครองในอิรัก
        
               นายอาซิส อัลวอช ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมกระทรวงทรัพยากรน้ำอิรัก กล่าวถึงความสำคัญของเขื่อนโมซุลว่า เขื่อนจุน้ำ 2-3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร หากแตกหรือระเบิด อาจทำให้น้ำท่วมเมืองโมซุลได้ภายใน 3 ชั่วโมง เมืองอื่นๆ เรื่อยไปทางแบกแดดจะจมอยู่ใต้น้ำเช่นกันในเวลาราว 4 ชั่วโมง 
        
               แต่จากคำบอกเล่าของช่างเทคนิคคนหนึ่งระบุว่า ข้อเรียกร้องเดียวของไอเอสเอสที่บอกกับบรรดาคนงานที่ซ่อนตัวในสำนักงานฝ่ายจัดการเขื่อนหลังบุกยึดได้คือ จงทำงานต่อไปหากอยากได้เงินเดือน
       
               ช่างเทคนิคคนนี้ซึ่งให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กโดยไม่ขอเอ่ยชื่อ เล่าว่า เขาทำงานอยู่ที่เขื่อน ขณะกลุ่มนักรบราว 500 คน ขับรถปิกอัพ ถือปืนเอเค สวมชุดทหารปะๆ ขาดๆ ยกกำลังกันไปที่นั่น หลังขับไล่ทหารเคิร์ดออกไป

               เขื่อนเป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดที่ไอเอสยึดได้ นับตั้งแต่ยึดจังหวัดนิเนเวห์เมื่อเดือนมิถุนายน อีกทั้งไอเอสยังมีบ่อน้ำมัน และก๊าซ ทางตะวันตกอิรักและตะวันออกซีเรีย ที่สร้างรายได้วันละหลายล้านดอลลาร์ เหล่านี้ล้วนเป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ที่จำเป็นสำหรับค้ำจุนคอลีฟะห์ หรือรัฐอิสลามที่พวกเขาสถาปนาเมื่อมิถุนายน        
 
               ช่างเทคนิคคนเดียวกันกล่าวว่า เขื่อนโมซุลยังอยู่ในความควบคุมของไอเอส  เขาเห็นเครื่องบินรบและโดรนบินวนเวียนอยู่ด้านบนเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม แต่ไม่ได้โจมตี เชื่อว่าไอเอสกำลังใช้เขื่อนเป็นที่หลบซ่อนด้วย เพราะรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ถูกทิ้งระเบิดโจมตีอย่างแน่นอน

               ตามข้อมูลจากคณะกรรมการเขื่อนและอ่างเก็บน้ำของอิรัก ระบุว่าเขื่อนโมซุล สร้างแล้วเสร็จในปี 2529 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้สูงถึง 1,010 เมกะวัตต์  
 
               ก่อนหน้านี้ เขื่อนโมซุลอยู่ในความดูแลของรัฐบาลกลาง และนักรบเปชเมร์กา หรือกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ด เข้ามาช่วยปกป้องหลังจากจ.นิเนเวห์ ตกอยู่ในมือไอเอส แต่ก็ต้านไม่สำเร็จ      

               ช่างเทคนิค เล่าว่า กลุ่มไอเอสได้ขอให้วิศวกรคนหนึ่งไปพาช่างไฟฟ้าจากในเมืองเข้าไปที่นั่น วิศวกรกลับมาพร้อมกับช่างไฟฟ้า
3 คน และช่วยกันซ่อมเครื่องผลิตไฟฟ้าที่ก่อนหน้านั้นหยุดทำงานไปในช่วงที่มีการสู้รบเพื่อชิงเขื่อน 4 วันก่อนหน้า นอกจากนี้ ไอเอสยังพยายามนำวิศวกรประจำเขื่อนในซีเรีย มาช่วยบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าเขื่อนโมซุลอีกทางหนึ่งด้วย
 
               นายฮัสซัน ฮัสซัน นักวิเคราะห์จากสถาบันเดลมาในเมืองอาบูดาบี แสดงความเห็นว่า ไอเอสพยายามนำเสนอตัวเองเป็นรัฐ ไม่ใช่กลุ่มติดอาวุธ เขื่อนและบ่อน้ำมัน คือความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ พวกเขาจะอยู่ที่นั่น และคือคนที่จัดหาบริการแก่ประชาชน
 
               แม้ภาพของไอเอสคือกลุ่มสุดโต่งโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ บ้าคลั่ง น่าสะพรึงกลัว สังหารหมู่ชาวมุสลิมชีอะต์ และชนกลุ่มน้อยต่างศาสนาอย่างไม่ปรานี ด้วยการตัดศีรษะบ้าง ตรึงกางเขนบ้าง แต่ก็ได้รับการต้อนรับจากชาวสุหนี่ไม่น้อยทั้งในอิรักและซีเรีย 

               ช่างเทคนิคคนเดิม กล่าวด้วยว่า ชาวบ้านบางส่วนชื่นชมนักรบเหล่านี้ด้วยซ้ำ หลังจากที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาหลายวัน และโทษว่าเป็นเพราะนักรบเคิร์ดที่เป็นต้นเหตุ            
                ซาลมาน ชาอิก ผู้อำนวยการศูนย์โดฮาในกาตาร์ สถาบันบรู๊คกิ้ง กล่าวว่า กลุ่มสุดโต่งเหล่านี้ไม่แค่บ้าคลั่ง พวกเขายึดเงินสด และทรัพยากรมหาศาล ทั้งน้ำมันและน้ำ สองอย่างที่สำคัญที่สุด และแน่นอนว่าพวกเขาจะใช้สินทรัพย์อันมีค่า เพื่อการเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นอีก